1.2.2 ARBITRARINESS The word arbitr

1.2.2 ARBITRARINESS The word arbitrary means that there is no logical or necessary relationship between the sounds of words and their meanings. We cannot predict what a word means from its sounds. If we hear the word"tree" we hear three sound"t" followed by"r" and"ee We know what this word means because we learned to associate a certain meaning with this combination of sounds. If we hear the word"ton na:y" in Thai we also know what it means. But if we hear the word"ki" in Japanese of"arbol" in Spanish, how do we know that each one also means"tree"? We have to learn the meaning along with the sound. There is nothing in the sounds of these words("tree," "ton ma:y," "ki" and"arbol") that tells us that each of these words refers to the same thing. A tree does not change if we call it"tree," "ton ma y," "ki" and"arbol" Only the sounds change depending on the language. The connection between the word and its meaning is arbitrary This means we must learn to associate a meaning with

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

1.2.2 ARBITRARINESS word กำหนดหมายความ ว่า มีไม่มีตรรกะ หรือความจำเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเสียงของคำและความหมาย เราไม่สามารถทำนายคำหมายถึงอะไรจากการออกเสียง ถ้าเราได้ยินคำว่า "ต้นไม้" เราได้ยินเสียงสามเสียง "t" ตาม ด้วย "r" และ "เรารู้ว่าคำนี้หมายถึงอะไร เพราะเราได้เรียนรู้การเชื่อมโยงความหมายบางอย่างในชุดของเสียงนี้ ee ถ้าเราได้ยินคำตันนา: y"ในภาษาไทย เรายังรู้ว่าความหมาย แต่ถ้าเราได้ยินคำว่า "คิ" ในภาษาญี่ปุ่นของ "arbol" ในภาษาสเปน เรารู้ว่า แต่ละคนยังหมายถึง "ต้นไม้" เราต้องเรียนรู้ความหมายพร้อมกับเสียง มีอะไรอยู่ในเสียงของคำเหล่านี้ ("ต้นไม้ ตัน ma: y "กี่" และ"arbol") ที่บอกเราว่า แต่ละคำเหล่านี้หมายถึงสิ่งเดียวกัน ต้นไม้ไม่เปลี่ยนแปลงถ้าเราเรียกว่า "ต้นไม้ ตัน ma y "กี่" และ"arbol"เสียงเปลี่ยนแปลงขึ้นกับภาษา การเชื่อมต่อระหว่างคำและความหมายนั้นโดยพลการซึ่งหมายความว่า เราต้องเรียนรู้เพื่อเชื่อมโยงความหมายกับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1.2.2 เด็ดขาดคำว่าพลหมายความว่าไม่มีความสัมพันธ์เชิงตรรกะหรือจำเป็นระหว่างเสียงของคำและความหมายของพวกเขา เราไม่สามารถคาดการณ์สิ่งที่คำหมายถึงจากเสียงของมัน ถ้าเราได้ยินคำว่า "ต​​้นไม้" ที่เราได้ยินสามเสียง "T" ตามด้วย "R" และ "EE เรารู้ว่าคำนี้หมายถึงเพราะเราเรียนรู้ที่จะเชื่อมโยงความหมายบางอย่างกับการรวมกันของเสียงนี้. ถ้าเราได้ยินคำว่า" ตัน na: Y ". ในภาษาไทยเรายังไม่ทราบว่ามันหมายถึง แต่ถ้าเราได้ยินคำว่า" กี่ "ในภาษาญี่ปุ่นของ" Arbol "ในภาษาสเปนอย่างไรเรารู้ว่าแต่ละคนยังหมายถึง" ต้นไม้ "เราต้องเรียนรู้ที่มีความหมาย . พร้อมกับเสียงไม่มีอะไรในเสียงของคำเหล่านี้ ( "ต้นไม้", "ตัน MA: Y", "กิ" และ "Arbol") เป็น. ที่บอกเราว่าแต่ละคำเหล่านี้หมายถึงสิ่งเดียวกันต้นไม้ ไม่เปลี่ยนแปลงถ้าเราเรียกว่า "ต​​้นไม้", "ตันแมสซาชูเซต Y", "กิ" และ "Arbol" เฉพาะเสียงที่มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับภาษา. การเชื่อมต่อระหว่างคำและความหมายของมันคือพลซึ่งหมายความว่าเราต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อมโยง ความหมายด้วย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1.1.3 ตามอำเภอใจคำพลหมายความว่าไม่มีตรรกะหรือความสัมพันธ์ระหว่างเสียงของคำและความหมายของพวกเขา เราไม่สามารถคาดการณ์สิ่งที่คำหมายถึง จากเสียงของ ถ้าเราได้ยินคำว่า " ต้นไม้ " ที่เราได้ยินเสียงสามเสียง " T " ตามด้วย " ร " และ " อี เรารู้ว่า คำๆ นี้หมายถึง เพราะเราเรียนรู้ที่จะเชื่อมโยงความหมายบางอย่าง ด้วยการรวมกันของเสียง ถ้าเราได้ยินคำว่า " ตันนา : Y " ในไทย เราก็รู้ว่ามันหมายถึงอะไร แต่ถ้าเราได้ยินคำว่า " คิ " ในญี่ปุ่น " arbol " ในภาษาสเปน เราจะรู้ได้อย่างไรว่า แต่ละคนก็หมายถึง " ต้นไม้ " เราได้เรียนรู้ความหมายพร้อมกับเสียง มีอะไรในเสียงของคำเหล่านี้ ( " ต้นไม้ " , " ตันมา : Y " กิ " และ " arbol " ) ที่บอกเราว่า แต่ละคำเหล่านี้หมายถึงสิ่งเดียวกัน ต้นไม้ที่ไม่ได้เปลี่ยน ถ้าเราเรียกมันว่า " ต้นไม้ " , " ตันมา Y " กิ " และ " arbol " เสียงเปลี่ยนไปตามภาษา การเชื่อมต่อระหว่างคำและความหมายของมันคือเผด็จการนี้หมายความว่า เราต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อมโยงความหมายด้วย