Purcell et al. (2006) explored modi

Purcell et al. (2006) explored modifiable health associated risk factors within a cohort of first year undergraduate nursing students and found that students do not always present a picture of health at this stage in their nursing career. They recommended that the nursing curriculum should incorporate health promotion activities such as exercise programmes and nutritional advice. In addition Clemmens et al. (2004) suggests that the curriculum support the healthy lifestyle behaviour of nursing students. However, Pawloski and Davidson (2003) found that despite nursing curriculum input on primary prevention and health promotion, many students’ nurses did not engage in health behaviour activities. They described an American study which examined the impact of a simple exercise programme on 30 student nurses. Results indicated a deduction in body mass index (BMI’s) and body fat and an increase in physical activity levels. The authors concluded that given the proper motivation and encouragement, nursing students can make positive health choices that will yield beneficial outcomes. They go on to suggest that nurses who make permanent lifestyle changes towards healthy lifestyles make wonderful role models for their peers and their clients. A U.K. study by Watson et al. (2006) suggests that smoking levels in the student nurses population was 3% above the national average. The study also reported that 55% of students were drinking at binge levels. An Irish study also reported that 27% of students smoked while 61% of males and 44% of females engaged in binge drinking at least once a week (Hope et al., 2003).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กเพอร์เซลล์ et al. (2006) explored modifiable สุขภาพสัมพันธ์ปัจจัยเสี่ยงภายใน cohort ของพยาบาลนักเรียนทุนระดับปริญญาตรีปี first และพบว่า นักเรียนไม่เสมอแสดงรูปภาพของสุขภาพในระยะนี้การงานการพยาบาล พวกเขาแนะนำว่า หลักสูตรการพยาบาลควรรวมกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพเช่นโครงการออกกำลังกายและคำแนะนำทางโภชนาการ นอกจากนี้ Clemmens และ al. (2004) แนะนำว่า หลักสูตรที่สนับสนุนพฤติกรรมสุขภาพของนักศึกษาพยาบาล อย่างไรก็ตาม Pawloski และ Davidson (2003) พบว่า แม้ มีพยาบาลเข้าหลักสูตรหลักการป้องกันและสร้างเสริมสุขภาพ พยาบาลมากนักไม่ได้ไม่มีส่วนร่วมในกิจกรรมพฤติกรรมสุขภาพ พวกเขาอธิบายการศึกษาอเมริกันซึ่งตรวจสอบผลกระทบของโครงการออกกำลังกายง่าย ๆ ใน 30 นักเรียนพยาบาล ผลลัพธ์แสดงการหักในดัชนีมวลกาย (BMI ของ) และไขมันในร่างกายและเพิ่มระดับกิจกรรมทางกายภาพ ผู้เขียนสรุปว่า ได้รับแรงจูงใจที่เหมาะสมและให้กำลังใจ นักศึกษาพยาบาลสามารถทำการเลือกสุขภาพบวกที่จะก่อผล beneficial พวกเขาไปในการแนะนำว่า พยาบาลที่ทำการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตที่ถาวรต่อวิถีชีวิตสุขภาพทำให้แบบจำลองบทบาทยอดเยี่ยมสำหรับลูกค้าของพวกเขาและเพื่อนของพวกเขา การศึกษาสหราชอาณาจักรโดย Watson et al. (2006) แนะนำให้ สูบบุหรี่ในประชากรนักเรียนพยาบาลมี 3% สูงกว่าค่าเฉลี่ยประเทศ การศึกษารายงานว่า 55% ของนักเรียนได้ดื่มดื่มสุราระดับ การศึกษาไอริชรายงานว่า 27% ของควันในขณะที่ 61% ของเพศชายและ 44% ของหญิงในการดื่มสุราดื่มที่อย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ (หวัง et al., 2003)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพอร์เซลล์และคณะ (2006) การสำรวจ Modi Fi