The plasma membrane permeability of

The plasma membrane permeability of the soybean root system
was determined using the Conductivity Meter of Hanna EC215
(Hanna, Portugal, Italy). The untreated roots were washed with
distilled water 2e3 times, placed in a plastic cuvette with 10 mL of
distilledwater, and shaken for 2 h under 20e30 C in order to release
electrolytes formeasuring the first conductance. Then, the rootswere
boiled for 5 min until the plasma membrane was destroyed
completely to measure the second conductance. The value of plasma
membrane permeability was the ratio of the first and second
conductance.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Permeability พลาสมาเมมเบรนของระบบรากถั่วเหลืองกำหนดใช้นำมิเตอร์ของ Hanna EC215(Hanna โปรตุเกส อิตาลี) รากไม่ถูกรักษาถูกล้างด้วยกลั่นน้ำ 2e3 เวลา วางลงใน cuvette พลาสติกกับ 10 mL ของdistilledwater และเขย่าเพื่อนำออกใช้สำหรับ h 2 ภายใต้ 20e30 Cไลต์ formeasuring ต้านทานแรก แล้ว rootswereต้ม 5 นาทีจนกระทั่งถูกทำลายเยื่อพลาสมาทั้งหมดเพื่อวัดตัวต้านทานที่สอง ค่าของพลาสม่าpermeability ของเมมเบรนถูกอัตราส่วนครั้งแรกและสองต้านทาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การซึมผ่านเยื่อหุ้มของระบบรากถั่วเหลือง
ถูกกำหนดโดยใช้การนำไฟฟ้าเมตรของฮันนา EC215
(ฮันนา, โปรตุเกส, อิตาลี) ได้รับการรักษารากถูกล้างด้วย
น้ำกลั่นครั้ง 2E3 ที่วางไว้ใน cuvette พลาสติกที่มี 10 มลของ
distilledwater และเขย่าเป็นเวลา 2 ชั่วโมงภายใต้ 20e30 องศาเซลเซียสเพื่อที่จะปล่อย
อิเล็กโทร formeasuring สื่อกระแสไฟฟ้าเป็นครั้งแรก จากนั้น rootswere
ต้มเป็นเวลา 5 นาทีจนเยื่อหุ้มที่ถูกทำลาย
อย่างสมบูรณ์ในการวัดความนำไฟฟ้าที่สอง ค่าของพลาสม่า
ซึมผ่านเยื่อหุ้มเซลล์เป็นอัตราส่วนของครั้งแรกและครั้งที่สอง
เป็นสื่อกระแสไฟฟ้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พลาสมา เมมเบรน การซึมผ่านของระบบรากถั่วเหลือง
ถูกกำหนดโดยใช้เครื่องวัด conductivity ของฮันนา ec215
( ฮันนา , โปรตุเกส , อิตาลี ) รากและล้างด้วยน้ำกลั่น (
2e3 ครั้ง อยู่ในคิวเวตต์พลาสติก 10 มล.
น้ำกลั่นและเขย่าเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ภายใต้ 20e30  C เพื่อที่จะปล่อย
ไลท์ formeasuring ในรูปแรก แล้ว rootswere
ต้มประมาณ 5 นาทีจนเยื่อหุ้มเซลล์ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์เพื่อวัดความนำไฟฟ้า
2 ค่าการซึมผ่านเมมเบรนพลาสม่า
คืออัตราส่วนของแรกและรูปที่สอง