Research and Development is what it

Research and Development is what it sounds like. There is where you develop your product for the market. Depending on how you position your product, it will automatically move that product into a certain segment of the industry. If you don't update your product accordingly, it will fall into a different segment of the industry (e.g. If you don't update you High End product, it will eventually fall into the Tradition market, and then the Low End market). Lets examine the terminology first.

Name: This is the name of your product. It has no other meaning and it doesn't affect anything other than just having a name just like Samsung Galaxy Note, Samsung Galaxy S, Samsung Tab, etc.

New Pfmn: This is where you set the performance of your product for the next year. It is pretty self explanatory as to what performance means. Updating this will cost money and it will take time. Market such High End has a high demand of the best performance item.

New Size: This is where you set the size of your product for next year. Also self explanatory. Updating this will cost money and it will take time. Market such as Size segment has a high demand for small products.

MTBF: This is an abbreviation of Mean Time Before Failure. This means how long the product will last before it breaks. This is where you set the MTBF of your product for next year. Market such as Performance has a high demand for long lasting products. This number is also in the ten thousands according to what the market wants. If you go lower, people will not buy your product. Lowering and upping the MTBF will cost money both ways. A bit of an advice is to, according to how much money you can allocate, put it on max for Performance (27000), medium for Size and High End, and low for Low and Traditional (12000 and 14000 respectively). Remember, the higher the number, the more expensive it will cost to produce every year because you are putting more money into making a product that will last longer. For Low and Traditional, you don't necessarily have to put it on the lowest. Longer lasting product will obviously sell better but customers from those segments do not really care for such stat as much as other segments.

Revision Date: This is the date for when your product will be coming out into the market after revision. This means that every update you perform into performance and size, it will take time to edit. The time increases by how big of a change you put into the product. The ideal time I found to be good at releasing a new product is around September-October (Coincidence that Apple releases new iPhones around that time?) with enough time to make an impact for the year's sale. Remember, NEVER to go over a year because you will only have what you have left over in your inventory if you can't get the new product out in time for the year.

Age at Revision: This is the age of the product after it is updated. Each revision/update to the product cuts the age in half. Plan accordingly. What do people want in High End products? What do people want in Low End products? It's not the easiest to control the age of the product 100% accurately, but it's good to stay in a range and things like High End and Low Ends are easy to manage.

R&D Cost: This is the cost of how much it will cost to update your product. This is possibly the only factor that will prevent you from making the perfect product because you're limited on the amount of money you have. You want to upgrade as much as possible to not go under. If you don't have that much money to allocate, don't overspend. Update according to your budget.

Material Cost: This is the cost of producing each product. If you did not update your product, it will continue to cost the same amount to make that product. If you update it, it will cost more to make that product. What does this mean? The better the product, the more it will cost to produce. For example, Ark cost about $15 to make. If I think this following year, I will sell 1000 of Ark, I will make 1000 of those product costing me $15,000 to product the inventory for sales. This cost can be lowered with Automation which we will go into later as it is part of another section.

Position: Straight forward. Show you where your product currently is in terms of the different market. It also shows you where the new product will be. As a product means more towards a circle, it will sell more in that market and less in the other market. Being a product that fits into the Traditional market does not necessarily mean that product will only sell in that market. People from Low End market might also buy it too if the position of the product is near the top left of the Traditional circle. Though you might not want to create a product that is in the middle of two market as people might get confused and not really buy out your inventory.

Age Profile: Simple. It tells you the age of your product, where it will be by the end of the year, and where it will be if you

