Jobs made it Apple’s mission to bri

Jobs made it Apple’s mission to bring an easy-to-use computer to market. In April 1978, the company launched the Apple II, a relatively simple machine that people could use straight out of the box. The Apple II sparked a computing revolution that drove the PC industry to $1 billion in annual sales in less than three years.3 Apple quickly became the industry leader, selling more than 100,000
Apple IIs by the end of 1980. In December 1980, Apple launched a successful IPO.
Apple’s competitive position changed fundamentally in 1981, when IBM entered the PC market. The IBM PC, which used Microsoft’s DOS operating system (OS) and a microprocessor (also called a CPU) from Intel, seemed bland and gray alongside the graphics- and sound-enhanced Apple II. But the IBM PC was a relatively “open” system that other producers could clone. By contrast, Apple relied on proprietary designs that only Apple could produce. As IBM-compatibles proliferated, Apple’s revenue continued to grow, but its market share dropped sharply, falling to 6.2% in 1982.4
In 1984, Apple introduced the Macintosh, marking a breakthrough in ease of use, industrial design, and technical elegance. Yet the Mac’s slow processor speed and a lack of compatible software limited its sales. Between 1983 and 1984, Apple’s net income fell 17%, leaving the company in crisis. In April 1985, Apple’s board removed Jobs from an operational role. Several months later, Jobs left Apple to found a new company named NeXT. Those moves left John Sculley, the CEO whom Apple had recruited from Pepsi-Cola in 1983, alone at the helm. Sculley had led Pepsi’s successful charge against Coca-Cola. Now he hoped to help Apple compete against dominant players in its industry.
The Sculley Years, 1985–1993
Sculley sought to make Apple a leader in desktop publishing as well as education. He also moved aggressively to bring Apple into the corporate world. Apple’s combination of superior software, such as Aldus (later Adobe) PageMaker, and peripherals, such as laser printers, gave the Macintosh unmatched capabilities in desktop publishing. Sales exploded, turning Apple into a global brand. By
1990, Apple’s worldwide market share stabilized at about 8%. In the education market, which contributed roughly half of Apple’s U.S. sales, the company held a share of more than 50%. Apple had $1 billion in cash and was the most profitable PC company in the world.
Apple controlled the only significant alternative, both in hardware and in software, to the then- prevailing IBM-compatible standard. The company practiced horizontal and vertical integration to a greater extent than any other PC company, with the exception of IBM. Apple typically designed its products from scratch, using unique chips, disk drives, and monitors, as well as unusual shapes for its computers’ chassis. The company also developed its own proprietary OS, which it bundled with the Mac; its own application software; and many peripherals, including printers.
Analysts generally considered Apple’s products to be more versatile than comparable IBM- compatible machines. IBM-compatibles narrowed the gap in ease of use in 1990, when Microsoft released Windows 3.0. But in many core software technologies, such as multimedia, Apple retained a big lead. In addition, since Apple controlled all aspects of its computer, it could offer customers a complete desktop solution, including hardware, software, and peripherals that allowed customers to “plug and play.” By contrast, users often struggled to add hardware or software to IBM-compatible PCs. As a result, one analyst noted, “The majority of IBM and compatible users ‘put up’ with their machines, but Apple’s customers ‘love’ their Macs.”5

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

งานทำให้ภารกิจแอปเปิ้ลที่จะนำคอมพิวเตอร์ที่ง่ายต่อการใช้ในการตลาด ในเดือนเมษายน 1978 บริษัท ได้เปิดตัวแอปเปิ้ล ii, เครื่องค่อนข้างง่ายที่ผู้คนสามารถใช้ออกตรงของช่อง แอปเปิ้ล ii จุดประกายการปฏิวัติคอมพิวเตอร์ที่ขับรถอุตสาหกรรมชิ้นถึง $ 1 พันล้านดอลลาร์ในการขายประจำปีในเวลาน้อยกว่าสาม years.3 แอปเปิ้ลอย่างรวดเร็วกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการขายมากกว่า 100,000
แอปเปิ้ล iis โดยสิ้นปี 1980 ในธันวาคม 1980, แอปเปิ้ลเปิดตัวที่ประสบความสำเร็จ IPO.
