MethodologyThis research was a case

Methodology
This research was a case study of a Year 5 New Zealand
primary school class and their teacher during a technology
unit. This was a class of twenty seven children aged 9-10
years, of whom twenty three participated in the study.
They were taught in a standard general classroom with
children’s individual desks arranged in seven groups. It
also contained three desktop computers, four laptops, and
a projector. The class was taught by a general primary
teacher (female) with seven years teaching experience in
England and New Zealand. A comprehensive photographic
and video record of all activities was made throughout the
unit. The teacher’s whiteboards were photographed, and
also the pages of student workbooks and their finished
products. Selected photographs were used for semistructured
photo-elicitation interviews with each child and
the teacher at the end of the unit (Epstein et al, 2006).
The data enabled analysis of the activities using the
principles of the CA framework (Collins, 2006). An
interpretivist paradigm was used, whereby the researcher
combined evidence to interpret the pedagogical methods
of each learning activity (Cohen, Manion,& Morrison,
2000).
A qualitative analysis procedure recommended by
Lichtman (2006) was employed for coding and
categorising the data by interpreting, reviewing and
refining, and then developing themes or concepts from it.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิธีการที่งานวิจัยนี้เป็นกรณีศึกษาของการปี 5 นิวซีแลนด์ชั้นประถมศึกษาและครูระหว่างเทคโนโลยีหน่วยการ นี่เป็นชั้นเรียนของเด็กยี่สิบเจ็ดอายุ 9-10ปี คนยี่สิบสามเข้าร่วมในการศึกษาพวกเขาถูกสอนในห้องเรียนมาตรฐานทั่วไปด้วยเด็กแต่ละโต๊ะทำงานจัดกลุ่มเจ็ด มันนอกจากนี้ยัง ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์สาม แล็ปท็อปสี่ และโปรเจคเตอร์ ชั้นถูกสอน โดยหลักทั่วไปครู (หญิง) มี 7 ปีสอนในอังกฤษและนิวซีแลนด์ ครอบคลุมการถ่ายภาพและการบันทึกวิดีโอของกิจกรรมทั้งหมดตลอดการหน่วยการ กระดานของครูถูกถ่ายภาพ และยังหน้าของสมุดงานนักเรียนและผู้สำเร็จผลิตภัณฑ์ ใช้สำหรับเลือกภาพ semistructuredสัมภาษณ์ elicitation ภาพกับเด็กแต่ละคน และครูในตอนท้ายของหน่วย (สเตียน et al, 2006)ข้อมูลที่ใช้วิเคราะห์โดยใช้กิจกรรมการหลักของกรอบงาน CA (คอลลินส์ 2006) มีกระบวนทัศน์ interpretivist ใช้ โดยนักวิจัยหลักฐานรวมแปลวิธีการสอนของแต่ละกิจกรรมการเรียนรู้ (โคเฮน Manion และมอร์ริ สัน2000)ขั้นตอนวิเคราะห์คุณภาพแนะนำLichtman (2006) ถูกว่าจ้างในการเขียนรหัส และจำแนกข้อมูล โดยการตีความ ทบทวน และกลั่น และพัฒนารูปแบบหรือแนวคิดจาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ระเบียบวิธี
