หยางฉิน
เป็นเครื่องดนตรีจีนชนิดเดียวที่มีระบบเสียงที่เป็นสากล รูปร่างสี่เหลี่ยมคางหมู ใช้ไม้ตีที่ทำจากไม้ไผ่ ตีลงบนสายให้เกิดเสียง น้ำเสียงใสกังวาน ไพเราะรื่นหูดุจสายฝนโปรยปราย หลังจาก หยางฉินได้เผยแพร่เข้ามาสู่แผ่นดินจีนแล้ว ได้มีการพัฒนารูปแบบและวิธีการบรรเลงเรื่อยมา ได้พัฒนารูปแบบของขิมเดิมให้มีขนาดใหญ่ขึ้น มีเสียงสลับซับซ้อน ช่วงเสียงกว้างมากขึ้น สามารถบรรเลงเสียงประสานและบรรเลงกรวด บรรเลงครึ่งเสียง นักดนตรีจีนเริ่มนำมาใช้บรรเลงเดี่ยว ซึ่งก็สามารถบรรเลงให้น้ำเสียงที่ไพเราะและอารมณ์ที่หลากหลายไม่แพ้เครื่องดนตรีจีนชนิดอื่น จนได้รับความนิยมไปทั่ว
การตั้งเสียง
หยางฉินที่นิยมใช้มี 3 แบบ ได้แก่ หยางฉินแปดเสียง หรือขิมแปดคู่ (มีช่วงเสียง 24 เสียง คือ ฟา1 -โด2) หยางฉินสิบเสียง หรือขิมสิบคู่ (มีช่วงเสียง 30 เสียงคือโด1 -โด3) หยางฉินสิบสองเสียง หรือ ขิมสิบสองคู่ (มีช่วงเสียง 36 เสียงคือ โด - มี 3 )
วิธีการบรรเลงหยางฉิน คือ มือสองข้างถือไม้ตี ตีลงบนสายแต่ละสายให้ได้เสียงสูงต่ำ คือการตีเสียงเดี่ยว ยังมีการตีรัวไม้เพื่อให้ได้เสียงยาว หยางฉินสามารถบรรเลงเสียงได้หลากหลาย กลายเป็นเอกลักษณ์ของหยางฉินในปัจจุบัน สามารถแบ่งเป็นวิธีหลัก ๆ ได้ 7 ประเภท คือ เสียงคู่ เสียงรัว ดีดรัว แยกเสียงประสาน ทำนองประสาน และแพรวพราว