เครื่องซักผ้าแบ่งออกเป็นสองประเภท แต่ละประเภทมีวิธีการใช้ที่แตกต่างกัน
1.วิธีใช้เครื่องซักผ้ากึ่งอัตโนมัติ
เครื่องซักผ้ากึ่งอัตโนมัตินั้นฝาเปิดจะอยู่ทางด้านบนของเครื่อง ตัวเครื่องประกอบไปด้วยถังตั้งสองถังแยกออกจากกัน ถังแรกมีไว้สำหรับการซักผ้า ส่วนถังที่สองมีไว้สำหรับการปั่นแห้ง ข้อดีของเครื่องซักผ้ากึ่งอัตโนมัติ คือราคาที่ถูกกว่าและประหยัดน้ำได้มากกว่า ส่วนข้อเสียของมันคือผู้ใช้จะต้องคอยดูแลขั้นตอนในการซัก เช่นเมื่อผ้าซักเสร็จ ผู้ใช้จะต้องย้ายผ้าที่ซักเสร็จแล้วจากถังซักไปยังถังปั่นแห้ง
ขั้นตอนการใช้เครื่องซักผ้ากึ่งอัตโนมัติ: คำแนะนำง่ายๆในแต่ละขั้นตอน
ส่วนใหญ่แล้ว เครื่องซักผ้ากึ่งอัตโนมัติจะมีโปรแกรมติดตั้งด้วยกัน 3-4โปรแกรม
โปรแกรมแรก คือโปรแกรมการซักซึ่งจะมีให้เลือกประเภทของการซัก เช่น การซักแบบปั่นปกติ หรือการซักแบบปั่นผ้าหนา หากคุณซักผ้าที่ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์ หรือกึ่งใยสังเคราะห์ คุณสามารถซักแบบปั่นปกติ แต่หากคุณซักผ้าที่มีเนื้อหนา เช่น ผ้าปูที่นอนหรือกางเกงยีนส์ คุณควรเลือกการซักแบบปั่นผ้าหนา
โปรแกรมที่สอง คือโปรแกรมการซัก และการระบายน้ำ คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าโปรแกรมได้ตั้งค่าอยู่ที่การซัก
ด้านในของถังซักจะมีขีดวัดระดับปริมาณการบรรจุเสื้อผ้าจากน้อยไปมาก
เปิดน้ำเข้าไปในถังจนถึงปริมาณที่เพียงพอกับเสื้อผ้าที่บรรจุ
คุณควรตรวจสอบคำแนะนำการใส่ผลิตภัณฑ์ซักฟอกจากฉลากบรรจุภัณฑ์สำหรับปริมาณที่เหมาะสม
ใส่ผ้าลงในถังซัก
โปรแกรมที่สาม คือการตั้งเวลาในการซัก โดยทั่วไปแล้วการตั้งเวลาจะอยู่ที่ประมาณ 15 นาทีสำหรับการซักเสื้อผ้าที่มีปริมาณไม่มากนัก
เมื่อผ้าซักเสร็จแล้ว ให้ย้ายผ้าจากถังซักไปยังถังปั่นแห้งแล้วจึงกดปุ่มปั่นแห้ง
จากนั้น ให้ระบายน้ำออกจากถังซักโดยกดปุ่ม drain (ระบายน้ำ)
เมื่อการปั่นผ้าเสร็จสิ้นลง ให้นำผ้ามาตากให้แห้งได้เลย!
2.วิธีการใช้เครื่องซักผ้าอัตโนมัติ
วิธีการใช้เครื่องซักผ้าอัตโนมัตินั้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัดในการซักผ้า เพียงใส่เสื้อผ้าปริมาณที่เหมาะสมกับการตั้งโปรแกรมการซัก เครื่องซักผ้าอัตโนมัตินั้นแบ่งออกเป็นสองประเภท คือประเภทฝาบนและฝาหน้า ประเภทฝาบนแบบถังเดียว จะมีแกนหมุนตรงกลาง เครื่องจะทำการซักและปั่นในถังเดียว ส่วนประเภทฝาหน้าจะมีระบบการซักที่คล้ายกันมาก แต่มีฟังก์ชั่นการทำงานที่มากกว่า
ขั้นตอนการใช้เครื่องซักผ้า: คำแนะนำง่ายๆในแต่ละขั้นตอน
สิ่งแรกที่คุณควรทำ คือการอ่านคำแนะนำการซักผ้าบนเสื้อผ้าที่จะนำมาซัก เพราะผ้าต่างชนิดกันจะมีวิธีการซักที่แตกต่างกันออกไป
เลือกอุณหภูมิสำหรับการซัก หากเป็นผ้าขาวหรือผ้าสีอ่อน อุณหภูมิควรอยู่ที่ประมาณ 60 ถึง 90 องศาเซลเซียสเพื่อการซักที่สะอาดยิ่งขึ้น แต่ควรระวังการหดตัวของผ้า ดังนั้น คุณควรอ่านคำแนะนำบนป้ายบอกวิธีการซักที่ติดไว้ที่เสื้อผ้าให้ดีเสียก่อน ส่วนผ้าสีเข้มควรซักด้วยอุณหภูมิประมาณ 30 ถึง 40 องศาเซลเซียสเพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าสีซีดลง
จากนั้นเลือกโปรแกรมการซักตามชนิดของผ้า
คุณควรตรวจสอบคำแนะนำการใส่ผลิตภัณฑ์ซักฟอกจากฉลากบรรจุภัณฑ์สำหรับปริมาณที่เหมาะสม
เครื่องซักผ้าอัตโนมัติบางประเภทจะมีโปรแกรมปั่นในขณะซัก ในกรณีนี้คุณสามารถเลือกระดับการปั่นได้ตามความทนทานของเสื้อผ้าของคุณ
กดปุ่ม Start
จากนั้นปล่อยให้เป็นกระบวนการทำงานของเครื่องซักผ้า
เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว นำผ้าออกมาตากให้แห้ง เพียงเท่านี้ เสื้อผ้ากองโตก็จะถูกจัดการให้หายวับไปในพริบตา!