สามารถต่อสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงภายในกลุ่มของ Fi RST นักศึกษาพยาบาลระดับปริญญาตรีปีและพบว่านักเรียนไม่เคยนำเสนอภาพของสุขภาพในขั้นตอนนี้ในอาชีพพยาบาลของพวกเขา พวกเขาแนะนำว่าหลักสูตรพยาบาลควรรวมการจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพเช่นโปรแกรมการออกกำลังกายและคำแนะนำทางโภชนาการ นอกจาก Clemmens และคณะ (2004) แสดงให้เห็นว่าหลักสูตรการสนับสนุนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่ดีต่อสุขภาพของนักศึกษาพยาบาล อย่างไรก็ตาม Pawloski เดวิดสัน (2003) พบว่าแม้จะมีพยาบาลเข้าหลักสูตรหลักในการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพ, พยาบาลนักเรียนหลายคนไม่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมพฤติกรรมสุขภาพ พวกเขาอธิบายการศึกษาอเมริกันซึ่งการตรวจสอบผลกระทบของโปรแกรมการออกกำลังกายที่เรียบง่ายเมื่อวันที่ 30 นักศึกษาพยาบาล ผลการศึกษาพบการหักในดัชนีมวลกาย (BMI) และไขมันในร่างกายและการเพิ่มขึ้นของระดับการออกกำลังกาย ผู้เขียนสรุปว่าได้รับแรงจูงใจที่เหมาะสมและให้กำลังใจนักศึกษาพยาบาลสามารถเลือกสุขภาพบวกที่จะให้ผลประโยชน์ Fi ผลทางการ พวกเขาไปในที่จะชี้ให้เห็นว่าพยาบาลที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตถาวรที่มีต่อการดำเนินชีวิตที่มีสุขภาพดีให้เป็นแบบอย่างที่ยอดเยี่ยมสำหรับเพื่อนร่วมงานและลูกค้าของพวกเขา การศึกษาในสหราชอาณาจักรโดยวัตสันและคณะ (2006) แสดงให้เห็นว่าการสูบบุหรี่ระดับในประชากรนักศึกษาพยาบาลเป็น 3% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ การศึกษายังรายงานว่า 55% ของนักเรียนได้รับการดื่มในระดับที่ดื่มสุรา การศึกษาไอริชยังรายงานว่า 27% ของนักเรียนรมควันในขณะที่ 61% ของผู้ชายและ 44% ของผู้หญิงมีส่วนร่วมในการดื่มการดื่มสุราอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง (หวัง et al., 2003)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เพอร์เซล et al . ( 2006 ) จึงได้สำรวจสมัครงานสุขภาพปัจจัยที่เกี่ยวข้องในด้านของ จึงตัดสินใจเดินทางเข้าศึกษาปีนักศึกษาพยาบาลระดับปริญญาตรี และพบว่านักเรียนไม่เสมอปัจจุบันภาพของสุขภาพในขั้นตอนนี้ในอาชีพพยาบาลของพวกเขา พวกเขาแนะนำว่าหลักสูตรการพยาบาลควรรวมกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ เช่น โปรแกรมการออกกำลังกายและคำแนะนำทางโภชนาการนอกจากนี้ clemmens et al . ( 2004 ) แสดงให้เห็นว่าสนับสนุนวิถีชีวิตพฤติกรรมสุขภาพของนักศึกษาพยาบาล หลักสูตร อย่างไรก็ตาม pawloski และเดวิดสัน ( 2546 ) พบว่า แม้จะมีหลักสูตรพยาบาลป้อนในการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพ พยาบาล นักเรียนหลายคนไม่เข้าร่วมในกิจกรรมของพฤติกรรมสุขภาพพวกเขาอธิบายอเมริกันศึกษา ซึ่งการตรวจสอบผลของโปรแกรมการออกกำลังกายที่เรียบง่ายใน 30 ของนักศึกษาพยาบาล พบการหักในค่าดัชนีมวลร่างกาย ( BMI ) และไขมันในร่างกายและเพิ่มในระดับกิจกรรมทางกาย ผู้เขียนสรุปว่า ได้รับแรงจูงใจที่เหมาะสมและให้กำลังใจ นักศึกษาสามารถเลือกสุขภาพเชิงบวกที่จะให้ผลผลิตดีจึง่ผลลัพธ์พวกเขาไปในที่จะเสนอแนะว่า พยาบาลที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตที่ถาวรต่อวิถีสุขภาพทำให้เป็นแบบอย่างที่ยอดเยี่ยมสำหรับเพื่อนของพวกเขาและลูกค้าของพวกเขา U.K . การศึกษาโดย Watson et al . ( 2006 ) แสดงให้เห็นว่าการสูบบุหรี่ในระดับนักศึกษาพยาบาล จำนวน 3 % สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ การศึกษายังรายงานว่า 55% ของนักเรียนที่ดื่มสุราระดับการศึกษาไอริชยังรายงานว่า 27 % ของนักเรียนสูบบุหรี่ในขณะที่ 61% ของเพศชายและเพศหญิงร้อยละ 44 ของการมีส่วนร่วมในการดื่มสุรามากเกินไป อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ( หวังว่า et al . , 2003 )