1.4 ประเภทของคำศัพท์ภาษาอังกฤษประเภทของคำศัพท์ภาษาอังกฤษ แบ่งได้เป็นหล การแปล - 1.4 ประเภทของคำศัพท์ภาษาอังกฤษประเภทของคำศัพท์ภาษาอังกฤษ แบ่งได้เป็นหล ไทย วิธีการพูด

1.4 ประเภทของคำศัพท์ภาษาอังกฤษประเภ

1.4 ประเภทของคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
ประเภทของคำศัพท์ภาษาอังกฤษ แบ่งได้เป็นหลายประเภท เดล เอตก้า และคณะ (Dele Edgar and others. 1999 : 37-38) ได้แบ่งคำศัพท์ออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. คำศัพท์ที่มีความหมายในตัวเอง (Content Words)
คือ คำศัพท์ประเภทที่เราอาจบอกความหมายได้โดยไม่ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของประโยค เป็นคำที่มีความหมายตามพจนานุกรมเช่น cat , book เป็นต้น
2. คำศัพท์ที่ไม่มีความหมายแน่นอนในตัวเอง (Function Words)
หรือที่เรียกว่าการยะ ได้แก่คำนำหน้า (Article) คำบุพบท (Preposition) สรรพนาม (Pronoun) คำประเภทนี้มีใช้มากกว่าคำประเภทอื่น เป็นคำที่ไม่สามารถสอนและบอกความหมายได้ แต่ต้องอาศัยการสังเกตจากการฝึกการใช้โครงสร้างต่าง ๆ ในประโยค

นอกจากนี้ สุไร พงษ์ทองเจริญ (สุขุมาลย์ บุตรานนท์. 2542 : 14 ; อ้างอิงจาก สุไร พงษ์ ทองเจริญ. 2526) ได้แบ่งประเภทของคำศัพท์ออกเป็น 2 ประเภทคือ
1. Active Vocabulary
คือ คำศัพท์ที่นักเรียนควรจะใช้เป็นและใช้ได้อย่างถูกต้องคำศัพท์เหล่านี้ใช้มากในการฟัง พูด อ่านและเขียน เช่นคำว่า important, necessary, necessary, consist เป็นต้น สำหรับการเรียนคำศัพท์ประเภทนี้ ครูจะต้องฝึกบ่อย ๆ ซ้ำ จนนักเรียนสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้อง
2. Passive Vocabulary
คือคำศัพท์ที่ควรจะสอนให้รู้แต่ความหมายและการออกเสียงเท่านั้น ไม่จำเป็นจะต้องฝึก คำศัพท์ประเภทนี้ เช่น คำว่า elaborate, fascination, contrastive เป็นต้น คำศัพท์เหล่านี้เมื่อผู้เรียนเรียนในระดับสูงขึ้น ก็อาจจะกลายเป็นคำศัพท์ประเภท Active vocabulary ได้

กล่าวโดยสรุป คำศัพท์ในภาษาอังกฤษสามารถแบ่งประเภทได้จากความหมายของคำ คือคำที่มีความหมายในตัวเอง และคำที่ไม่มีความหมายในตัวเอง นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งตามประเภทการนำมาใช้ คือ คำศัพท์ที่นักเรียนควรจะใช้เป็นและใช้ได้อย่างถูกต้อง และคำศัพท์ที่ควรจะสอนให้รู้แต่ความหมายและการอ่านออกเสียงเท่านั้น