การวิจัยครั้งนี้เป็นกรณีศึกษาปีที่ 5 นิวซีแลนด์
ระดับโรงเรียนประถมศึกษาและครูของพวกเขาในช่วงเทคโนโลยี
หน่วย นี่คือชั้นยี่สิบเจ็ดลูกอายุ 9-10
ปีที่ผ่านมาของผู้ที่ยี่สิบสามล้านร่วมในการศึกษา.
พวกเขาได้รับการสอนในห้องเรียนทั่วไปมาตรฐานกับ
โต๊ะทำงานของแต่ละบุคคลของเด็กจัดให้อยู่ในกลุ่มเจ็ด มัน
ยังมีสามคอมพิวเตอร์เดสก์ทอปสี่แล็ปท็อปและ
โปรเจ็กเตอร์ ชั้นเรียนสอนโดยหลักทั่วไป
ครู (หญิง) กับเจ็ดปีในการสอนมีประสบการณ์ใน
อังกฤษและนิวซีแลนด์ การถ่ายภาพที่ครอบคลุม
และบันทึกวิดีโอของกิจกรรมทั้งหมดถูกสร้างขึ้นมาตลอดทั้ง
หน่วย กระดานไวท์บอร์ดของครูถูกถ่ายภาพและ
ยังหน้าของสมุดงานของนักเรียนและดำเนินการเสร็จสิ้นของพวกเขา
ผลิตภัณฑ์ รูปภาพที่เลือกไว้ถูกนำมาใช้สำหรับแบบกึ่งโครงสร้าง
สัมภาษณ์ภาพสอบถามกับเด็กแต่ละคนและ
ครูที่ท้ายของหน่วย (เอพสเต et al, 2006).
การวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานของกิจกรรมโดยใช้
หลักการของกรอบแคลิฟอร์เนีย (คอลลิน 2006)
กระบวนทัศน์ interpretivist ถูกนำมาใช้โดยนักวิจัย
รวมหลักฐานในการตีความวิธีการสอน
ของแต่ละกิจกรรมการเรียนรู้ (โคเฮน Manion และมอร์ริสัน,
2000).
ขั้นตอนการวิเคราะห์เชิงคุณภาพที่แนะนำโดย
Lichtman (2006) ถูกจ้างสำหรับการเขียนโปรแกรมและการ
จัดหมวดหมู่ข้อมูลโดย แปลทบทวนและ
การกลั่นและจากนั้นการพัฒนารูปแบบหรือแนวคิดจากมัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วิธีการ
การวิจัยกรณีศึกษาปี 5 นิวซีแลนด์
โรงเรียนชั้นเรียนและครูของพวกเขาในระหว่างเทคโนโลยี
หน่วย นี้เป็นรุ่นยี่สิบเจ็ดเด็กอายุ 9-10
ปียี่สิบสามของผู้เข้าร่วมการ ศึกษา .
เรียนในชั้นเรียนทั่วไปมาตรฐาน
เด็กแต่ละโต๊ะจัดอยู่ใน 7 กลุ่ม มัน
ยังมีสามเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์สี่แล็ปท็อปและ
โปรเจคเตอร์ . ชั้นถูกสอนโดยทั่วไป ครูประถม
( หญิง ) ที่มีประสบการณ์การสอน 7 ปี
อังกฤษและนิวซีแลนด์ ถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอเป็น
ครอบคลุมกิจกรรมทั้งหมดที่ทำมาตลอด
หน่วย กระดานไวท์บอร์ดของครูที่ได้ถ่ายภาพและ
ยังหน้าสมุดงานนักเรียน และผลิตภัณฑ์ของตนเสร็จแล้ว

เลือกภาพที่ใช้สำหรับสร้าง การสัมภาษณ์ การถ่ายกับเด็กแต่ละคน

ครูและในตอนท้ายของหน่วย ( Epstein et al , 2006 ) .
ข้อมูลที่ใช้วิเคราะห์กิจกรรมโดยใช้หลักการของ CA
กรอบ ( Collins , 2006 ) เป็น
interpretivist กระบวนทัศน์ที่ใช้โดยนักวิจัย
รวมหลักฐานเพื่อตีความสอนวิธีการ
กิจกรรมการเรียนรู้แต่ละ ( โคเฮน แมเนียน& , มอร์ริสัน ,
2 )

แนะนำโดยกระบวนการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ lichtman ( 2006 ) ที่ใช้สำหรับการเข้ารหัสและ
categorising ข้อมูลโดยการตีความ การตรวจทานและ
การกลั่น แล้วพัฒนารูปแบบหรือแนวคิดจาก