that would eventually win his first

that would eventually win his first and only Nobel Prize in Physics
20:06 but it would still be a while before I'm stands photon model love light
20:10 would gain widespread acceptance within academia those models show that like can
20:15 behave like a particle when being absorbed
20:17 there was no indication that like behave like a particle when being omitted
20:21 or in the intervening time between emission and absorption
20:24 one decade before Einstein published his groundbreaking analysis on the photo
20:28 electric effect
20:29 an experiment opposite to the previous one had been performed by another German
20:34 physicist
20:34 named bill Holman Road getting who produced the first X-rays
20:38 he did this by firing high-energy electrons at a piece of metal
20:42 which yielded electromagnetic radiation that was almost entirely and
20:46 x3 region of the electromagnetic
20:48 NetIQ spectrum the phenomenon was called bran stolen
20:52 according to the way picture a flight what should have happened was that when
20:55 the incident electron struck the items in the metal sheet
20:58 there should have been a shower electromagnetic radiation
21:02 every frequency this is analogous to striking the symbol
21:06 which will produce sound waves that cover an entire portion at the audio
21:09 spectrum
21:10 this is not what happened though the resulting electromagnetic waves were
21:15 X-rays
21:16 they didn't include all x-ray frequencies in fact
21:20 what did happen was the river so the photo electric effect
21:23 the greater the kinetic energy of the incoming electron
21:26 the higher the frequency and those energy up the outgoing photon
21:31 the wave theory broke down once again well with Einstein's boat on theory of
21:35 light
21:35 the results made perfect sense the frequencies are the outgoing photons
21:40 were dependent upon how much energy the electrons transferred to the atoms that
21:44 they struck
21:44 which suggest that the nature of this interaction is discrete rather than
21:48 continuous
21:49 and again this makes no sense under the weight paradigm applied
21:53 such results only make sense within the context of light acting like a particle
21:57 the equation for braums trillin is Kate
22:01 equals H times F Max where cases the kinetic energy of the incoming electron
22:06 f max is the maximum frequency of light emitted
22:09 and H as usual is Planck's constant
22:12 notice that this equation is almost identical to that of the photo electric
22:16 effect
22:17 this makes perfect sense since it's the same process just reverse
22:21 you may also notice that in the case have been struggling
22:24 there's no work function that's because the value for it is so small compared to
22:28 the energy is being dealt with that it can be neglected altogether
22:31 but in principle these equations which represent the absorption and emission of
22:36 light
22:36 are both based on the underlying principle that light behaves like a
22:39 particle
22:41 so those for its been established that light behaves like a particle when it
22:45 submitted
22:46 and behaves like a particle again when it's absorbed
22:49 what about the time in between enter arthur compton in 1922
22:54 who fired x-ray beams at Bloxham carbon and measured the wavelengths of the
22:58 outgoing electromagnetic
22:59 radiation the phenomenon that he was experimenting with is called scattering
23:03 which can basically be summarized as one thing hitting another thing
23:07 unlike the previous experiments would Compton was explicitly measuring was the
23:12 wavelengths
23:13 which again is defined as the distance between two successive peak civil wave
23:17 according to the wave picture applied when an electromagnetic waves strikes in
23:22 electron in the carbon
23:23 the electron should absorb some of the X-rays energy and start oscillating in
23:27 response
23:28 this in turn should cause the electron to re radiate that energy in a variety
23:32 of directions
23:33 in the form of scattered electromagnetic waves the key point is that the
23:37 wavelength of the light beams that come in
23:40 and the light beams they get rereading it did should stay the same
23:43 lambda denotes the wavelengths of the incoming light
23:46 lambda prime denotes the wavelengths the outgoing light
23:50 according to the wave theory of light these two value should be equal
23:54 throughout the scattering process
23:56 but they weren't after the experiment was performed

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ที่ในที่สุดจะชนะเขาแรกเท่านั้น และรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์20:06 แต่ยังคงได้ขณะก่อนที่ฉันยืนโฟตอนรุ่นรักแสง20:10 จะได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายภายใน academia ที่แสดงรูปแบบที่สามารถ20:15 ทำงานเหมือนกับอนุภาคเมื่อถูกดูดซึมเข้า20:17 มีไม่บ่งชี้ว่าการทำงานเช่นอนุภาคเมื่อถูกละเว้น20:21 หรือ ในเวลาอยู่ระหว่างกลางระหว่างปล่อยก๊าซและการดูดซึมหนึ่งทศวรรษก่อนที่ไอน์สไตน์เผยแพร่ภาพวิเคราะห์ของเขาคว้า 20:2420:28 ผลไฟฟ้า20:29 ที่ตรงข้ามกับก่อนหน้าการทดลองได้ดำเนินการ โดยเยอรมันอีก20:34 physicist20:34 ชื่อถนนโฮลมันรับผู้ผลิตรังสีเอกซ์ที่แรกที่เรียกเก็บเงิน20:38 พระองค์นี้ โดยการยิงอิเล็กตรอน high-energy ที่ชิ้นส่วนของโลหะ20:42 ซึ่งผลรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีเกือบทั้งหมด