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิจัยและพัฒนาเป็นสิ่งที่มันเสียงเหมือน มีที่คุณพัฒนาตลาดผลิตภัณฑ์ของคุณ ขึ้นอยู่กับว่าคุณวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของคุณ มันจะย้ายโดยอัตโนมัติผลิตภัณฑ์ลงในเซกเมนต์ของอุตสาหกรรม ถ้าคุณไม่ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของคุณ ดังนั้นมันจะตกไปส่วนต่าง ๆ ของอุตสาหกรรม (เช่นหากคุณไม่ปรับปรุงคุณผลิตภัณฑ์สุดท้ายสูง จะในที่สุดตกอยู่ในตลาดประเพณี แล้วตลาดต่ำสิ้นสุด) ช่วยให้ตรวจสอบคำศัพท์ก่อนชื่อ: นี่คือชื่อของผลิตภัณฑ์ของคุณ มีความหมายอื่นไม่มี และจะไม่มีผลใช่เพียงมีชื่อเหมือนกับซัมซุงแท็บ ซัมซุง Galaxy S ซัมซุงกาแล็กซี่หมายเหตุ ฯลฯใหม่ Pfmn: นี้คือที่คุณสามารถตั้งประสิทธิภาพการทำงานของผลิตภัณฑ์ของคุณสำหรับปีถัดไป ก็สวยเองอธิบายว่าสมรรถนะใดหมายถึง การปรับปรุงนี้จะใช้เงิน และจะใช้เวลา ตลาดดังกล่าวจบสูงมีความต้องการสูงของสินค้าประสิทธิภาพที่ดีที่สุดขนาดใหม่: อยู่ที่คุณตั้งค่าขนาดของผลิตภัณฑ์ของคุณสำหรับปีถัดไป นอกจากนี้คำอธิบาย การปรับปรุงนี้จะใช้เงิน และจะใช้เวลา ตลาดเช่นเซ็กเมนต์ขนาดมีความต้องการสูงสำหรับผลิตภัณฑ์ขนาดเล็กMTBF: นี้เป็นตัวย่อของเวลาก่อนที่จะล้มเหลว ผลิตภัณฑ์จะนานเท่าใดก่อนที่จะเกิดขึ้น นี่คือที่คุณตั้งค่า MTBF ของผลิตภัณฑ์สำหรับปีถัดไป ตลาดเช่นประสิทธิภาพการทำงานมีความต้องการสูงสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ยาวนาน หมายเลขนี้ก็อยู่ในหลักหมื่นตามต้องการของตลาด ถ้าคุณไปล่าง ท่านจะซื้อสินค้าของคุณ ลด และ upping MTBF จะจ่ายทั้งสอง บิตของคำแนะนำคือ ตามจำนวนเงินที่คุณสามารถปันส่วน วางบนสูงสุดประสิทธิภาพ (27000), ขนาดและจบสูง ปานกลาง และต่ำต่ำและดั้งเดิม (12000 และ 14000 ตามลำดับ) จำ ตัวเลข ในราคาแพงต้นทุนการผลิตทุกปีเนื่องจากคุณกำลังย้ายเงินเป็นผลิตภัณฑ์ที่จะนาน ต่ำและดั้งเดิม คุณไม่จำเป็นต้องวางไว้บนสุด ผลิตภัณฑ์นานจะเห็นได้ชัดว่าขายดีกว่า แต่จากเซ็กเมนต์ที่ไม่จริง ๆ ดูแลลูกค้าสำหรับสถิติดังกล่าวเท่าที่ส่วนอื่น ๆวันปรับปรุง: นี้เป็นวันเมื่อผลิตภัณฑ์ของคุณจะมาออกสู่ตลาดหลังจาก revision ซึ่งหมายความ ว่า ทุกการปรับปรุงที่คุณทำเป็นประสิทธิภาพและขนาด จะใช้เวลาในการแก้ไข เวลาเพิ่มความใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงที่คุณใส่ลงในผลิตภัณฑ์ พบกับผลิตภัณฑ์ใหม่ปล่อยช่วงเวลาที่เหมาะคือประมาณกันยายนตุลาคม (บังเอิญว่า แอปเปิ้ลออก iPhones ใหม่รอบเวลาที่) มีเวลาพอที่จะสร้างผลกระทบการขายของปี จำ ไม่ไปกว่าปีคุณจะมีอะไรเหลือเกินในสินค้าคงคลังของคุณถ้าคุณไม่พบผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกในปีอายุที่ Revision: นี่คืออายุของผลิตภัณฑ์หลังจากที่มีการปรับปรุง