ตำแหน่งในการแข่งขันแอปเปิ้ลมีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในปี 1981 เมื่อ ibm ป้อนตลาดคอมพิวเตอร์ พีซีของไอบีเอ็มซึ่งใช้ dos ระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์ (os) และไมโครโปรเซสเซอร์ (เรียกว่าซีพียู) จากอินเทลดูเหมือนอ่อนโยนและสีเทาพร้อมกับแอปเปิ้ลที่มีกราฟิกและเสียงที่เพิ่ม iiแต่เครื่องคอมพิวเตอร์ของไอบีเอ็มเป็นระบบที่ค่อนข้าง "เปิด" ว่าผู้ผลิตอื่น ๆ อาจโคลน โดยทางแอปเปิ้ลเป็นที่พึ่งในการออกแบบกรรมสิทธิ์ที่แอปเปิ้ลเท่านั้นที่สามารถผลิต เป็น ibm-compatibles แพร่กระจายรายได้แอปเปิ้ลยังคงเติบโต แต่ส่วนแบ่งตลาดลดลงอย่างรวดเร็วลดลง 6.2% ในปี 1,982.4
ในปี 1984, แอปเปิ้ลเปิดตัวแมคอินทอชเครื่องหมายความก้าวหน้าในความสะดวกในการใช้งานการออกแบบอุตสาหกรรม,และความสง่างามทางเทคนิค ยังประมวลผลความเร็วแม็ช้าและขาดการซอฟต์แวร์ที่รองรับการ จำกัด การขายของ ระหว่างปี 1983 และปี 1984 รายได้สุทธิแอปเปิ้ลลดลง 17% ออกจาก บริษัท ในภาวะวิกฤต ในเดือนเมษายนปี 1985 คณะกรรมการที่แอปเปิ้ลออกงานจากบทบาทการดำเนินงาน หลายเดือนต่อมางานที่เหลือแอปเปิ้ลที่จะพบว่า บริษัท ใหม่ที่ชื่อต่อไป ย้ายผู้ทิ้งจอห์น Sculley,ซีอีโอของแอปเปิ้ลผู้ที่ได้รับคัดเลือกจากเป๊ปซี่โคล่าในปี 1983 เพียงอย่างเดียวที่หางเสือ Sculley ได้นำค่าใช้จ่ายที่ประสบความสำเร็จกับเป๊ปซี่โคก ตอนนี้เขาหวังว่าจะช่วยให้แอปเปิ้ลในการแข่งขันกับผู้เล่นที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมของตน.
ปี Sculley, 1985-1993
Sculley พยายามที่จะทำให้แอปเปิ้ลเป็นผู้นำในการเผยแพร่เดสก์ทอปเช่นเดียวกับการศึกษา เขาก็ย้ายอุกอาจที่จะนำแอปเปิ้ลเข้าสู่โลกขององค์กรการรวมกันของแอปเปิ้ลของซอฟต์แวร์ที่เหนือกว่าเช่น Aldus (ต่อมาอะโดบี) PageMaker, และอุปกรณ์ต่อพ่วงเช่นเครื่องพิมพ์เลเซอร์ให้ความสามารถที่ไม่มีใครเทียบแมคอินทอชในการเผยแพร่สก์ท็อป ขายระเบิดเปิดแอปเปิ้ลเป็นแบรนด์ระดับโลก โดย
ปี 1990 ส่วนแบ่งการตลาดแอปเปิ้ลทั่วโลกมีความเสถียรที่ประมาณ 8% ในตลาดการศึกษาซึ่งมีส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของแอปเปิ้ลของเรา การขายบริษัท ที่ถือหุ้นกว่า 50% แอปเปิ้ลมี 1 $ พันล้านเงินสดและเป็น บริษัท คอมพิวเตอร์ที่มีกำไรมากที่สุดในโลก. แอปเปิ้ล
ควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางเลือกเพียงทั้งในด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพื่อมาตรฐาน ibm ที่เข้ากันได้แล้วในขณะนั้น บริษัท มีประสบการณ์บูรณาการในแนวนอนและแนวตั้งในระดับที่สูงกว่า บริษัท ใด ๆ ชิ้นอื่น ๆ ที่มีข้อยกเว้นของ ibmแอปเปิ้ลมักจะได้รับการออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนตั้งแต่เริ่มต้นโดยใช้ชิปที่ไม่ซ้ำกันดิสก์ไดรฟ์และตรวจสอบเช่นเดียวกับที่รูปร่างผิดปกติสำหรับตัวถังเครื่องคอมพิวเตอร์ของ ' บริษัท ยังได้พัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเองเป็นเจ้าของที่จะมาพร้อมกับแม็ค; โปรแกรมประยุกต์ของตัวเองและอุปกรณ์ต่อพ่วงจำนวนมากรวมทั้งเครื่องพิมพ์
.นักวิเคราะห์โดยทั่วไปถือว่าผลิตภัณฑ์แอปเปิ้ลจะมีหลากหลายมากขึ้นกว่าเครื่อง ibm ที่เข้ากันได้เปรียบ ibm-compatibles แคบช่องว่างในการใช้งานง่ายในปี 1990 เมื่อไมโครซอฟท์เปิดตัว Windows 3.0 แต่ในหลายเทคโนโลยีซอฟต์แวร์หลักเช่นมัลติมีเดียแอปเปิ้ลยังคงเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนี้แอปเปิ้ลตั้งแต่การควบคุมทุกด้านของเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนมันจะให้ลูกค้าโซลูชั่นเดสก์ทอปที่สมบูรณ์รวมทั้งฮาร์ดแวร์ซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงที่ได้รับอนุญาตให้ลูกค้า "plug and play." โดยทางผู้ใช้มักจะพยายามที่จะเพิ่มฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์เพื่อชิ้น ibm ที่เข้ากันได้ เป็นผลให้หนึ่งในนักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า "ส่วนใหญ่ของไอบีเอ็มและผู้ใช้สามารถใช้งานได้ 'วาง' กับเครื่องของพวกเขา แต่ความรักของลูกค้าแอปเปิ้ลแม็คของพวกเขา." 5

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

งานทำหน้าที่เพื่อให้ง่ายต่อการใช้คอมพิวเตอร์การตลาด ในเดือน 1978 เมษายน บริษัทเปิดตัว Apple II เครื่องค่อนข้างง่ายที่คนสามารถใช้ตรงจากกล่อง II แอปเปิ้ลจุดประกายการปฏิวัติคอมพิวเตอร์ว่า อุตสาหกรรม PC ขับรถไป 1 ล้านดอลลาร์ในการขายประจำปีใน years.3 น้อยกว่า 3 แอปเปิ้ลอย่างรวดเร็วกลาย เป็นผู้นำอุตสาหกรรม ขาย 100000 กว่า
IIs แอปเปิ้ล โดย 1980 ในเดือนธันวาคมพ.ศ. 2523 แอปเปิ้ลเปิดตัวประสบความสำเร็จเสนอขายหุ้น.