และ20:46 x 3 ภูมิภาคของการไฟฟ้า20:48 NetIQ สเปกตรัมปรากฏการณ์เรียกว่ารำขโมย20:52 ตามแบบรูปภาพเที่ยวบินอะไรควรเกิดถูกที่เมื่อ20:55 อิเล็กตรอนเหตุการณ์หลงสินค้าแผ่นโลหะ20:58 ควรมีคลื่นน้ำ21:02 ทุกความถี่นี้มีความคล้ายคลึงกับสัญลักษณ์โดดเด่น21:06 ซึ่งจะผลิตคลื่นเสียงที่ครอบคลุมส่วนทั้งที่เสียง21:09 สเปกตรัม21:10 นี้จะไม่เกิดขึ้นแม้ว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเกิดขึ้นได้21:15 X-rays21:16 พวกเขาไม่ได้รวมทั้งการเอ็กซ์เรย์ความถี่ในความเป็นจริง21:20 สิ่งที่เกิดขึ้นถูกแม่น้ำดังนั้นผลภาพไฟฟ้า21:23 ยิ่งพลังงานจลน์ของอิเล็กตรอนเข้ามา21:26 ความถี่สูงและพลังงานเหล่านี้เราออกค่า21:31 ทฤษฎีคลื่นสัญญาอีกครั้งกับเรือของไอน์สไตน์กับทฤษฎีของแสง 21:3521:35 ผลความถี่ที่เหมาะสมกลายเป็น photons ขาออก21:40 ได้ขึ้นเท่าใดพลังงานโอนอิเล็กตรอนไปอะตอมที่21:44 เขาหลง21:44 ซึ่งแนะนำว่า ลักษณะของการโต้ตอบนี้แยกกัน rather กว่าต่อเนื่อง 21:4821:49 และอีกครั้งนี้ทำให้ไม่มีความรู้สึกภายใต้กระบวนทัศน์น้ำหนักใช้21:53 ผลดังกล่าวทำความรู้สึกภายในบริบทของแสงทำหน้าที่เหมือนเป็นอนุภาค21:57 braums trillin สมการคือ เคท22:01 เท่ากับ H เวลา F สูงสุดที่กรณีพลังงานจลน์ของอิเล็กตรอนเข้ามา22:06 f สูงสุดมีความถี่สูงสุดของแสงออกมา22:09 และ H คือ ค่าคงของของพลังค์ตามปกติ22:12 แจ้งว่า สมการนี้จะเหมือนกับการที่ภาพไฟฟ้า22:16 ผล22:17 ซึ่งทำให้เหมาะสมเนื่องจากเป็นกระบวนการเดียวกันเพียงย้อน22:21 คุณอาจสังเกตเห็นที่ในกรณีได้รับการดิ้นรน22:24 มีคือ ฟังก์ชันไม่ทำงานเนื่องจากค่าของมันมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับที่22:28 พลังงานเป็นการดำเนินการที่มันสามารถจะที่ไม่มีกิจกรรมทั้งหมด22:31 แต่หลักสมการเหล่านี้ซึ่งแสดงถึงการดูดซึมและไอเสียแสง 22:3622:36 ทั้งอยู่บนหลักการพื้นฐานที่ทำงานของไฟเช่นการ22:39 อนุภาค22:41 ดังนั้นสำหรับของถูกว่า แสงผสมอนุภาคที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อนั้น22:45 ส่ง22:46 และผสมกับอนุภาคอีกครั้งเมื่อมีการดูดซึม22:49 สิ่งที่เกี่ยวกับเวลาในระหว่างป้อนอาร์เธอร์คอมป์ตันในค.ศ. 192222:54 ที่ยิงรับลำแสงเอกซเรย์ที่คาร์บอน Bloxham และวัดความยาวคลื่นของ การ22:58 ไฟฟ้าขาออก22:59 รังสีปรากฏการณ์ที่เขาได้ทดลองด้วยคือโปรย23:03 ซึ่งสามารถสรุปเป็นสิ่งหนึ่งที่ตีสิ่งอื่นโดยทั่วไป23:07 ซึ่งแตกต่างจากการทดลองก่อนหน้านี้จะคอมป์ตันชัดเจนวัดได้23:12 ความยาวคลื่น23:13 ซึ่งอีก ไว้เป็นระยะห่างระหว่างคลื่นพลเรือนสูงสุดต่อเนื่องสอง23:17 ตามรูปคลื่นที่ใช้เมื่อการนัดหยุดงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าใน23:22 อิเล็กตรอนในคาร์บอน23:23 อิเล็กตรอนจะดูดซับพลังงานรังสีเอกซ์อย่างใดอย่างหนึ่ง และเริ่มขาใน23:27 คำตอบ23:28 นี้จะควรทำให้เกิดอิเล็กตรอนจะกลับแผ่พลังงานที่หลาย23:32 ของทิศทาง23:33 ในรูปแบบของการกระจายไฟฟ้าคลื่นจุดสำคัญคือการ23:37 ความยาวคลื่นของคานเบาที่เข้ามา23:40 และแสงคานจะรับ rereading ไม่ควรอยู่เหมือนกัน23:43 แลมบ์ดาแสดงความยาวคลื่นของแสงเข้ามา23:46 นายกแลมบ์ดาแสดงความยาวคลื่นแสงที่ส่งออก23:50 ตามทฤษฎีคลื่นของแสงทั้งสองค่าควรจะเท่ากัน23:54 ตลอดการ scattering23:56 แต่ไม่หลังจากที่ทำการทดลอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ว่าในที่สุดจะเป็นผู้ชนะรางวัลโนเบลแรกและคนเดียวของเขาในฟิสิกส์