แต่ละ revision/ปรับ ปรุงผลิตภัณฑ์ตัดอายุปีครึ่ง วางแผนตามลำดับ ท่านต้องจบสูงผลิตภัณฑ์สิ่งใด ท่านต้องในผลิตภัณฑ์ต่ำสิ้นสิ่งใด มันไม่ง่ายที่สุดในการควบคุมอายุของสินค้า 100% อย่างถูกต้อง แต่ก็ดีในช่วงและสิ่งที่ต้องการระดับสูงและต่ำสิ้นสุดจะง่ายต่อการจัดการR & D ต้นทุน: ต้นทุนของมันจะราคาเท่าไหร่ในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของคุณเป็น นี้อาจจะเป็นปัจจัยเดียวที่จะป้องกันคุณจากการทำผลิตภัณฑ์สมบูรณ์แบบเนื่องจากคุณกำลังจำกัดในจำนวนเงินที่คุณมี คุณต้องการอัพเกรดเป็นยังไม่ ถ้าคุณไม่มีเงินที่จะปันส่วน ไม่หลาน ปรับปรุงตามงบประมาณของคุณต้นทุนวัสดุ: นี่คือต้นทุนการผลิตแต่ละผลิตภัณฑ์ ถ้าคุณไม่ได้ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของคุณ มันจะยังคงจำนวนเดียวกันเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ต้นทุน ถ้าคุณปรับปรุง จะจ่ายเพิ่มเติมจะทำให้ผลิตภัณฑ์นั้น มีอะไรบ้าง ดีกว่าผลิตภัณฑ์ มากขึ้นมันจะต้นทุนการผลิต ตัวอย่างเช่น หีบต้นทุน ประมาณ $15 ให้ ถ้าฉันคิดว่า นี้ตามปี ฉันจะขาย 1000 ของอาร์ค ทำ 1000 ของผลิตภัณฑ์ที่กำหนดต้นทุน $15,000 ผมผลิตภัณฑ์สินค้าคงคลังสำหรับการขาย ต้นทุนนี้สามารถปรับได้ ด้วยระบบอัตโนมัติเราจะมาในภายหลังซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของส่วนอื่นตำแหน่ง: ตรงไป แสดงผลิตภัณฑ์ของคุณในขณะในแง่ของตลาดแตกต่างกัน นอกจากนี้ยังแสดงที่ผลิตภัณฑ์ใหม่จะ เป็นผลิตภัณฑ์หมายความว่า เข้าสู่วงกลม มันจะเพิ่มยอดขายในตลาดที่น้อยลงในตลาดอื่น ๆ เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตลาดดั้งเดิมไม่ได้หมาย ว่า ผลิตภัณฑ์จะขายในประเทศเท่านั้น คนจากตลาดต่ำสุดอาจยังซื้อมันเกินไปถ้าอยู่ใกล้ตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ด้านซ้ายบนของวงกลมแบบดั้งเดิม แม้ว่า คุณอาจไม่ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นกลางตลาดสองคนอาจจะสับสน และไม่ซื้อสินค้าคงคลังของคุณอายุโปรไฟล์: ง่าย มันบอกอายุของผลิตภัณฑ์ มันจะสิ้นปี และจะเป็นถ้าคุณ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การวิจัยและพัฒนาเป็นสิ่งที่ดูเหมือน นอกจากนี้ที่คุณพัฒนาผลิตภัณฑ์ของคุณสำหรับการตลาด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการที่คุณวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของคุณโดยอัตโนมัติและจะย้ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรม หากคุณไม่ได้ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของคุณดังนั้นมันจะตกอยู่ในส่วนที่แตกต่างกันของอุตสาหกรรม (เช่นหากคุณไม่ได้อัปเดตสินค้าระดับไฮเอนด์ในที่สุดก็จะตกอยู่ในตลาดประเพณีแล้วตลาดต่ำ End) ช่วยให้ตรวจสอบคำศัพท์ที่แรก.