1.5 หลักการเลือกคำศัพท์ภาษาอังกฤษเพื่อนำมาสอน
การเลือกคำศัพท์ภาษาอังกฤษนั้นควรเลือกคำศัพท์ที่เกยี่ วข้องกับประสบการณ์ที่ใกล้ตัวเด็กที่สุดมาสอน หัวใจของการสอนคำศัพท์อยู่ที่การฝึกจนผู้เรียนสามารถนำคำศัพท์ไปใช้ในสถานการณ์ต้องการได้อย่างคล่องแคล่วโดยอัตโนมัติ
แม็คกี (Mackey. 1978 : 176-190) ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับหลักในการเลือกคำศัพท์มาสอนนักเรียนดังนี้
1. คำศัพท์ที่ปรากฏบ่อย (Frequency)
หมายถึง คำศัพท์ที่ปรากฏบ่อยในหนังสือเป็นคำศัพท์ที่นักเรียนต้องรู้จัก จึงจำเป็นต้องนำมาสอนเพื่อให้นักเรียนรู้และใช้ได้อย่างถูกต้อง
2. อัตราความถี่ของคำศัพท์จากหนังสือต่าง ๆ สูง (Range)
หมายถึง จำนวนหนังสือที่นำมาใช้ในการนับความถี่ ยิ่งใช้หนังสือจำนวนมากเท่าไร บัญชีความถี่ยิ่งมีคุณค่ามากเท่านั้น เพราะคำที่หาได้จากหลายแหล่ง ย่อมมีความสำคัญมากกว่าคำที่จะพบเฉพาะในหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งอย่างเดียว แม้ว่าความถี่ของคำศัพท์ที่พบในหนังสือเล่มนั้น ๆ จะมีมากก็ตาม
3. สถานการณ์หรือสภาวะในขณะนั้น (Availability)
คำศัพท์ที่เลือกมาใช้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความถี่เพียงอย่างเดียว ต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ด้วย เช่นคำว่า blackboard ถ้าเกี่ยวกับห้องเรียนครูต้องใช้คำนี้ แม้จะเป็นคำที่ไม่ปรากฏบ่อยที่อื่น
4. คำที่ครอบคลุมคำได้หลายอย่าง (Coverage)
หมายถึง คำที่สามารถครอบคลุมความหมายได้หลายอย่างหรือสามารถใช้คำอื่นแทนได้
5. คำที่เรียนรู้ได้ง่าย (Learn ability)
หมายถึง คำที่สามารถเรียนรู้ได้ง่าย เช่น คำที่คล้ายกับภาษาเดิม มีความหมายชัดเจน สั้น จำง่าย

หลักการดังกล่าวสอดคล้องกับ ลาโด (Lado. 1996 : 119-120) เป็นส่วนใหญ่ เว้นบางข้อที่ลาโดได้เสนอเพิ่มเติมไว้ดังนี้
1. ควรเป็นคำศัพท์ที่มีความสัมพันธ์กับประสบการณ์และความสนใจของผู้เรียน
2. ควรมีปริมาณของตัวอักษรในคำศัพท์เหมาะสมกับระดับอายุ และสติปัญญาของผู้เรียน เช่น ในระดับประถมศึกษาตอนต้น ก็ควรนำคำศัพท์สั้น ๆ มาสอน
3. ไม่ควรมีคำศัพท์มากเกินไป หรือน้อยเกินไปในบทเรียนหนึ่ง ๆ แต่ควรเหมาะสมกับวุฒิภาวะทางสติปัญญาของผู้เรียน
4. ควรเป็นคำศัพท์ที่นักเรียนมีโอกาสนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น นำไปพูดสนทนาหรือพบเห็นคำศัพท์นั้นตามป้ายโฆษณา เป็นต้น

กล่าวโดยสรุป การเลือกคำศัพท์เพื่อนำมาสอนผู้เรียนนั้น ควรเป็นคำศัพท์ที่อยู่ใกล้ตัวและเป็นคำศัพท์ที่ปรากฏบ่อย นอกจากนี้ คำศัพท์ที่จะนำมาสอนนั้น ต้องเหมาะสมกับวัยและระดับความสามารถของผู้เรียน อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้


1.6 วิธีการสอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
ในการสอนคำศัพท์นั้นมีนักการศึกษาหลายท่าน ได้เสนอขั้นตอนการสอนคำศัพท์ไว้หลายแนวทางด้วยกันดังนี้
อนุภาพ ดลโสภณ (2542 : 18) ได้เสนอแนะลำดับขั้นในการสอนคำศัพท์ ดังนี้
1. พิจารณาความยากง่ายของคำ ครูควรพิจารณาว่าคำนั้น ๆ เป็นคำศัพท์ยาก หรือคำศัพท์ง่าย หรือเป็นคำศัพท์ที่มีปัญหา ทั้งนี้ เพื่อจะได้แบ่งแยกหาวิธีในการสอน และทำการฝึกให้เหมาะกับคำศัพท์นั้น
2. สอนความหมาย ให้นักเรียนตีความหมายจากภาษาอังกฤษโดยตรง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาไทย โดยอาจจะใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น แผนภูมิ รูปภาพ ของจริง หรือแสดงกริยาท่าทางประกอบ เพื่อให้นักเรียนเข้าใจความหมายอย่างเด่นชัดขึ้น
3. ฝึกการออกเสียงคำศัพท์ใหม่ ครูเขียนคำศัพท์ใหม่ลงบนกระดาน อ่านให้นักเรียนฟังก่อน และให้นักเรียนออกเสียงตาม หากนักเรียนออกเสียงผิดก็ให้ออกเสียงให้ถูกต้อง