20:06 แต่ก็ยังจะเป็นในขณะที่ก่อนที่ฉันจะยืนแสงโฟตอนความรักรูปแบบ
20:10 จะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางภายในสถาบันการศึกษารูปแบบที่แสดงให้เห็นว่าสามารถเช่น
20:15 ประพฤติ เหมือนอนุภาคเมื่อถูกดูดซึม
20:17 มีข้อบ่งชี้ที่ชอบทำตัวเหมือนอนุภาคเมื่อมีการละเว้น
20:21 หรือในเวลาที่การแทรกแซงระหว่างการปล่อยและการดูดซึม
20:24 หนึ่งทศวรรษที่ผ่านมาก่อนที่จะตีพิมพ์ Einstein วิเคราะห์แหวกแนวของเขาในภาพ
20: 28 ผลกระทบไฟฟ้า
20:29 ทดลองตรงข้ามกับหนึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการดำเนินการอีกเยอรมัน
20:34 ฟิสิกส์
20:34 ชื่อบิลถนนฮอลได้รับผู้ผลิตแรกรังสีเอกซ์
20:38 เขาทำอย่างนี้โดยการยิงอิเล็กตรอนพลังงานสูง ที่ชิ้นส่วนของโลหะ
20:42 ซึ่งให้ผลรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกือบทั้งหมดและ
20:46 ภูมิภาค x3
ของแม่เหล็กไฟฟ้าคลื่นความถี่20:48 NetIQ ปรากฏการณ์ที่เรียกว่ารำข้าวที่ถูกขโมย
20:52 ตามรูปแบบที่เที่ยวบินในสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น คือการที่เมื่อ
20:55 อิเล็กตรอนเหตุการณ์ที่เกิดรายการที่หลงในแผ่นโลหะ
20:58 มีควรจะได้รับรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่อาบน้ำและ
21:02 ทุกความถี่นี้จะคล้ายคลึงกับการที่โดดเด่นเป็นสัญลักษณ์
21:06 ซึ่งจะผลิตคลื่นเสียงที่ครอบคลุม ส่วนทั้งที่เสียง
21:09 สเปกตรัม
21:10 นี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแม้ว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้นเป็น
21:15 รังสีเอกซ์
21:16 พวกเขาไม่ได้รวมทั้งหมดความถี่ X-ray ในความเป็นจริง
21:20 สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นแม่น้ำเพื่อให้ภาพที่มีผลบังคับใช้ไฟฟ้า
21:23 มากขึ้นพลังงานจลน์ของอิเล็กตรอนเข้ามา
21:26 ความถี่ที่สูงขึ้นและพลังงานเหล่านั้นขึ้นโฟตอนออก
21:31 ทฤษฎีคลื่นยากจนลงอีกครั้งได้ดีกับเรือของ Einstein ในทฤษฎี ของ
21:35 แสง
21:35 ผลทำให้ความรู้สึกที่สมบูรณ์แบบความถี่ที่มีโฟตอนออก
21:40 ก็ขึ้นอยู่กับเท่าใดพลังงานอิเล็กตรอนโอนไปยังอะตอมที่
21:44 พวกเขาหลง
21:44 ซึ่งชี้ให้เห็นว่าลักษณะของการนี้ การทำงานร่วมกันเป็นที่ไม่ต่อเนื่องมากกว่า
21:48 ต่อเนื่อง
21:49 และอีกครั้งนี้ทำให้รู้สึกไม่อยู่ภายใต้กระบวนทัศน์น้ำหนักที่ใช้
21:53 ผลดังกล่าวเพียง แต่จะทำให้ความรู้สึกในบริบทของการแสดงแสงเหมือนอนุภาค
21:57 สมการ braums Trillin เป็นเคท
22:01 เท่ากับ H F แม็กซ์ครั้งที่กรณีพลังงานจลน์ของอิเล็กตรอนเข้ามา
22:06 ฉสูงสุดความถี่สูงสุดของแสงที่ปล่อยออกมา
22:09 และ H ตามปกติคือคงตัวของพลังค์
22:12 แจ้งให้ทราบว่าสมการนี้เกือบจะเหมือนกับ ที่ไฟฟ้าภาพ
22:16 ผล
22:17 นี้ทำให้รู้สึกดีเพราะมันเป็นกระบวนการเดียวกันเพียงแค่ย้อนกลับ
22:21 คุณยังอาจสังเกตเห็นว่าในกรณีที่ได้รับการดิ้นรน
