สามเณรดีเป็นศรีแก่พระศาสนา
สามเณรคือใคร สามเณร คือ หน่อเนื้อแห่งสมณะ หมายถึงนักบวชในศาสนาพุทธ สามเณรต้องเป็นเพศชายมีอายุระหว่าง 7 ปีถึง 20 ปีและถือศีล 10 ข้อ ผู้ที่จะบรรพชาเป็นสามเณรได้นั้นต้องรู้เดียงสาแล้ว คือ เขาสามารถไล่นกไล่กาที่มากินถั่วกินงาได้ ฉะนั้นการทำความดีนั้นเป็นผลดี เพราะความคิดจะนำไปสู่คำพูด คำพูดจะนำไปสู่การกระทำ เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม คนที่มีนิสัยชอบทำความดี คิดดี ก็จะคิดว่า อะไรเป็นประโยชน์เอามาปรับปรุงตัวเอง ทำให้เกิดความดีงาม ฉะนั้นอะไรที่พลั้งผิดไป เขาจึงไม่สนใจ แล้วเริ่มต้นพยายามใหม่ แถมยังมองหาประโยชน์ได้จากสิ่งที่ผิดพลาดนั้นด้วย คนจำพวกนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานความซื่อสัตย์ตลอดเวลา
เมื่อคนเราทำความดีได้ 3 ทาง คือ ทางกาย ทางวาจา และทางใจความดีสากล จึงหมายถึง การกระทำทางกาย วาจา ใจ ที่ทุกคนทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติภาษา ศาสนา และเผ่าพันธุ์ใด ต่างก็ยอมรับว่า เป็นความดีที่ทุกคนในสังคมต้องการคนดี นอกจากนี้การทำความดีนับเป็นการสร้างบุญบารมีก่อเกิดอานิสงส์แก่เราทั้งในปัจจุบันและในภายภาคหน้าหรือภพหน้าอีกด้วย ดังข้อสรุปว่า ความดีสากลที่ทุกคนในโลกยอมรับนั้นมีอยู่ด้วยกัน 5ข้อคือ
1 ความสะอาด
2 ความเป็นระเบียบ
3 ความสุภาพนุ่มนวล
4 ความตรงต่อเวลา
5 อารมณ์ (ใจ)ใส หรืออารมณ์ดี
ความดีพื้นฐานสากล 5 ประการ หากเราฝึกอยู่เป็นประจำจะทำให้เรามีพื้นฐานเบื้องต้น ที่จะพัฒนาตนเองนำไปสู่การเป็นผู้ที่ยึดมั่นในพระรัตนตรัย ทำให้เรามีจิตใจที่ผ่องใส และจะทำให้เรามีนิสัยบัณฑิตที่มีคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐานที่ดีต่อไป" ที่เหลือ เหล่านั้นแล คือ "บุญ" คือ "กุศล" คือ "บารมี" คือ "ความดี" ที่แท้จริง ยิ่งเมื่อ คนผู้นี้ ได้กลายเป็น "คนดี" อย่างแท้แล้ว
เสมือนในหลวงของเราซึ่งเป็นบุคคลตัวอย่างที่ข้าพเจ้าได้แนวคิดตามแนวทางของพระองค์ท่าน ในหลวงทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนทุกคน โดยไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย มีโครงกาพระราชดำริที่เป็นประโยชน์ต่อปวงชนชาวไทยมากมาย น้ำพระทัยของพระองค์หาที่เปรียบมิได้ พระองค์ทรงเป็นพ่อ ทรงเป็นครู ทรงเป็นกำลังใจ ทรงเป็นหลักนำหัวใจของข้าพเจ้าประพฤติตนอยู่ในหลักศีลธรรม คอยระวังความคิด ให้คิดดี พูดดี ทำดี ตั้งมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริตตลอดเวลา เพราะแนวทางของในหลวงมุ่งสู่ฝันเพื่อสร้างความร่มเย็น
สามเณรดีเป็นศรีแก่พระศาสนานั้นต้องรักษาศีลได้ครบ 10 ข้อ กล่าวคือ การฝืนทน หรือ การทนทุกข์ สู้ทุกข์ในโลก อันสายตาของ "คน" ธรรมดาๆ ที่เห็นเป็นการฝืนทน เห็นเป็น "ทุกข์" นี่แหละ แต่โดยแท้จริง ก็ไม่ใช่ "ทนทุกข์" ที่จริงเป็นระเบียบ แบบแผน เป็นทางเดิน ที่จะบุกบั่น มุ่งมั่นไปสู่ "ความดี" เหมือนเด็กเกิดมา ต้องมีหน้าที่ ไปโรงเรียน ทำการบ้าน แม้จะรู้สึกยาก จะรู้สึกลำบาก รู้สึกจะต้องทนอย่างไร ก็ต้องพยายาม ซึ่งเด็กเขา ก็จะรู้สึกว่า เขาต้อง "ฝืนทน" ต้องแบกภาระนั้น เช่นกัน จึงต้องเรียก อาการนี้ว่า ฝืนทน หรือบำเพ็ญเพียร มานะ บากบั่น ให้มากๆเท่าใด เราก็จะได้ "ความดี" มากเท่านั้น พูดง่ายๆ ก็คือ เราต้องอดทนฝืนใจ เราอดทน ไม่เสพสุขทางโลก ให้ได้มากเท่าใด นั่นแหละ เป็น "ความดี" เป็น "บุญ" เป็น "กุศล" มากขึ้นเท่านั้น หรืออดทน ฝืนข่มตัวเอง ให้ตนเองสมใจ ในสมบัติทางโลก น้อยลงเท่าใด นั่นคือ ได้ "ความดี" หรือได้ "บุญ" ได้ "กุศล" มากขึ้นเท่านั้น ไม่ฆ่าและเบียนผู้อื่น ไม่ลักขโมย ไม่เสพเมถุน ไม่พูดโกหก และต้องมีคุณธรรม 5 ประการคือ มีความอดทน เพราะหัดอด หัดทน ไม่หลงในรูป-รส-กลิ่น-เสียง - สัมผัส ให้ได้.เป็นคนถ่อมตนเพราะต้องรับใช้พระสงฆ์ มุ่งมั่นต่อการเรียนเพื่อให้มีความรู้ มีความขยันฝึกสมาธิเพื่อให้เกิดปัญญา และมีความกตัญญูกตเวทีต่อศาสนาและผู้มีพระคุณ