สำหรับกลวิธีในการสอนความหมายคำ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาไทยในการสอนนั้นมีวิธีการหลายแบบที่ครูช่วยให้นักเรียนเข้าใจความหมายของคำจากภาษาอังกฤษโดยตรงดังต่อไปนี้
1. ใช้คำศัพท์ที่นักเรียนรู้หรือจากสิ่งแวดล้อมของนักเรียนมาผูกประโยคเพื่อเชื่อมโยงไปสู่ความหมายของคำศัพท์ใหม่
2. ใช้ประโยคของคำศัพท์เก่า เมื่อมีความหมายเหมือนกันหรือตรงกันข้ามกับคำศัพท์ใหม่
3. สอนคำศัพท์ใหม่ โดยการใช้คำจำกัดความหมายง่าย ๆ
4. ใช้ภาพหรือของจริงประกอบกับการอธิบายความหมาย อุปกรณ์ประเภทนี้หามาได้ง่าย ๆ เช่น ของที่อยู่รอบห้อง เครื่องแต่งกาย หรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หรืออาจใช้ภาพลายเส้นการ์ตูน เขียนภาพบนกระดานดำได้ อุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยให้การแสดงความหมายชัดเจนโดยไม่ต้องใช้คำแปลประกอบ
5. การแสดงท่าทาง ครูใช้การแสดงท่าทางประกอบการแสดงความหมายของคำได้
6. การใช้บริบทหรือสอนให้เดาความหมายจากประโยค