22:24 มีฟังก์ชั่นการทำงานที่เป็นเพราะค่าของมัน มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับ
22:28 พลังงานจะถูกจัดการกับว่าจะสามารถละเลยโดยสิ้นเชิง
22:31 แต่ในหลักการสมการเหล่านี้ซึ่งเป็นตัวแทนของการดูดซึมและการปล่อยของ
22:36 แสง
22:36 มีทั้งที่อยู่บนพื้นฐานของหลักการพื้นฐานที่ พฤติกรรมแสงเหมือน
22:39 อนุภาค
22:41 เพื่อให้ผู้ได้รับการยอมรับว่าแสงพฤติกรรมเช่นอนุภาคเมื่อ
22:45 ส่ง
22:46 และพฤติกรรมเช่นอนุภาคอีกครั้งเมื่อมีการดูดซึม
22:49 สิ่งที่เกี่ยวกับเวลาในระหว่าง ป้อนอาร์เธอร์คอมป์ตันในปี 1922
22:54 ที่ยิงลำแสงเอ็กซ์เรย์ที่คาร์บอน Bloxham และวัดความยาวคลื่นของ
22:58 ไฟฟ้าขาออก
22:59 รังสีปรากฏการณ์ที่ว่าเขาถูกทดสอบด้วยเรียกว่ากระเจิง
23:03 ซึ่งโดยทั่วไปสามารถสรุปได้ เป็นสิ่งหนึ่งที่ตีอีกหนึ่งสิ่งที่
23:07 ซึ่งแตกต่างจากการทดลองก่อนหน้านี้จะได้รับอย่างชัดเจนคอมป์ตันวัดเป็น
23:12 ความยาวคลื่น
23:13 อีกครั้งซึ่งมีการกำหนดเป็นระยะห่างระหว่างสองคลื่นแพ่งต่อเนื่องสูงสุด
23:17 ตามภาพคลื่นใช้เมื่อ นัดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าใน
23:22 อิเล็กตรอนในคาร์บอน
23:23 อิเล็กตรอนควรดูดซับบางส่วนของพลังงานรังสีเอกซ์และเริ่มสั่นใน
23:27 ตอบสนอง
23:28 ในทางกลับกันควรทำให้เกิดอิเล็กตรอนอีกครั้งแผ่พลังงานว่าใน ความหลากหลาย
23:32 ทิศทาง
23:33
ในรูปแบบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากระจายจุดสำคัญคือที่ความยาวคลื่น23:37 ของคานแสงที่มาใน
23:40 และคานแสงพวกเขาได้รับ rereading มันไม่ควรจะอยู่ที่เดียวกัน
23:43 แลมบ์ดาหมายถึงความยาวคลื่นของแสงที่เข้ามา
23:46 แลมบ์ดาที่สำคัญหมายถึงความยาวคลื่นแสงออก
23:50 ตามทฤษฎีคลื่นของแสงทั้งสองค่าควรจะเท่ากับ
23:54 ตลอดกระบวนการกระเจิง
23:56 แต่พวกเขา ไม่ได้หลังการทดลองที่ได้ดำเนินการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ที่ในที่สุดก็จะชนะครั้งแรกของเขาในฟิสิกส์รางวัลโนเบลเท่านั้นและ20:06 แต่มันก็ยังคงเป็นในขณะที่ก่อนที่ผมจะยืนแบบรักแสงโฟตอน20 : 10 จะได้รับฉาวยอมรับภายในสถาบันการศึกษาโมเดลเหล่านั้นที่แสดง เช่น สามารถ20 : 15 ทำตัวเป็นอนุภาค เมื่อถูกดูดซึม20 : 17 ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าชอบทำตัวเป็นอนุภาค เมื่อถูกตัดออก20 : 21 หรือในการแทรกแซงเวลาระหว่างการปล่อยและการดูดซึม20 : 24 หนึ่งทศวรรษก่อนที่ไอน์สไตน์ตีพิมพ์ของเขา groundbreaking ในการวิเคราะห์รูป20 : 28 คําไฟฟ้าผล20 : 29 การทดลองตรงข้ามกับหนึ่งก่อนหน้านี้ ได้อีก โดย เยอรมัน20 : 34 นักฟิสิกส์20 : 34 ชื่อบิล โฮลแมน ถนนเริ่มผลิตรังสีเอกซ์ครั้งแรก20 : 38 เขาทำโดยการยิงอิเล็กตรอนพลังงานสูงที่แผ่นโลหะ20 : 42 ซึ่งให้ผลคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกือบทั้งหมด และ20:46 X3 ภูมิภาคของแม่เหล็กไฟฟ้า20 : 48 netiq สเปกตรัมของปรากฏการณ์ที่เรียกว่ารำข้าวถูกขโมย20 : 52 ตามทางภาพเครื่องบิน สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น คือ เมื่อ20:55 เหตุการณ์อิเล็กตรอนหลงรายการในแผ่นโลหะ20:58 ควรได้รับการอาบรังสีแม่เหล็กไฟฟ้า21:02 