Lesion incidence on papaya fruitsTh

Lesion incidence on papaya fruits
The first lesion was observed 4 d after inoculation
for fruit without starch coatings (control treatment),
and the lesion featured 0.21 cm in diameter.
The lesion was round and depressed. At 6 d after
inoculation, the first anthracnose symptoms were
observed on starch coated fruits treated with the 1%
starch coating. At that stage the non-coated control
treatment had a mean of 14.8% incidence, whereas
the fruits coated with 2%, 3% and 4% starch had no
lesions (Table 1).
Disease incidence in the control treatment continued
to increase until 12 d after inoculation, averaging
22.2% of anthracnose, whereas fruits coated with 1%
starch stabilized at 9 d after inoculation at incidence
of 7.4% (Table 1). Although the 1% treatment did not
fully suppress anthracnose, it gave better control of
the disease than for the uncoated fruits. No anthracnose
developed on the fruits treated with the 2%, 3%
or 4% starch coatings, and these treatments gave better
control of the disease than the 1% coating and the
nil coated control.
Interference of fruit ripening processes by the
starch coatings could explain the efficient control of
anthracnose in fruits coated with starch at 2%, 3%
and 4% (Figure 1). Under these conditions, the fruits
could remain resistant for longer periods because of
phenolic compounds decrease during ripening (Chitarra
and Chitarra, 2005), and these compounds are

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เกิดรอยโรคในมะละกอผลไม้รอยโรคครั้งแรกพบว่า 4 d หลังจากกักบริเวณสำหรับผลไม้โดยไม่เคลือบแป้ง (ควบคุมรักษา),รอยแผล 0.21 ซม.เส้นผ่านศูนย์กลางรอยแผลเป็นรอบ และหดหู่ ที่ d 6 หลังมีอาการ anthracnose แรกดันสังเกตบนแป้งเคลือบผลไม้รักษา ด้วย 1%แป้งเคลือบ ในขั้นที่ควบคุมไม่ได้เคลือบรักษาได้เฉลี่ยของอุบัติการณ์ 14.8% ในขณะที่ผลไม้เคลือบ ด้วยแป้ง 2%, 3% และ 4% ตลอดรอยโรค (ตารางที่ 1)อุบัติการณ์ของโรคในการรักษาควบคุมอย่างต่อเนื่องเพิ่มจนถึง 12 d หลังจากกักบริเวณ เฉลี่ย22.2% anthracnose ในขณะที่ผลไม้เคลือบ ด้วย 1%แป้งที่มีความเสถียรที่ดี 9 หลังจากกักบริเวณที่เกิด7.4% (ตาราง 1) แม้ว่าการรักษา 1% ไม่ได้อย่างระงับ anthracnose ให้ดีขึ้นโรคกว่าสำหรับเคลือบผิวผลไม้ ไม่ anthracnoseพัฒนาบนผลไม้รักษา ด้วย 2%, 3%หรือเคลือบแป้ง 4% และการรักษาเหล่านี้ให้ดีขึ้นควบคุมโรคมากกว่าการเคลือบ 1% และศูนย์ควบคุมการเคลือบรบกวนของผลไม้สุกกระบวนการโดยการแป้งเคลือบสามารถอธิบายการควบคุมมีประสิทธิภาพanthracnose ในผลไม้เคลือบ ด้วยแป้งที่ 2%, 3%และ 4% (รูปที่ 1) ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ ผลไม้สามารถอยู่ทนนานเนื่องจากสารประกอบฟีนอลดลงระหว่างการสุก (Chitarraและ Chitarra, 2005), และสารเหล่านี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อุบัติการณ์การเกิดแผลบนผลไม้มะละกอ
แผลแรกที่ถูกตั้งข้อสังเกต 4 D หลังจากการฉีดวัคซีน
สำหรับผลไม้โดยไม่ต้องเคลือบแป้ง (การควบคุมการรักษา)
และแผลที่เข้าร่วม 0.21 ซม.