0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
1.4 ประเภทของคำศัพท์ภาษาอังกฤษประเภทของคำศัพท์ภาษาอังกฤษแบ่งได้เป็นหลายประเภทเดลเอตก้าและคณะ (Edgar Dele และอื่น ๆ . 1999:37-38) ได้แบ่งคำศัพท์ออกเป็น 2 ประเภทคือ1. คำศัพท์ที่มีความหมายในตัวเอง (เนื้อหาคำ) แมวคือคำศัพท์ประเภทที่เราอาจบอกความหมายได้โดยไม่ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของประโยคเป็นคำที่มีความหมายตามพจนานุกรมเช่น เป็นต้นจอง2. คำศัพท์ที่ไม่มีความหมายแน่นอนในตัวเอง (ฟังก์ชันคำ) หรือที่เรียกว่าการยะได้แก่คำนำหน้า (บทความ) คำบุพบท (วิเศษณ์) สรรพนาม (สรรพนาม) คำประเภทนี้มีใช้มากกว่าคำประเภทอื่นเป็นคำที่ไม่สามารถสอนและบอกความหมายได้แต่ต้องอาศัยการสังเกตจากการฝึกการใช้โครงสร้างต่างๆ ในประโยคประเภทคือได้แบ่งประเภทของคำศัพท์ออกเป็น 2 นอกจากนี้สุไรพงษ์ทองเจริญ (สุขุมาลย์บุตรานนท์. 2542:14 อ้างอิงจากสุไรพงษ์ทองเจริญไป)1. ใช้คำศัพท์ คือคำศัพท์ที่นักเรียนควรจะใช้เป็นและใช้ได้อย่างถูกต้องคำศัพท์เหล่านี้ใช้มากในการฟังพูดอ่านและเขียนเช่นคำว่าสำคัญ จำเป็น จำเป็น ประกอบด้วยเป็นต้นสำหรับการเรียนคำศัพท์ประเภทนี้ครูจะต้องฝึกบ่อยๆ ซ้ำจนนักเรียนสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้อง2. แฝงคำศัพท์ อธิบายคือคำศัพท์ที่ควรจะสอนให้รู้แต่ความหมายและการออกเสียงเท่านั้นไม่จำเป็นจะต้องฝึกคำศัพท์ประเภทนี้เช่นคำว่า เสน่ห์ contrastive เป็นต้นคำศัพท์เหล่านี้เมื่อผู้เรียนเรียนในระดับสูงขึ้นก็อาจจะกลายเป็นคำศัพท์ประเภทคำศัพท์ที่ใช้งานอยู่ได้กล่าวโดยสรุปคำศัพท์ในภาษาอังกฤษสามารถแบ่งประเภทได้จากความหมายของคำคือคำที่มีความหมายในตัวเองและคำที่ไม่มีความหมายในตัวเองนอกจากนี้ยังสามารถแบ่งตามประเภทการนำมาใช้คือคำศัพท์ที่นักเรียนควรจะใช้เป็นและใช้ได้อย่างถูกต้องและคำศัพท์ที่ควรจะสอนให้รู้แต่ความหมายและการอ่านออกเสียงเท่านั้น1.5 หลักการเลือกคำศัพท์ภาษาอังกฤษเพื่อนำมาสอนการเลือกคำศัพท์ภาษาอังกฤษนั้นควรเลือกคำศัพท์ที่เกยี่วข้องกับประสบการณ์ที่ใกล้ตัวเด็กที่สุดมาสอนหัวใจของการสอนคำศัพท์อยู่ที่การฝึกจนผู้เรียนสามารถนำคำศัพท์ไปใช้ในสถานการณ์ต้องการได้อย่างคล่องแคล่วโดยอัตโนมัติแม็คกี (Mackey. 1978:176-190) ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับหลักในการเลือกคำศัพท์มาสอนนักเรียนดังนี้1. คำศัพท์ที่ปรากฏบ่อย (ความถี่) หมายถึงคำศัพท์ที่ปรากฏบ่อยในหนังสือเป็นคำศัพท์ที่นักเรียนต้องรู้จักจึงจำเป็นต้องนำมาสอนเพื่อให้นักเรียนรู้และใช้ได้อย่างถูกต้อง2. อัตราความถี่ของคำศัพท์จากหนังสือต่างๆ สูง (ช่วง) หมายถึงจำนวนหนังสือที่นำมาใช้ในการนับความถี่ยิ่งใช้หนังสือจำนวนมากเท่าไรบัญชีความถี่ยิ่งมีคุณค่ามากเท่านั้นเพราะคำที่หาได้จากหลายแหล่งย่อมมีความสำคัญมากกว่าคำที่จะพบเฉพาะในหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งอย่างเดียวแม้ว่าความถี่ของคำศัพท์ที่พบในหนังสือเล่มนั้นๆ จะมีมากก็ตาม3. สถานการณ์หรือสภาวะในขณะนั้น (ว่าง) คำศัพท์ที่เลือกมาใช้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความถี่เพียงอย่างเดียวต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ด้วยเช่นคำว่ากระดานดำถ้าเกี่ยวกับห้องเรียนครูต้องใช้คำนี้แม้จะเป็นคำที่ไม่ปรากฏบ่อยที่อื่น4. คำที่ครอบคลุมคำได้หลายอย่าง (ครอบคลุม) หมายถึงคำที่สามารถครอบคลุมความหมายได้หลายอย่างหรือสามารถใช้คำอื่นแทนได้5. คำที่เรียนรู้ได้ง่าย (ความสามารถในการเรียนรู้) หมายถึงคำที่สามารถเรียนรู้ได้ง่ายเช่นคำที่คล้ายกับภาษาเดิมมีความหมายชัดเจนสั้นจำง่ายหลักการดังกล่าวสอดคล้องกับลาโด (Lado. 1996:119-120) เป็นส่วนใหญ่เว้นบางข้อที่ลาโดได้เสนอเพิ่มเติมไว้ดังนี้1. ควรเป็นคำศัพท์ที่มีความสัมพันธ์กับประสบการณ์และความสนใจของผู้เรียน2. ควรมีปริมาณของตัวอักษรในคำศัพท์เหมาะสมกับระดับอายุและสติปัญญาของผู้เรียนเช่นในระดับประถมศึกษาตอนต้นมาสอนก็ควรนำคำศัพท์สั้นๆ3. ไม่ควรมีคำศัพท์มากเกินไป หรือน้อยเกินไปในบทเรียนหนึ่ง ๆ แต่ควรเหมาะสมกับวุฒิภาวะทางสติปัญญาของผู้เรียน4. ควรเป็นคำศัพท์ที่นักเรียนมีโอกาสนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น นำไปพูดสนทนาหรือพบเห็นคำศัพท์นั้นตามป้ายโฆษณา เป็นต้นกล่าวโดยสรุป การเลือกคำศัพท์เพื่อนำมาสอนผู้เรียนนั้น ควรเป็นคำศัพท์ที่อยู่ใกล้ตัวและเป็นคำศัพท์ที่ปรากฏบ่อย นอกจากนี้ คำศัพท์ที่จะนำมาสอนนั้น ต้องเหมาะสมกับวัยและระดับความสามารถของผู้เรียน อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้1.6 วิธีการสอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษในการสอนคำศัพท์นั้นมีนักการศึกษาหลายท่าน ได้เสนอขั้นตอนการสอนคำศัพท์ไว้หลายแนวทางด้วยกันดังนี้อนุภาพ ดลโสภณ (2542 : 18) ได้เสนอแนะลำดับขั้นในการสอนคำศัพท์ ดังนี้1. พิจารณาความยากง่ายของคำ ครูควรพิจารณาว่าคำนั้น ๆ เป็นคำศัพท์ยาก หรือคำศัพท์ง่าย หรือเป็นคำศัพท์ที่มีปัญหา ทั้งนี้ เพื่อจะได้แบ่งแยกหาวิธีในการสอน และทำการฝึกให้เหมาะกับคำศัพท์นั้น2. สอนความหมาย ให้นักเรียนตีความหมายจากภาษาอังกฤษโดยตรง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาไทย โดยอาจจะใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น แผนภูมิ รูปภาพ ของจริง หรือแสดงกริยาท่าทางประกอบ เพื่อให้นักเรียนเข้าใจความหมายอย่างเด่นชัดขึ้น3. ฝึกการออกเสียงคำศัพท์ใหม่ ครูเขียนคำศัพท์ใหม่ลงบนกระดาน อ่านให้นักเรียนฟังก่อน และให้นักเรียนออกเสียงตาม หากนักเรียนออกเสียงผิดก็ให้ออกเสียงให้ถูกต้อง

