The 1973 oil shock with the collaps

The 1973 oil shock with the collapse of prices and the worldwide recession it triggered brought the end of the super growth period. Even so, Singapore's growth rate averaged 8.7 percent from 1973 to 1979, which was high compared with other countries during that same period. Manufacturing continued to grow as did transportation and communications. Although the second worldwide oil crisis, beginning in 1979, set off the longest and deepest recession in the industrialized countries since the Great Depression of the 1930s, Singapore was seemingly untouched. If anything, its economy grew in 1980-81 while the world economy was contracting. The real average GDP growth rate between 1979 and 1981 was 8.5 percent. Financial and business services joined manufacturing as the major economic engines. During this period, Singapore's function as a petroleum-servicing entrepôt made it more like an oil producer than an oil consumer.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ช็อตน้ำมัน 1973 กับการล่มสลายของราคาและภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกจะเรียกมาในตอนท้ายของระยะเวลาการเจริญเติบโตของซุปเปอร์ ยังให้อัตราการเจริญเติบโตของสิงคโปร์เฉลี่ยร้อยละ 8.7 1973-1979 ซึ่งเมื่อเทียบสูงกับประเทศอื่น ๆ ในช่วงเวลาเดียวกันที่ การผลิตยังคงขยายตัวได้ในขณะที่การขนส่งและการสื่อสาร แม้ว่าวิกฤตการณ์น้ำมันโลกครั้งที่สองเริ่มต้นในปี 1979 กำหนดปิดภาวะถดถอยที่ยาวที่สุดและลึกที่สุดในประเทศอุตสาหกรรมตั้งแต่ภาวะซึมเศร้าที่ดีของปี 1930 ที่สิงคโปร์ก็ดูเหมือนไม่มีใครแตะต้อง หากมีสิ่งใด, เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวใน 1980-81 ในขณะที่เศรษฐกิจโลกที่ได้รับการทำสัญญา อัตราการเติบโตของจีดีพีที่แท้จริงเฉลี่ยระหว่างปี 1979 และปี 1981 อยู่ที่ร้อยละ 8.5บริการทางการเงินและธุรกิจที่เข้าร่วมการผลิตเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ในช่วงเวลานี้ฟังก์ชั่นของสิงคโปร์ในฐานะentrepôtปิโตรเลียมบริการทำให้มันมากขึ้นเช่นการผลิตน้ำมันกว่าผู้บริโภคน้ำมัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ช็อคน้ำมัน 1973 ด้วยการล่มสลายของราคาและภาวะถดถอยทั่วโลกจะถูกทริกเกอร์มาสิ้นสุดของรอบระยะเวลาการเจริญเติบโตของซุปเปอร์ ถึงกระนั้น อัตราการเติบโตของสิงคโปร์ averaged 8.7 เปอร์เซ็นต์จาก 1973 เพื่อ 1979 ซึ่งไม่สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในช่วงเวลาเดียวกันที่ ผลิตอย่างต่อเนื่องเพื่อเติบโตเป็นได้ขนส่งและการสื่อสาร แม้ว่าวิกฤตน้ำมันทั่วโลกที่สอง เริ่มต้นในปีค.ศ. 1979 ตั้งค่าถดถอยยาวนานที่สุด และลึกที่สุดในประเทศอุตสาหกรรมตั้งแต่การเหยียบดี 1930 สิงคโปร์ถูกดูเหมือนขาวละเอียด หากมีสิ่งใด เศรษฐกิจมันโตใน 1980-81 ขณะที่เศรษฐกิจโลกมีสัญญา อัตราการเติบโต GDP เฉลี่ยจริงระหว่างปีค.ศ. 1979 และ 1981 ได้ร้อยละ 8.5 บริการทางการเงิน และธุรกิจร่วมผลิตเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ในช่วงเวลานี้ ฟังก์ชันของสิงคโปร์เป็น entrepôt ที่ให้บริการน้ำมันได้มันเหมือนการผลิตน้ำมันมากกว่าการบริโภคน้ำมัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1973 :การกระแทกน้ำมันด้วยการล่มสลายของราคาและ ภาวะ เศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกที่เกิดขึ้นนำช่วงปลายของการเติบโตมากที่ ดังนั้นอัตราการเติบโตของประเทศสิงคโปร์โดยเฉลี่ย 8.7% จากปีค.ศ. 1973 - 1979 ซึ่งยังสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในช่วงเวลาเดียวกันนั้น การผลิต ภาค อุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องอย่างไม่เป็นการสื่อสารและบริการรับส่ง แม้ว่าจะเกิดวิกฤติน้ำมันทั่วโลกที่สองเริ่มต้นในปี 1979 ภาวะ เศรษฐกิจถดถอยตั้งค่าปิดยาวที่สุดและลึกที่สุดในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมที่นับตั้งแต่ที่พายุดีเปรสชันได้ในปี 1930 ที่ประเทศสิงคโปร์เป็นเหมือนยังไม่ถูกแตะต้อง ถ้าหากมีเศรษฐกิจขยายตัวใน 1980-81 ในขณะที่เศรษฐกิจโลกที่เป็นผู้ทำสัญญา อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยที่แท้จริงระหว่างปี 1979 และ 1981 เป็นร้อยละ 8.5บริการต่างๆทางธุรกิจและการเงินเข้าร่วมการผลิตเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวนี้หน้าที่ของสิงคโปร์เป็น entrepôt น้ำมัน - การให้บริการที่ทำให้มันมากกว่าเช่นราคาน้ำมันมากกว่า ผู้บริโภค น้ำมันที่