ทุกความถี่นี้จะคล้ายคลึงกับที่โดดเด่นเป็นสัญลักษณ์21:06 ซึ่งจะผลิตคลื่นเสียงที่ครอบคลุมส่วนที่เสียงทั้งหมด21:09 สเปกตรัม21 : 10 นี้จะไม่เกิดอะไรขึ้น แต่ผลคือ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า21 : 15 ยุ21 : 16 พวกเขาไม่ได้รวมถึงความถี่รังสีทั้งหมดในความเป็นจริง20 สิ่งที่เกิดขึ้นคือแม่น้ำดังนั้นภาพถ่ายไฟฟ้าผล21 : 23 มากกว่าพลังงานจลน์ของอิเล็กตรอนที่เข้ามา21 : 26 สูงกว่าความถี่และพลังงานโฟตอนขาออก21 : 31 คลื่นทฤษฎียากจนลงอีกครั้งด้วยเรือในทฤษฎีของไอน์สไตน์21 : 35 แสง21 : 35 ผลทำให้ความรู้สึกที่สมบูรณ์แบบความถี่ที่มีโฟตอนขาออก21 : 40 ) ขึ้นอยู่กับเท่าใดพลังงานที่อิเล็กตรอนย้ายอะตอมว่า21 : 44 พวกเขาหลง21 : 44 ซึ่งชี้ให้เห็นว่าธรรมชาติของการปฏิสัมพันธ์นี้จะต่อเนื่องมากกว่า21:48 อย่างต่อเนื่อง21:49 และอีกครั้งนี้ไม่มีเหตุผลภายใต้กระบวนทัศน์ที่ใช้น้ำหนัก21:53 ผลดังกล่าวทำให้ความรู้สึกภายในบริบทของแสงแสดงเป็นอนุภาค21:57 สมการ braums trillin เคท22:01 เท่ากับ H ครั้ง F สูงสุดที่กรณีพลังงานจลน์ของอิเล็กตรอนที่เข้ามา22:06 F สูงสุดคือความถี่สูงสุดของแสงที่ปล่อยออกมา22:09 และ h คือค่าคงที่ของพลังค์ เป็นปกติ22 : 12 แจ้งว่าสมการนี้คือเกือบจะเหมือนกันกับที่ของภาพไฟฟ้า) ผล22 : 17 นี้ทำให้ความรู้สึกที่สมบูรณ์แบบเพราะมันเป็นกระบวนการเดียวกันแค่ย้อนกลับ22 : 21 นอกจากนี้คุณยังอาจสังเกตเห็นว่าในกรณีได้รับการดิ้นรน22:24 ไม่ทำงาน ฟังก์ชั่น เพราะค่ามันมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับ22 : 28 พลังงานจะถูกจัดการที่สามารถละเลยทั้งหมด22 : 31 แต่ในหลักการเหล่านี้สมการที่แสดงการดูดซึมและการปล่อยของ22:36 แสง22:36 ทั้งสองอยู่บนพื้นฐานหลักการที่ทำตัวเหมือนแสงเป็นต้น22 : 39 อนุภาค22:41 ดังนั้นผู้ของถูกก่อตั้งขึ้นที่แสงประพฤติตัวเหมือนอนุภาคเมื่อ22 : 45 ส่ง22 : 46 และทำตัวเหมือนอนุภาคอีกครั้งเมื่อมันดูด22:49 แล้วระยะเวลาในการใส่ อาเธอร์ตัน ในปี 192222:54 ใครยิงลำแสงเอกซเรย์ที่ bloxham คาร์บอนและการวัดความยาวคลื่นของ22:58 ขาออกแม่เหล็กไฟฟ้า22:59 รังสีปรากฏการณ์ที่เขาได้ทดลองกับเรียกว่าการหว่าน23:03 ซึ่งโดยทั่วไปสามารถสรุปเป็นสิ่งหนึ่งที่ตีอย่างอื่น23:07 แตกต่างจากการทดลองก่อนหน้านี้จะคอมป์ตันเป็นอย่างชัดเจน วัด คือ23 : 12 ความยาวคลื่น23 : 13 อีกครั้งซึ่งหมายถึง ระยะทางระหว่างยอดคลื่นสองภาคต่อเนื่อง23 : 17 ตามคลื่นภาพใช้เมื่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ลงมือ23 : 22 อะตอมคาร์บอน23 : 23 อิเล็กตรอนควรจะดูดซับบางส่วนของรังสีเอกซ์พลังงานและเริ่มสั่นใน23 : 27 “การตอบสนอง23 : 28 ในเทิร์นนี้จะทำให้เกิดอิเล็กตรอนอีกแผ่พลังงานในรูปแบบต่าง ๆ23:32 เส้นทาง23 : 33 ในรูปแบบของการกระจายคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จุดสำคัญก็คือ23:37 ความยาวคลื่นของแสงที่เข้ามา23 : 40 และแสงที่พวกเขาได้รับการอ่านมันไม่ควรอยู่เหมือนกัน23 : 43 แสดงความยาวคลื่นของแสงที่ส่งเข้ามาส่ง 23 : 46 แสดงความยาวคลื่นแสงที่เฉพาะขาออก23:50 ตามทฤษฎีคลื่นของแสงทั้งสองจะต้องเท่ากับค่า23:54 ตลอดการ กระบวนการ23 : 56 แต่พวกเขาไม่ได้หลังจากทดสอบ