Consider the intrinsic cognitive lo

Consider the intrinsic cognitive load of
the learning materials (based on learner prior
knowledge) before employing time-compression
in your design because the time-compression
increases the extraneous cognitive load (Pastore,
2009; Ritzhaupt, Barron, & Kealy, 2011; Sweller,
Van Merrienboer, & Paas, 1998). Ritzhaupt
and colleagues (2008, 2011) used learning
materials that might be considered low intrinsic
cognitive load as one study used a discussion
of the educational affordances of Podcasts and
the other two studies used a non-fictitious story
about various locations in Australia. Meanwhile,
Pastore (2010, 2012) used a scientific explanation
of how the human heart works, which might
be considered a higher intrinsic cognitive load.
There were differences between these two studies
in terms of the degree of time-compression the
learners could handle before diminishing the
scores on dependent measures of interest. We
believe the instructional designer must strike
a balance between the intrinsic cognitive load

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จำกัดช่วงอัดเมื่อออกแบบข้อความมัลติมีเดียด้วย-บีบอัดเวลา อยู่ในระยะ 150(ความเร็วปกติ) สูงประมาณwpm 275 ซึ่งเป็นเวลา 1.8 (รวม 40%)ความเร็วของการบรรยายปกติ เราได้เห็นจากเราวิจัยและวิจัยไปช่วงทศวรรษ 1950 ที่เริ่มเรียนรู้ผลการเมื่อถึงเพดานนี้เรียนวัสดุ(แฟร์แบงค์ Guttman และ Miron, 1957 Foulke1968 Reid, 1968) Ritzhaupt และมุ่ง (2008)พบว่า ผู้เรียนไม่พอใจมากที่สุดกับ1.4 เท่า (รวม 20%) เสียงปกติความเร็วหรือประมาณ 210 wpm การศึกษานี้รวมความเร็วปกติประมาณ 150wpm ความหมายผู้เรียนมีความพึงพอใจมากด้วยต่อต้านการรักษาที่รวดเร็วเป็นปกติความเร็วของ ผู้เรียนสำรวจ Pastore (ในการตรวจสอบ) และพบว่า ผู้เรียนที่ต้องการบีบอัดเปอร์เซ็นต์ประมาณ 10% การแปลประมาณ 165 wpm ใส่เพียง ผลของเราแนะนำผู้เรียนจะต้องเร่งความเร็วของเสียงในวัสดุการเรียนรู้มัลติมีเดีย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จำกัด
ช่วงการบีบอัดเมื่อออกแบบข้อความมัลติมีเดียที่มีเวลาการบีบอัดอยู่ในช่วงของ
150
(ความเร็วปกติ) ได้สูงสุดประมาณ
275 คำต่อนาทีซึ่งเป็น 1.8 เท่า (40% บีบอัด)
ความเร็วในการบรรยายปกติ เราได้เห็นจากการวิจัยและการวิจัยย้อนหลังไปถึงของเราในปี1950 ที่ผลการเรียนรู้เริ่มต้นที่จะลดลงเมื่อเพดานนี้จะมาถึงในสื่อการเรียนรู้(แฟร์แบงค์ Guttman และไมรอน, 1957; Foulke, 1968; เรด 1968) Ritzhaupt และบาร์รอน (2008) พบว่าผู้เรียนมีความพึงพอใจมากที่สุดกับ1.4 เท่า (20% บีบอัด) เสียงปกติความเร็วหรือประมาณ210 คำต่อนาที การศึกษาครั้งนี้รวมถึงความเร็วปกติประมาณ 150 คำต่อนาทีมีความหมายผู้เรียนมีความพึงพอใจมากขึ้นกับการรักษาเร่งเป็นคัดค้านการปกติความเร็ว เร่ (ในการตรวจสอบ) การสำรวจผู้เรียนและพบว่าผู้เรียนที่ต้องการบีบอัดร้อยละของประมาณ10% ซึ่งหมายถึงเกี่ยวกับ165 คำต่อนาที ใส่เพียงผลของเราขอแนะนำให้ผู้เรียนจริงต้องการเร่งความเร็วเสียงในการเรียนรู้มัลติมีเดียวัสดุ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การบีบอัดช่วง

เมื่อออกแบบข้อความมัลติมีเดียที่มีเวลาการบีบอัดอยู่ภายในช่วงของ 150
( ความเร็วปกติ ) สูงสุดประมาณ
275 WPM ที่ 1.8 ครั้ง ( การบีบอัด 40% )
ความเร็วของการบรรยายปกติ ที่เราได้เห็นจาก
ของเราวิจัยและการวิจัย ย้อนกลับไปในยุคที่ผลการเรียนเริ่ม

จะลดลงเมื่อเพดานนี้ถึงในสื่อการเรียนรู้
( แฟร์แบงค์ กัตต์แมน และไมรอน , 2500 ; foulke
, 1968 ; Reid , 1968 ) และ ritzhaupt บารอน ( 2551 ) พบว่า ผู้เรียนมีความพึงพอใจมากที่สุด

กับ 1.4 เท่า ( อัด 20 % ) เสียงปกติ
ความเร็วหรือประมาณ 210 คือ . การศึกษา
รวมความเร็วปกติประมาณ 150
คือ หมายถึง ผู้เรียนมีความพึงพอใจมากกับ
การรักษาเป็นการคัดค้านเพื่อความเร็วปกติ

แพสทอร์ ( ในความคิดเห็น ) สำรวจพบว่า ผู้เรียน และผู้เรียนที่ต้องการ

ค่าอัดประมาณ 10% ซึ่งแปล

ประมาณ 165 คือ . ใส่เพียง , ผลการศึกษา
ผู้เรียนชอบเร่งความเร็วเสียง
ในการเรียนรู้วัสดุ