สำหรับกลวิธีในการสอนความหมายคำ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาไทยในการสอนนั้นมีวิธีการหลายแบบที่ครูช่วยให้นักเรียนเข้าใจความหมายของคำจากภาษาอังกฤษโดยตรงดังต่อไปนี้
1. ใช้คำศัพท์ที่นักเรียนรู้หรือจากสิ่งแวดล้อมของนักเรียนมาผูกประโยคเพื่อเชื่อมโยงไปสู่ความหมายของคำศัพท์ใหม่
2. ใช้ประโยคของคำศัพท์เก่า เมื่อมีความหมายเหมือนกันหรือตรงกันข้ามกับคำศัพท์ใหม่
3. สอนคำศัพท์ใหม่ โดยการใช้คำจำกัดความหมายง่าย ๆ
4. ใช้ภาพหรือของจริงประกอบกับการอธิบายความหมาย อุปกรณ์ประเภทนี้หามาได้ง่าย ๆ เช่น ของที่อยู่รอบห้อง เครื่องแต่งกาย หรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หรืออาจใช้ภาพลายเส้นการ์ตูน เขียนภาพบนกระดานดำได้ อุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยให้การแสดงความหมายชัดเจนโดยไม่ต้องใช้คำแปลประกอบ
5. การแสดงท่าทาง ครูใช้การแสดงท่าทางประกอบการแสดงความหมายของคำได้
6. การใช้บริบทหรือสอนให้เดาความหมายจากประโยค

การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
1.4
แบ่งได้เป็นหลายประเภทเดลเอตก้าและคณะ (Dele เอ็ดการ์และคนอื่น ๆ 1999:. 37-38) ได้แบ่งคำศัพท์ออกเป็น 2 ประเภทคือ
1 คำศัพท์ที่มีความหมายในตัวเอง (เนื้อหาคำพูด)
คือ แมวหนังสือเป็นต้น
2 (คำพูดที่ฟังก์ชั่น)
หรือที่เรียกว่าการยะ ได้แก่ คำนำหน้า (Article) คำบุพบท (บุพบท) สรรพนาม (สรรพนาม) ๆ ในประโยคนอกจากนี้สุไรพงษ์ทองเจริญ (สุขุมาลย์บุตรานนท์ 2542:.. 14 อ้างอิงจากสุไรพงษ์ทองเจริญ 2526) ได้แบ่งประเภทของคำศัพท์ออกเป็น 2 ประเภทคือ1 คำศัพท์ที่ใช้งานคือ พูดอ่านและเขียนเช่นคำว่าสิ่งที่สำคัญที่จำเป็นที่จำเป็นประกอบด้วยเป็นต้นสำหรับการเรียนคำศัพท์ประเภทนี้ครูจะต้องฝึกบ่อย ๆ ซ้ำ อดทน ไม่จำเป็นจะต้องฝึกคำศัพท์ประเภทนี้เช่นคำว่าซับซ้อนเสน่ห์, เปรียบเป็นต้น ก็อาจจะกลายเป็นคำศัพท์ประเภทคำศัพท์ที่ใช้งานได้กล่าวโดยสรุป คือคำที่มีความหมายในตัวเองและคำที่ไม่มีความหมายในตัวเอง คือ (แมก 1978:. 176-190) คำศัพท์ที่ปรากฏบ่อย (ความถี่) หมายถึง ๆ สูง (ช่วง) หมายถึง ยิ่งใช้หนังสือจำนวนมากเท่าไร เพราะคำที่หาได้จากหลายแหล่ง ๆ จะมีมากก็ตาม3 สถานการณ์หรือสภาวะในขณะนั้น ต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ด้วยเช่นคำว่ากระดานดำ คำที่ครอบคลุมคำได้หลายอย่าง (Coverage) หมายถึง คำที่เรียนรู้ได้ง่าย (เรียนรู้ความสามารถ) หมายถึงคำที่สามารถเรียนรู้ได้ง่ายเช่นคำที่คล้ายกับภาษาเดิมมีความหมายชัดเจนสั้นจำง่ายหลักการดังกล่าวสอดคล้องกับลาโด (Lado 1996:. 119-120) เป็น ส่วนใหญ่ และสติปัญญาของผู้เรียนเช่นในระดับประถมศึกษาตอนต้นก็ควรนำคำศัพท์สั้น ๆ มาสอน3 ไม่ควรมีคำศัพท์มากเกินไปหรือน้อยเกินไปในบทเรียนหนึ่ง ๆ เช่น เป็นต้นกล่าวโดยสรุป นอกจากนี้คำศัพท์ที่จะนำมาสอนนั้น ดลโสภณ (2542: 18) ดังนี้1 พิจารณาความยากง่ายของคำครูควรพิจารณาว่าคำนั้น ๆ เป็นคำศัพท์ยากหรือคำศัพท์ง่ายหรือเป็นคำศัพท์ที่มีปัญหาทั้งนี้เพื่อจะได้แบ่งแยกหาวิธีในการสอน สอนความหมาย ควรหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาไทยโดยอาจจะใช้อุปกรณ์ช่วยเช่นแผนภูมิรูปภาพของจริงหรือแสดงกริยาท่าทางประกอบ ฝึกการออกเสียงคำศัพท์ใหม่ครูเขียนคำศัพท์ใหม่ลงบนกระดานอ่านให้นักเรียนฟังก่อนและให้นักเรียนออกเสียงตาม ใช้ประโยคของคำศัพท์เก่า สอนคำศัพท์ใหม่โดยการใช้คำจำกัดความหมายง่าย ๆ4 อุปกรณ์ประเภทนี้หามาได้ง่าย ๆ เช่นของที่อยู่รอบห้องเครื่องแต่งกายหรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกายหรืออาจใช้ภาพลายเส้นการ์ตูนเขียนภาพบนกระดานดำได้ การแสดงท่าทาง















































การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: