on ADVISING.empno = INSTRUCTORS.emp

on ADVISING.empno = INSTRUCTORS.empno
or, equivalently,
select distinct STUDENTS.name as sname, INSTRUCTORS.name as iname
from GRADES inner join ADVISING
using(stno,empno)
inner join STUDENTS
using(stno)
inner join INSTRUCTORS
using(empno)
Cartesian product of two tables can be computed, alternatively using the
cross join operation.
Example 5.9.6 The query that we wrote in Example 5.8.1 that generates all
possible pairs of students/instructors can be also written as:
select STUDENTS.name, INSTRUCTORS.name
from STUDENTS cross join INSTRUCTORS;
which is equivalent to
select STUDENTS.name, INSTRUCTORS.name
from STUDENTS, INSTRUCTORS;
92 SQL — The Relational Language
We saw that when joining two tables not all tuples are joinable; tuples that
belong to one table and are not joinable with any tuple of the other table leave no
trace in the join, a situation that is often inconvenient. As we saw in Section 4.3,
the outer join operation and its variants, the left outer join and the right outer
join can rectify this situation.
Let us assume that the tabular variables STUDENTS and INSTRUCTORS
contain the tuples shown in Figure 5.1.
The tabular variable ADVISING has the same content as the one shown in
Figure 3.1.
Example 5.9.7 Oracle’s own syntax for left outer join is to designate the com-
ponent that may be null by ’(+)’, as in
select students.name, ADVISING.empno from STUDENTS, ADVISING
where STUDENTS.stno = ADVISING.stno(+)
This is equivalent to using the operator left outer join as specified by SQL2:
select STUDENTS.name, ADVISING.empno
from STUDENTS left outer join ADVISING
on STUDENTS.stno = ADVISING.stno
end{PGMdiplsy}
Either phrase will return:
egin{PGMdisplay}
name empno
-----------------------------------------
Edwards P. David 019
Grogan A. Mary 019
Mixon Leatha 023
McLane Sandy 023
Novak Roland 056
Pierce Richard 126
Prior Lorraine 234
Rawlings Jerry 023
Lewis Jerry 234
Davis Richard
Chu Martin
The computation of the right outer join is similar. We can use either Oracle’s
syntax as in
select ADVISING.stno, INSTRUCTORS.name from ADVISING, INSTRUCTORS
where ADVISING.empno(+) = INSTRUCTORS.empno;
or the standard syntax:
select ADVISING.stno, INSTRUCTORS.name
from ADVISING right outer join INSTRUCTORS
on ADVISING.empno = INSTRUCTORS.empno;
In either case we shall obtain:
5.9 Join in SQL 93
STUDENTS

