ทฤษฎีการสื่อสารวัฒนธรรมร่วม (Co-cultural communication theory)
สำหรับการศึกษาในเรื่องของวัฒนธรรมมีผู้ให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้นในหลายมิติ รวมทั้งมิติของการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม (Intercultural Communication)ซึ่งในมิตินี้Mark P. Orbeได้เรียกว่าเป็นการสื่อสารวัฒนธรรมร่วมหรือ “Co-culturalCommunication”
Mark P. Orbeได้ศึกษาเกี่ยวกับ แบบแผนการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรมของชนกลุ่มน้อยที่มีต่อชนกลุ่มใหญ่ของสังคมภายใต้อำนาจที่ไม่ทัดเทียมกันอันได้แก่ ชนผิวสี สตรี เกย์ เลสเบี้ยน ผู้พิการ เป็นต้น ในบริบทของสังคมอเมริกัน
การสื่อสารวัฒนธรรมร่วม(Co-culturalCommunication) เป็นอีกคำหนึ่งที่Mark P. Orbeใช้แทนการกล่าวถึงสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม (Intercultural Communication) โดย Orbe ได้อธิบายคำว่าการสื่อสารวัฒนธรรมร่วมว่าเป็นการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคนที่มีอำนาจเหนือกว่ากับกลุ่มคนที่มีอำนาจต่ำกว่าในสังคม เขาเลือกที่จะใช้คำว่า “co-cultural communication” แทนที่จะเป็นคำอื่นอาทิ “subcultured”, “subordinate” หรือ “muted group” เนื่องจากคำเรียกดังกล่าวค่อนข้างเป็นคำเรียกที่มองกลุ่มสังคมเหล่านี้ในทางต่ำต้อยกว่า และใช้คำว่า “tactic” เพื่ออธิบายการกระทำการสื่อสารของกลุ่มที่ไม่มีอิทธิพลและใช้คำว่า “strategies” กับกลุ่มที่มีอิทธิพล (Orbe,Mark P.,1998 อ้างถึงใน พีรยุทธ โอรพันธ์, 2551)
ทฤษฎีการสื่อสารวัฒนธรรมร่วม(Co-cultural communication theory)เป็นการค้นหากระบวนการที่สมาชิกของกลุ่มวัฒนธรรมร่วมเลือกปฏิบัติการการสื่อสาร (communicative practices) เมื่อมีการปฏิสัมพันธ์ภายในโครงสร้างของสังคมที่พวกเขาไม่มีอิทธิพล ซึ่ง Orbeพบว่าการกระทำหรือวิธีการสื่อสาร (tactic) ที่สมาชิกของกลุ่มวัฒนธรรมร่วมได้ใช้ในการสื่อสารเพื่อให้ได้ผลบางอย่างที่ตนต้องการนั้น สามาถจัดกลุ่มเป็นตัวแปรอิสระที่เป็นปัจจัยอันมีอิทธิพลต่อการเลือกใช้วิธีการสื่อสาร (practice selection) ได้ทั้งหมด 6 ปัจจัยด้วยกันได้แก่ 1. ผลที่ต้องการ (preferred outcome) 2. ประสบการณ์ชีวิต (field of experience) 3. ความสามารถ (abilities) 4. บริบทของสถานการณ์ (situational context) 5. สิ่งที่ได้มาและสิ่งที่เสียไป (perceived costs and rewards) 6. วิธีการสื่อสาร (communication approach) โดยสามารถแสดงในรูปแบบจำลอง