The value of organic greenhouse pro

The value of organic greenhouse production in the United States is $112 million, and organic floriculture
production has increased 40% in greenhouses since 2008. The U.S. National Organic Program (NOP)
guidelines allow organic production in containers. One of the primary concerns for current and potential
organic container growers is managing container substrate and plant fertility. This manuscript provides
a review of current literature on organic substrates and fertilizers for container grown herbs, vegetables
and herbaceous ornamentals according to NOP guidelines. Organic-approved substrates can be purchased
from commercial suppliers or produced in house. Many organic substrate components are similar to those
used in conventional production (peat moss, pine bark, perlite, vermiculite, rice hulls, and whole pine
tree) but lack a synthetic wetting agent. Growers who mix their own substrates often add compost at
percentages ranging from 20 to 50%. Compost has high water holding and cation exchange capacity. It is
often locally or regionally produced and purchased, which impacts variability and quality. For this reason,
growers often need to manage substrates with compost more carefully. Single source or blended organic
fertilizers may be incorporated in substrates prior to planting. These are derived from a variety of plant
and animal based sources. A small number of mined components may be added to substrate-incorporated
fertilizers (i.e. limestone). These fertilizers will typically last for four to five weeks, and are often supplemented
with liquid fertilizers for longer-term crops or species with high nitrogen requirements. Liquid
fertilizers also tend to be more quickly plant available compared to substrate-incorporated fertilizers.
With careful management, it is possible to grow container plants in organic production systems that are
comparable to those produced in conventional production systems

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ค่าผลิตเรือนกระจกอินทรีย์ในสหรัฐอเมริกาเป็น 112 ล้านเหรียญสหรัฐ และอินทรีย์ปลูกดอกไม้ผลิตเพิ่มขึ้น 40% ในโรงเรือนตั้งแต่ 2008 สหรัฐอเมริกาชาติอินทรีย์โปรแกรม (NOP)แนวทางการอนุญาตให้ผลิตเกษตรอินทรีย์ในภาชนะบรรจุ หนึ่งในความกังวลหลักในปัจจุบันและศักยภาพเกษตรกรอินทรีย์คอนเทนเนอร์คือการจัดการความอุดมสมบูรณ์พืชและเคลือบผิวภาชนะ ฉบับนี้ให้การทบทวนวรรณกรรมปัจจุบันบนพื้นผิวสารอินทรีย์และปุ๋ยภาชนะปลูกสมุนไพร ผักและ ornamentals ต้นไม้ตามแนวทางของ NOP สามารถซื้อได้พื้นผิวที่ได้รับการรับรองเกษตรอินทรีย์จากผู้ค้าหรือผลิตในบ้าน องค์ประกอบอินทรีย์พื้นผิวหลายจะคล้ายกับที่ใช้ในการผลิตทั่วไป (ทมอ เปลือกสน perlite เวอร์มิคูไลท์ แกลบ และสนทั้งหมดต้นไม้) แต่ขาดตัวสังเคราะห์เปียกแทน เกษตรกรที่ผสมพื้นผิวของตัวเองมักจะเพิ่มปุ๋ยหมักที่เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ 20-50% ปุ๋ยหมักมีความจุน้ำสูงถือและแลกเปลี่ยน มันเป็นมักจะอยู่ภายในเครื่อง หรือในภูมิภาคที่ผลิต และซื้อ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพและความแปรปรวน ด้วยเหตุนี้เกษตรกรมักจะต้องจัดการพื้นผิว มีปุ๋ยหมักเพิ่มเติมอย่างระมัดระวัง แหล่งเดียว หรือผสมอินทรีย์ปุ๋ยอาจรวมไว้ในพื้นผิวก่อนการปลูก เหล่านี้มาจากความหลากหลายของพืชและสัตว์ตามแหล่งที่มา จำนวนเล็ก ๆ ของคอมโพเนนต์ขุดอาจเพิ่มการรวมพื้นปุ๋ย (เช่นหินปูน) ปุ๋ยเหล่านี้จะโดยทั่วไป 4-5 สัปดาห์ และมักจะมีการเพิ่มเติมกับปุ๋ยเหลวสำหรับพืชระยะยาวหรือสายพันธุ์ มีความต้องการไนโตรเจนสูง ของเหลวปุ๋ยยังมีแนวโน้มจะขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับปุ๋ยรวมพื้นผิวโรงงานพร้อมใช้งานมีการจัดการอย่างระมัดระวัง เป็นภาชนะปลูกในระบบการผลิตเกษตรอินทรีย์ที่เมื่อเทียบกับผู้ผลิตในระบบการผลิตแบบเดิม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มูลค่าของการผลิตอินทรีย์เรือนกระจกในประเทศสหรัฐอเมริกาคือ $ 112 ล้านบาทและการปลูกดอกไม้อินทรีย์
ผลิตได้เพิ่มขึ้น 40% ในเรือนกระจกตั้งแต่ปี 2008 สหรัฐอินทรีย์แห่งชาติโครงการ (NOP)
แนวทางการอนุญาตให้ผลิตเกษตรอินทรีย์ในภาชนะบรรจุ หนึ่งในความกังวลหลักสำหรับปัจจุบันและศักยภาพ
เกษตรกรผู้ปลูกภาชนะอินทรีย์เป็นสารตั้งต้นภาชนะการจัดการและความอุดมสมบูรณ์ของพืช ลายแทงแห่งนี้มี
การทบทวนวรรณกรรมปัจจุบันกับพื้นผิวอินทรีย์และปุ๋ยสำหรับภาชนะปลูกสมุนไพรผัก
และไม้ประดับล้มลุกตามแนวทาง NOP พื้นผิวอินทรีย์ได้รับการอนุมัติสามารถซื้อ
จากซัพพลายเออร์ในเชิงพาณิชย์หรือผลิตในบ้าน หลายส่วนประกอบสารตั้งต้นอินทรีย์จะคล้ายกับที่
ใช้ในการผลิตแบบเดิม (พีทมอส, เปลือกสน, perlite, ดิน, เปลือกข้าวและไม้สนทั้ง
ต้นไม้) แต่ขาดตัวแทนเปียกสังเคราะห์ เกษตรกรผู้ปลูกที่ผสมพื้นผิวของตัวเองมักจะเพิ่มปุ๋ยหมักใน
อัตราร้อยละตั้งแต่ 20-50% ปุ๋ยหมักมีโฮลดิ้งน้ำสูงและความสามารถในการแลกเปลี่ยนประจุบวก มันเป็นเรื่องที่
มักจะในประเทศหรือภูมิภาคที่ผลิตและซื้อซึ่งส่งผลกระทบต่อความแปรปรวนและคุณภาพ ด้วยเหตุนี้
เกษตรกรผู้ปลูกมักจะต้องจัดการกับพื้นผิวปุ๋ยหมักอย่างระมัดระวังมากขึ้น แหล่งเดียวหรืออินทรีย์ผสม
ปุ๋ยอาจจะจัดตั้งขึ้นในพื้นผิวก่อนที่จะปลูก เหล่านี้มาจากความหลากหลายของพืช
และสัตว์ตาม เล็ก ๆ จำนวนมากของส่วนประกอบศีลธรรมอาจมีการเพิ่มสารตั้งต้นที่จดทะเบียน
ปุ๋ย (เช่นหินปูน) ปุ๋ยเหล่านี้มักจะมีอายุการใช้งาน 4-5 สัปดาห์และมักจะมีการเสริม
ด้วยปุ๋ยน้ำสำหรับพืชในระยะยาวหรือสายพันธุ์ที่มีความต้องการไนโตรเจนสูง ของเหลว
ปุ๋ยยังมีแนวโน้มที่จะมีมากขึ้นอย่างรวดเร็วปลูกใช้ได้เมื่อเทียบกับปุ๋ยสารตั้งต้นที่จดทะเบียน.
ด้วยการจัดการระวังมันเป็นไปได้ที่จะปลูกพืชภาชนะในระบบการผลิตเกษตรอินทรีย์ที่มีความ
สามารถเทียบเคียงได้กับผู้ผลิตในระบบการผลิตแบบเดิม