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บน ADVISING.empno = INSTRUCTORS.empnoหรือ equivalentlyเลือก STUDENTS.name หมดเป็น sname, INSTRUCTORS.name เป็น inameจากเกรดภายในเข้าร่วมการให้คำปรึกษาusing(stno,empno)รวมภายในนักเรียนusing(stno)รวมด้านผู้สอนusing(empno)คูณคาร์ทีเซียนของสองตารางสามารถถูกคำนวณ หรือ ใช้การข้ามการดำเนินการรวมตัวอย่าง 5.9.6 สอบถามการที่เราเขียนในอย่าง 5.8.1 ที่สร้างทั้งหมดเป็นคู่ของนักเรียน/ผู้สอนยังเขียนได้เป็น:เลือก STUDENTS.name, INSTRUCTORS.nameจากนักเรียนระหว่างผู้สอนเข้าร่วมซึ่งจะเท่ากับเลือก STUDENTS.name, INSTRUCTORS.nameจากนักเรียน ผู้สอน92 SQL — ภาษาเชิงเราเห็นที่เมื่อเข้าร่วมตารางไม่สอง tuples joinable tuples ที่เป็นหนึ่งตารางและ joinable ไม่ มีทูเพิลใด ๆ ของออกจากตารางอื่น ๆ ไม่ติดตามการรวม สถานการณ์ที่มักถูกละเลย ขณะที่เราเห็นในส่วน 4.3การรวมภายนอก และตัวแปรของ รวมภายนอกด้านซ้าย และภายนอกด้านขวารวมสามารถแก้ไขสถานการณ์นี้ให้เราสมมุติว่าตัวแปรตารางนักเรียนและผู้สอนประกอบด้วย tuples แสดงในรูปที่ 5.1ตัวแปรตารางให้คำปรึกษามีราคากันเป็นการแสดงในรูปที่ 3.1ตัวอย่าง 5.9.7 Oracle เองไวยากรณ์สำหรับการรวมภายนอกด้านซ้ายจะกำหนด com -ponent ที่อาจจะเป็น null ด้วย '(+)" ในเลือก students.name, ADVISING.empno จากนักเรียน การให้คำปรึกษาที่ STUDENTS.stno = ADVISING.stno(+)นี้จะเหมือนกับการใช้การรวมภายนอกด้านซ้ายดำเนินงาน SQL2:เลือก STUDENTS.name, ADVISING.empnoจากนักเรียนจากภายนอกเข้าร่วมการให้คำปรึกษาบน STUDENTS.stno = ADVISING.stnoend{PGMdiplsy }วลีใดจะกลับมา:egin{PGMdisplay }ชื่อ empno-----------------------------------------เอ็ดเวิร์ด P. David 019แมรี A. Grogan 019Mixon Leatha 023แซนดี้ McLane 023โนวัคในฮวาร์โรแลนด์ 056ริชาร์ดเพียร์ซ 126ก่อนลอร์แรนน์ 234Rawlings Jerry 023Lewis Jerry 234Davis ริชาร์ดมาร์ตินชูการคำนวณการรวมภายนอกด้านขวามีลักษณะคล้าย เราสามารถใช้ Oracle อย่างใดอย่างหนึ่งไวยากรณ์ในเลือก ADVISING.stno, INSTRUCTORS.name จากการให้คำปรึกษา ผู้สอนที่ ADVISING.empno(+) = INSTRUCTORS.empnoหรือไวยากรณ์มาตรฐาน:เลือก ADVISING.stno, INSTRUCTORS.nameจากผู้สอนให้คำปรึกษารวมภายนอกบน ADVISING.empno = INSTRUCTORS.empnoในกรณีใด เราจะได้รับ:5.9 รวม SQL 93นักเรียน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ใน ADVISING.empno = INSTRUCTORS.empno
หรือเท่ากัน
เลือก STUDENTS.name ที่แตกต่างเป็น SNAME, INSTRUCTORS.name เป็น iname
จากการเรียนภายในร่วมแนะนำด้านการ
ใช้ (stno, empno)
ภายในร่วมนักเรียน
ใช้ (stno)
ภายในร่วมอาจารย์
ใช้ (empno)
ผลิตภัณฑ์ Cartesian ของสองตารางสามารถคำนวณได้ผลัดกันใช้
. ข้ามดำเนินการเข้าร่วม
ตัวอย่าง 5.9.6 แบบสอบถามที่เราเขียนในตัวอย่างที่ 5.8.1 ที่สร้างทุก
คู่เป็นไปได้ของนักเรียน / อาจารย์ผู้สอนสามารถเขียนเป็น:
เลือก STUDENTS.name, INSTRUCTORS.name
จากนักเรียนข้ามเข้าร่วมอาจารย์;
ซึ่งเทียบเท่ากับการ
เลือก STUDENTS.name, INSTRUCTORS.name
จากนักศึกษา, อาจารย์;
92 SQL - ภาษาสัมพันธ์
เราเห็นว่าเมื่อเข้าร่วมสองตาราง tuples ไม่ได้ทั้งหมดจะ joinable; tuples ที่
อยู่ในตารางหนึ่งและไม่ได้ joinable กับ tuple ใด ๆ ของตารางอื่น ๆ ไม่ทิ้ง
ร่องรอยในการเข้าร่วมสถานการณ์ที่มักจะไม่สะดวก ขณะที่เราเห็นในมาตรา 4.3
การดำเนินการร่วมด้านนอกและตัวแปรของมันที่เข้าร่วม outer ซ้ายและขวาด้านนอก
เข้าร่วมสามารถแก้ไขสถานการณ์นี้.
ขอให้เราคิดว่าตัวแปรตารางนักเรียนและอาจารย์ผู้สอน
มี tuples แสดงในรูปที่ 5.1.
ตัวแปรตาราง แนะนำด้านการมีเนื้อหาเช่นเดียวกับที่แสดงใน
รูปที่ 3.1.
ตัวอย่าง 5.9.7 ไวยากรณ์ Oracle ของตัวเองสำหรับด้านนอกซ้ายเข้าร่วมคือการกำหนดองค์ประกอบ
Ponent ที่อาจเป็นโมฆะโดย '(+)' ในขณะที่
students.name เลือกให้คำปรึกษา .empno จากนักเรียนให้คำปรึกษา
ที่ STUDENTS.stno = ADVISING.stno (+)
ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้ผู้ประกอบการที่เหลือนอกเข้าร่วมตามที่ระบุโดย SQL2:
เลือก STUDENTS.name, ADVISING.empno
นักเรียนจากซ้ายด้านนอกเข้าร่วมแนะนำด้าน
บน STUDENTS.stno = ADVISING.stno
end {} PGMdiplsy
ทั้งวลีที่จะกลับมา:
begin {} PGMdisplay
ชื่อ empno
----------------------------- ------------
เอ็ดเวิร์ด P. เดวิด 019
Grogan A. แมรี่ 019
Mixon Leatha 023
McLane แซนดี้ 023
วัค Roland 056
เพียร์ซริชาร์ด 126
ก่อนที่ลอเรน 234
ลิงส์เจอร์ 023
ลูอิสเจอร์ 234
เดวิสริชาร์ด
มาร์ตินชู
คำนวณ ด้านนอกขวาเข้าร่วมเป็นที่คล้ายกัน เราสามารถใช้อย่างใดอย่างหนึ่งของออราเคิล
ไวยากรณ์ในขณะที่
เลือก ADVISING.stno, INSTRUCTORS.name จากให้คำปรึกษาอาจารย์
ที่ ADVISING.empno (+) = INSTRUCTORS.empno;
หรือไวยากรณ์มาตรฐาน:
เลือก ADVISING.stno, INSTRUCTORS.name
จากแนะนำด้านขวาด้านนอกเข้าร่วม อาจารย์
ใน ADVISING.empno = INSTRUCTORS.empno;
ในทั้งสองกรณีเราจะได้รับ:
5.9 เข้าร่วมใน SQL 93
นักเรียน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ใน advising.empno = อาจารย์ empno