ชื่อ: นี่คือชื่อของผลิตภัณฑ์ของคุณ มันไม่มีความหมายอื่น ๆ และมันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสิ่งอื่นที่ไม่ใช่เพียงแค่มีชื่อเช่นเดียวกับ Samsung Galaxy Note, Samsung Galaxy S, Samsung Tab เป็นต้น

ใหม่ Pfmn: นี่คือที่ที่คุณตั้งค่าประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ของคุณสำหรับปีถัดไป . มันเป็นตัวเองสวยอธิบายเป็นสิ่งที่หมายถึงประสิทธิภาพการทำงาน การปรับปรุงนี้จะเสียค่าใช้จ่ายเงินและจะใช้เวลา ตลาดเช่นระดับไฮเอนด์ที่มีความต้องการสูงของรายการผลการดำเนินงานที่ดีที่สุด.

ขนาดใหม่: นี่คือที่ที่คุณกำหนดขนาดของผลิตภัณฑ์ของคุณสำหรับปีถัดไป นอกจากนี้ยังอธิบายตนเอง การปรับปรุงนี้จะเสียค่าใช้จ่ายเงินและจะใช้เวลา ตลาดเช่นขนาดของส่วนมีความต้องการสูงสำหรับผลิตภัณฑ์ขนาดเล็ก.

MTBF: นี่คือตัวย่อของ Mean Time ก่อนที่ความล้มเหลว ซึ่งหมายความว่าระยะเวลาที่สินค้าจะมีอายุก่อนที่จะแบ่ง นี่คือที่ที่คุณตั้งค่า MTBF ของผลิตภัณฑ์สำหรับปีถัดไป ตลาดเช่นประสิทธิภาพมีความต้องการสูงสำหรับผลิตภัณฑ์ในระยะยาว หมายเลขนี้ยังอยู่ในหมื่นตามสิ่งที่ตลาดต้องการ ถ้าคุณไปที่ต่ำกว่าคนจะไม่ซื้อสินค้าของคุณ ลดและ upping MTBF จะใช้เงินทั้งสองวิธี บิตของคำแนะนำคือการตามเท่าใดเงินที่คุณสามารถจัดสรรวางไว้บนแม็กซ์เพื่อให้มีประสิทธิภาพ (27000) กลางสำหรับขนาดและปลายสูงและต่ำสำหรับต่ำและแบบดั้งเดิม (12000 และ 14000 ตามลำดับ) โปรดจำไว้ว่าจำนวนที่สูงกว่าที่มีราคาแพงมากขึ้นก็จะมีค่าใช้จ่ายในการผลิตทุกปีเพราะคุณใส่เงินมากยิ่งขึ้นในการทำผลิตภัณฑ์ที่จะมีอายุอีกต่อไป ต่ำและแบบดั้งเดิมที่คุณไม่จำเป็นต้องมีการวางไว้ในที่ต่ำที่สุด ยาวนานอีกต่อไปอย่างเห็นได้ชัดสินค้าจะขายดีกว่า แต่ลูกค้าจากกลุ่มเหล่านั้นไม่ได้สนใจจริงๆสำหรับสถิติดังกล่าวมากที่สุดเท่าที่ส่วนอื่น ๆ .

วัน Revision: นี้เป็นวันที่เมื่อผลิตภัณฑ์ของคุณจะออกมาสู่ตลาดหลังจากการแก้ไข ซึ่งหมายความว่าคุณดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและทุกขนาดก็จะใช้เวลาในการแก้ไข เวลาที่เพิ่มขึ้นโดยวิธีการใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงที่คุณใส่ลงในผลิตภัณฑ์ ช่วงเวลาที่เหมาะที่ผมพบว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่คือประมาณเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม (บังเอิญว่าแอปเปิ้ลรุ่นไอโฟนใหม่ในช่วงนั้น?) มีเวลาพอที่จะทำให้ส่งผลกระทบต่อการขายของปีที่ โปรดจำไว้ว่าไม่เคยที่จะไปกว่าปีเพราะคุณเท่านั้นที่จะมีสิ่งที่คุณมีเหลืออยู่ในสินค้าคงคลังของคุณถ้าคุณไม่สามารถได้รับผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาในเวลาสำหรับปี.

อายุ Revision: นี่คืออายุของผลิตภัณฑ์หลังจากนั้น มีการปรับปรุง แต่ละแก้ไข / ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ลดอายุในช่วงครึ่งปี ตามแผน คนทำในสิ่งที่ต้องการในผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์? คนทำในสิ่งที่ต้องการในผลิตภัณฑ์ต่ำ End? มันไม่ได้เป็นที่ง่ายที่สุดในการควบคุมอายุของผลิตภัณฑ์ 100% ได้อย่างถูกต้อง แต่มันเป็นเรื่องดีที่จะอยู่ในช่วงและสิ่งที่ต้องการ End สูงและต่ำสิ้นสุดจะง่ายต่อการจัดการ.

ค่าใช้จ่าย R & D: นี่คือค่าใช้จ่ายของเท่าใดก็จะเสียค่าใช้จ่ายไป ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของคุณ นี้อาจจะเป็นปัจจัยเดียวที่จะป้องกันคุณจากการทำผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แบบเพราะคุณกำลัง จำกัด ในจำนวนเงินที่คุณมี คุณต้องการอัพเกรดมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ที่จะไม่ได้ไปอยู่ภายใต้ หากคุณไม่ได้มีเงินมากว่าที่จะจัดสรรไม่ติดลบ อัพเดทตามงบประมาณของคุณ.

ต้นทุนวัสดุ: นี้เป็นค่าใช้จ่ายในการผลิตสินค้าแต่ละชนิด หากคุณไม่ได้ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของคุณก็จะยังคงมีค่าใช้จ่ายจำนวนเดียวกันที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ ถ้าคุณปรับปรุงมันจะเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่ สิ่งนี้หมายความว่า? ที่ดีกว่าสินค้าที่มากขึ้นก็จะมีค่าใช้จ่ายในการผลิต ยกตัวอย่างเช่นอาร์ค่าใช้จ่ายประมาณ $ 15 ถึงทำให้ ถ้าผมคิดว่าปีนี้ต่อไปนี้ผมจะขาย 1000 Ark เราจะทำ 1000 ของผลิตภัณฑ์เหล่านั้นต้นทุนฉัน $ 15,000 กับผลิตภัณฑ์ของสินค้าคงคลังสำหรับการขาย ค่าใช้จ่ายนี้สามารถลดลงด้วยระบบอัตโนมัติที่เราจะไปต่อมาในขณะที่มันเป็นส่วนหนึ่งของส่วนอื่น.

ตำแหน่ง: ตรงไปตรงมา แสดงให้คุณที่ผลิตภัณฑ์ของคุณอยู่ในขณะนี้ในแง่ของการตลาดที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังแสดงให้คุณที่ผลิตภัณฑ์ใหม่จะเป็น เป็นผลิตภัณฑ์หมายถึงการเพิ่มเติมต่อวงกลมก็จะขายมากขึ้นในตลาดที่น้อยและในตลาดอื่น ๆ เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับเป็นตลาดดั้งเดิมไม่ได้หมายความว่าผลิตภัณฑ์ที่จะขายในตลาดที่ คนที่มาจากตลาดต่ำสุดนอกจากนี้ยังอาจซื้อมันเกินไปถ้าตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ใกล้ด้านบนซ้ายของวงกลมแบบดั้งเดิม แม้ว่าคุณอาจไม่ต้องการที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในช่วงกลางของทั้งสองตลาดเป็นคนที่อาจได้รับความสับสนและไม่ได้จริงๆซื้อของสินค้าคงคลัง.

ส่วนตัวอายุ: ง่าย มันจะบอกคุณอายุของผลิตภัณฑ์ของคุณที่มันจะเป็นในช่วงปลายปีและที่มันจะเป็นถ้าคุณ