แผลกลมและหดหู่ 6 D หลังจาก
ฉีดวัคซีนอาการแอนแทรกโนครั้งแรกที่
พบในผลไม้แป้งเคลือบรับการรักษาด้วย 1%
เคลือบแป้ง ในขั้นตอนที่ควบคุมที่ไม่ได้เคลือบ
รักษามีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 14.8% อัตราการเกิดในขณะที่
ผลไม้เคลือบด้วย 2%, 3% และแป้ง 4% ได้ไม่มี
แผล (ตารางที่ 1).
เกิดโรคในการควบคุมการรักษาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อเพิ่มจนถึงวันที่ 12 D หลังจากฉีดวัคซีนเฉลี่ย
22.2% ของแอนแทรกโนในขณะที่ผลไม้เคลือบด้วย 1%
แป้งมีความเสถียรที่ 9 D หลังจากการฉีดวัคซีนที่อุบัติการณ์
7.4% (ตารางที่ 1) แม้ว่าการรักษาที่ 1% ไม่ได้
อย่างเต็มที่ปราบปรามแอนแทรกโนมันทำให้การควบคุมที่ดีของ
การเกิดโรคมากกว่าผลไม้เคลือบผิว ไม่มีแอนแทรกโน
พัฒนาบนผลไม้ได้รับการรักษาด้วย 2%, 3%
หรือ 4% เคลือบแป้งและการรักษาเหล่านี้ให้ดีกว่า
การควบคุมโรคมากกว่าการเคลือบ 1% และ
การควบคุมเคลือบศูนย์.
รบกวนของกระบวนการผลไม้สุกโดย
การเคลือบแป้งจะทำได้ อธิบายการควบคุมที่มีประสิทธิภาพของ
แอนแทรกโนในผลไม้เคลือบด้วยแป้งที่ 2%, 3%
และ 4% (รูปที่ 1) ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ผลไม้
ก็ยังคงทนสำหรับระยะเวลานานเพราะ
สารประกอบฟีนอลลดลงระหว่างการสุก (Chitarra
และ Chitarra, 2005) และสารประกอบเหล่านี้มี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พบอุบัติการณ์ของผลไม้มะละกอแผลแรกจาก 4 D หลังจากการฉีดวัคซีนสำหรับผลไม้โดยไม่ต้องเคลือบแป้ง ( กลุ่มควบคุม )และการบาดเจ็บที่โดดเด่นในซม.แผลกลม และหดหู่ 6 D หลังการฉีดวัคซีน อาการแรกคือ โรคแอนแทรคโนสพบในผลไม้เคลือบแป้งรักษาด้วย % 1เคลือบแป้ง ในขั้นตอนที่ไม่เคลือบ ควบคุมการรักษามีเฉลี่ย 14.8% และอุบัติการณ์ผลไม้เคลือบด้วย 2% , 3% และ 4% แป้งไม่มีแผล ( ตารางที่ 1 )อุบัติการณ์ในการรักษาควบคุมโรคอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นถึง 12 D หลังจากที่ได้รับเฉลี่ย22.2 % ของโรคแอนแทรคโนส ส่วนผลไม้ที่เคลือบด้วย % 1แป้งผสม 9 D หลังจากที่ได้รับในอุบัติการณ์7.4 เปอร์เซ็นต์ ( ตารางที่ 1 ) แม้ว่าการรักษา % 1 ไม่ได้พร้อมยับยั้งโรคแอนแทรคโนส มันให้ผลการควบคุมโรคกว่าสำหรับผลไม้ที่ไม่ได้เคลือบ ไม่มีโรคแอนแทรคโนสพัฒนาบนผลไม้รักษาด้วย 2% , 3%หรือ 4 % แป้งเคลือบ และการรักษาเหล่านี้ให้ดีขึ้นการควบคุมโรคกว่า 1 % เคลือบและควบคุมเคลือบสีนิลรบกวนของกระบวนการบ่มผลไม้โดยเคลือบแป้งสามารถอธิบายที่มีประสิทธิภาพการควบคุมโรคในผลไม้ที่เคลือบด้วยแป้งที่ 2% , 3%และ 4 % ( รูปที่ 1 ) ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ , ผลไม้จะยังคงทนนานเพราะสารประกอบฟีนอลลดลงระหว่างการสุก ( คีทาราคีทารา และ พ.ศ. 2548 ) และสารประกอบเหล่านี้