ตำแหน่งการแข่งขันของแอปเปิ้ลเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในปี 1981 เมื่อ IBM ป้อนตลาดพีซี IBM PC ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ DOS ของ Microsoft (OS) และไมโครโปรเซสเซอร์ (ยังเรียกว่าเป็น CPU) จาก Intel ดูเหมือนสูง และควบคู่ไปกับการกราฟิก และเสียงสนับสนุน Apple II สีเทา แต่ IBM PC มีระบบค่อนข้าง "เปิด" ที่ผู้ผลิตอื่น ๆ สามารถโคลน โดยคมชัด แอปเปิ้ลอาศัยบนออกกรรมสิทธิ์ที่สามารถผลิตแอปเปิ้ลเท่านั้น เป็น IBM compatibles proliferated รายได้ของ Apple ยังคงเติบโต แต่ส่วนแบ่งตลาดทิ้งอย่างรวดเร็ว ลดลง 6.2% ใน 1982.4
ใน 1984, Apple เปิดตัว Macintosh การทำเครื่องหมายเป็นความก้าวหน้าในความง่ายในการใช้ การออกแบบอุตสาหกรรม และความสง่างามทางเทคนิค ยัง ความเร็วของตัวประมวลผลที่ช้าของ Mac และไม่เข้ากันได้กับซอฟต์แวร์จำกัดการขาย 1983 และ 1984 รายได้สุทธิของ Apple ลดลง 17% ออกจากบริษัทในวิกฤต คณะกรรมการของ Apple เอางานจากบทบาทการดำเนินงานในเดือน 1985 เมษายน หลายเดือนต่อมา งานจากแอปเปิ้ลหาบริษัทใหม่ชื่อถัดไป ผู้ย้ายซ้าย Sculley จอห์น CEO ที่แอปเปิ้ลได้พิจารณาจากแป๊ปซี่โคล่าในปี 1983 คนเดียวในโอกาส Sculley ได้นำค่าธรรมเนียมที่ประสบความสำเร็จของแป๊ปซี่กับโคคา-โคล่า ตอนนี้เขาหวังว่าจะช่วยให้แอปเปิ้ลที่แข่งขันกับผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมนั้น
เดอะ Sculley ปี 1985–1993
Sculley พยายามที่จะทำให้แอปเปิลเป็นผู้นำในการพิมพ์รวมทั้งศึกษาการ เขายังย้ายอุกอาจไปนำแอปเปิ้ลเข้าสู่โลกขององค์กร ชุดของ Apple เหนือกว่าซอฟต์แวร์ PageMaker Aldus (Adobe ภายหลัง) และอุปกรณ์ต่อพ่วง เช่นเครื่องพิมพ์เลเซอร์ Macintosh ให้ตรงความสามารถในการพิมพ์ ขายขยาย เปลี่ยน Apple เป็นแบรนด์ระดับโลก โดย
1990 ส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกของแอปเปิ้ลเสถียรที่ประมาณ 8% ในตลาดศึกษา ซึ่งส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของการขายแอปเปิ้ลของสหรัฐฯ บริษัทถือหุ้นมากกว่า 50% แอปเปิ้ลมี $1 พันล้านเป็นเงินสด และเป็นบริษัท PC กำไรมากที่สุดในโลก
แอปเปิ้ลควบคุมสำคัญเฉพาะทาง ทั้งฮาร์ดแวร์ และ ซอฟต์แวร์ แล้ว - ปัจจุบัน IBM ได้มาตรฐาน บริษัทประสบการณ์รวมแนวนอน และแนวตั้งขอบเขตยิ่งกว่า PC บริษัทอื่น ๆ เว้น IBM แอปเปิ้ลทั่วออกผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ ใช้เฉพาะเศษ ดิสก์ไดรฟ์ และจอภาพ ตลอดจนรูปร่างผิดปกติสำหรับแชสซีของคอมพิวเตอร์ บริษัทพัฒนา OS เป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง ซึ่งมันรวมอยู่กับ Mac โปรแกรมของตัวเอง และอุปกรณ์ต่อ พ่วงต่าง ๆ รวมถึงเครื่องพิมพ์