เลือก หรือ ก้อง students.name เป็น sname , ชัดเจน , เป็น iname
instructors.name จากเกรดภายในเข้าร่วมให้คำปรึกษา
ใช้ ( stno empno , )

( stno ภายในร่วมกับนักเรียนด้วย )

( empno ภายในร่วมกับอาจารย์ด้วย )
ผลคูณคาร์ทีเซียน 2 ตารางคำนวณได้ อีกวิธีหนึ่งคือใช้

5.9.6 ข้ามเข้าร่วมงาน เช่น แบบสอบถามที่เราเขียนในตัวอย่าง 5.8 .1 ที่สร้างคู่ที่เป็นไปได้ทั้งหมดของนักศึกษา / อาจารย์
นอกจากนี้ยังสามารถเขียนเป็น :
เลือก students.name อาจารย์ ชื่อ อาจารย์ข้ามจากนักเรียนเข้าร่วม
;

เลือก students.name ซึ่งเทียบเท่ากับ อาจารย์ ชื่อ
จากนักศึกษา อาจารย์

; SQL 92 ภาษาสัมพันธ์ เราพบว่า เมื่อรวมสองโต๊ะ ที่มีทั้งหมดไม่ได้ joinable ทูเปิลที่
;อยู่โต๊ะหนึ่ง และไม่ได้เป็น joinable กับ tuple ของตารางอื่น ๆไม่ทิ้ง
ติดตามในการเข้าร่วม สถานการณ์ที่มักจะถูกละเลย ตามที่เราเห็นในส่วนของ 4.3
นอกเข้าร่วมงานและตัวแปรของ , ซ้ายด้านนอกเข้าร่วมและเข้าร่วมด้านนอกสามารถแก้สถานการณ์นี้
.
ให้เราสมมติว่าตัวแปรตารางประกอบด้วยนักเรียนและอาจารย์

ที่มีแสดงไว้ในรูปที่ 5.1ตารางตัวแปรที่แนะนำมีเนื้อหาเหมือนกับที่แสดงในรูปที่ 3.1
.
ตัวอย่าง 5.9.7 ออราเคิลเองไวยากรณ์สำหรับซ้ายด้านนอกเข้าร่วมแต่งตั้ง com -
ponent ที่อาจเป็นโมฆะ โดย ' ' ( ) เป็น students.name
เลือก advising.empno จากนักเรียน , แนะนำที่ students.stno =
stno ให้คำปรึกษา
( ) นี้จะเทียบเท่ากับการใช้โอเปอเรเตอร์แข็งค่าตามที่ระบุไว้โดย sql2 :
เลือก students.name แนะนำ . empno
จากนักเรียนซ้ายด้านนอกเข้าร่วมให้คำปรึกษา
บน students.stno = ให้คำปรึกษา stno
{ }
pgmdiplsy N จบด้วยวลีจะกลับไป N เริ่มต้น pgmdisplay } { :



ชื่อ empno ----------------------------------------- เอ็ดเวิร์ดพี. เดวิด 019 019

แมรี่โกรแกน อ. มิกเซิ่น leatha 023

แม็กเลนทราย 023 โนวัค โรแลนด์ 056
เจาะริชาร์ด 126
ก่อนที่ลอเรนด้วย

023 เจอร์รี่ลิงส์ Jerry Lewis 234