นักวิเคราะห์โดยทั่วไปถือว่าผลิตภัณฑ์ของ Apple จะหลากหลายมากขึ้นกว่าเครื่อง IBM เข้าเทียบได้ IBM compatibles จำกัดช่องว่างในความง่ายในการใช้ในปี 1990 เมื่อ Microsoft ออก Windows 3.0 แต่ในหลาย ๆ หลักซอฟต์แวร์เทคโนโลยี เช่นมัลติมีเดีย แอปเปิ้ลรักษาลูกค้าเป้าหมายใหญ่ นอกจากนี้ เนื่องจาก Apple ควบคุมทุกด้านของคอมพิวเตอร์ จะสามารถให้ลูกค้าเดสก์ท็อปโซลูชันที่สมบูรณ์ รวมทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วงที่ได้รับอนุญาตให้ "เสียบ and เล่น" โดยคมชัด ผู้ใช้มักจะต่อสู้เพื่อเพิ่มฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์เข้ากันได้กับ IBM พีซี ดังนั้น นักวิเคราะห์หนึ่งไว้ "ส่วนใหญ่ของ IBM และผู้ใช้ที่เข้ากันได้ 'ทน' กับเครื่องของพวกเขา แต่ลูกค้าของ Apple 'รัก' ของแม็ค"5

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

งานทำให้พันธกิจของแอปเปิลคอมพิวเตอร์ในการนำมาใช้งานได้ง่ายเพื่อตลาด ในเดือนเมษายน 1978 บริษัทได้เปิดตัวแอปเปิล II ที่เครื่องค่อนข้างเรียบง่ายซึ่งผู้คนสามารถใช้ตรงออกจากกล่อง แอปเปิล II ที่จุดประกายการปฏิวัติการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ขับรถในอุตสาหกรรมเครื่องพีซีที่ถึง$ 1 , 000 ล้านบาทต่อปีในการขายในน้อยกว่าสามแอปเปิล 3 ปีได้อย่างรวดเร็วกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้การขายมากกว่า 100 , 000
แอปเปิล IIS ในช่วงปลายของปี 1980 . ในเดือนธันวาคม 1980 แอปเปิลเปิดตำแหน่งในการแข่งขันครั้งนี้ประสบความสำเร็จที่.
แอปเปิลเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในปี 1981 เมื่อ IBM ป้อนตลาดพีซีได้ เครื่องพีซี, IBM ,ซึ่งใช้ DOS ,ระบบปฏิบัติการของ Microsoft ( OS )และไมโครโพรเซสเซอร์(ที่เรียกอีกอย่างว่า CPU )จาก Intel ดูเหมือนจะอ่อนโยนและสีเทาตามแนวกราฟิกและระบบเสียงที่ดียิ่งขึ้นแอปเปิล IIแต่ที่ IBM เครื่องพีซีได้เป็น"เปิด"ระบบที่อื่นๆซึ่งหากผู้ประกอบการไม่สามารถการถอดแบบข้อมูล( Clone ). ในทางตรงกันข้ามแอปเปิลเน้นในการออกแบบเป็นเจ้าของเท่านั้นที่สามารถผลิตแอปเปิล IBM - compatibles proliferated รายได้ของแอปเปิลอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายตัวแต่ตลาดลดลงอย่างรวดเร็วลดลง 6.2% ใน 1982.4
ในปี 1984 แอปเปิลได้นำเสนอ Macintosh ได้ทำเครื่องหมายที่โดดเด่นในความสะดวกในการใช้งานการออกแบบอุตสาหกรรมและความสง่างามทางเทคนิค. แต่ความเร็วของโปรเซสเซอร์ทำงานช้าของ Mac และการขาดของซอฟต์แวร์เข้ากันได้จำกัด(มหาชน)การขายของ ระหว่างปี 1983 และ 1984 รายได้สุทธิของแอปเปิลลดลง 17% ออกจากบริษัทที่อยู่ใน ภาวะ วิกฤต ในเดือนเมษายน 1985 บอร์ดของแอปเปิลออกงานจากบทบาทการทำงานที่ หลายเดือนใน ภายหลัง งานทางด้านซ้ายจะพบแอปเปิลบริษัทใหม่ชื่อถัดไป การเคลื่อนไหวที่ด้านซ้ายจอห์น sculleyCEO ซึ่งแอปเปิลได้คัดเลือกจาก Bernick ' s Pepsi - ในปี 1983 คนเดียวที่ถือหางเสือ. sculley ก็คิดค่าธรรมเนียมประสบความสำเร็จของดื่มเป๊ปซี่กับโคคา - โคล่า ในตอนนี้เขาหวังว่าจะช่วยให้แอปเปิลแข่งขันกับผู้เล่นที่มีอิทธิพลในอุตสาหกรรม.
sculley ปี sculley 1985-1993
แสวงหาเพื่อทำให้แอปเปิลผู้นำในการจัดพิมพ์บนเดสก์ทอปและการศึกษา เขายังได้ย้ายไปอย่างรวดเร็วมากในการนำแอปเปิลเข้าสู่โลกของบริษัทได้การรวมกันของแอปเปิลของซอฟต์แวร์เช่น aldus (ใน ภายหลัง Adobe ) pagemaker และอุปกรณ์ต่อพ่วงเช่นเครื่องพิมพ์เลเซอร์ทำให้ความสามารถที่เหนือกว่าสำหรับเครื่องเดสก์ทอป Macintosh ได้ในการจัดพิมพ์บนเดสก์ทอป การเปิดการขายเหตุระเบิดเกิดขึ้นในแบรนด์ระดับโลกแอปเปิลที่ โดย
1990 ส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกของแอปเปิลที่มี เสถียรภาพ ประมาณ 8% ในตลาดการศึกษาซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็นครึ่งหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกาการขายของแอปเปิลบริษัทฯที่จัดขึ้นที่ใช้ร่วมกันของมากกว่า 50% แอปเปิลได้$ 1 ล้านบาทเป็นเงินสดและเป็นบริษัทพีซีทำกำไรมากที่สุดในโลกที่.
แอปเปิลควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางเลือกเดียวที่ทั้งสองในฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้มีมาตรฐานเข้ากันได้กับ IBM จากนั้น - ช่วงนี้ บริษัทที่ชำนาญการประกอบในแนวนอนและแนวตั้งมากขึ้นกว่าบริษัทพีซีอื่นใดโดยมีข้อยกเว้นของ IBMผลแอปเปิลโดยทั่วไปแล้วได้รับการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ ของตนโดยใช้ชิปจากรอยขีดข่วนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะจอมอนิเตอร์และฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และรูปร่างแปลกตาสำหรับโครงเครื่องของคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้บริษัทยังได้พัฒนาขึ้นมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการ Mac ที่มาพร้อมกับซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันของตัวเองและอุปกรณ์ต่อพ่วงจำนวนมากรวมถึงเครื่องพิมพ์.
นักวิเคราะห์โดยทั่วไปแล้วได้รับการพิจารณาให้ ผลิตภัณฑ์ ของแอปเปิลได้มากขึ้นใช้งานได้อเนกประสงค์มากกว่าเครื่อง IBM - ใช้งานร่วมกันได้เท่ากัน IBM - compatibles ช่องว่างแคบๆที่ได้อย่างง่ายดายในการใช้งานในปี 1990 เมื่อครั้ง Microsoft วางจำหน่าย Windows 3.0 แต่ในเทคโนโลยีซอฟต์แวร์หลักจำนวนมากเช่นมัลติมีเดียแอปเปิลยังคงรักษาไว้ซึ่งนำไปสู่ขนาดใหญ่ได้ นอกจากนี้จากการควบคุมแอปเปิลทุกแง่มุมของคอมพิวเตอร์ของจะจัดให้บริการลูกค้าโซลูชันบนเดสก์ทอปทั้งหมดที่รวมถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ได้รับอนุญาตให้ลูกค้าในการ"เสียบปลั๊กและเล่น"โดยความเปรียบต่างผู้ใช้มักจะดิ้นรนเพื่อเพิ่มฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ที่ต้องใช้เครื่องพีซีเข้ากันได้กับ IBM เป็นผลให้หนึ่งนักวิเคราะห์ระบุไว้"ส่วนใหญ่ของ IBM และผู้ใช้สามารถใช้งานร่วมกับ'ใส่ได้'พร้อมด้วยเครื่องของพวกเขาได้แต่ลูกค้าของแอปเปิล'ความรัก'เครื่องแมคอินทอชจะได้" 5