Because it is not always feasible t

Because it is not always feasible to address a large number of beliefs in an intervention, it is important to determine which beliefs may be most important and are
likely to have the greatest impact on intention, if targeted. It was clear, and logical,
that the normative belief about one’s partner had far more impact than any other source
of influence on intention to use condoms with steady partners. Selecting the most
important behavioral and efficacy beliefs was not as simple, since multiple beliefs had
similarly high correlations with behavioral intention. After identifying beliefs significantly associated with intention, Fishbein and Cappella (2006) recommend using additional criteria suggested by Hornik and Woolf (1999) to select beliefs for intervention
targets. There should be enough people who do not already hold the belief to make intervention worthwhile, and it should be possible to change the belief through persua-
sive arguments.
To further evaluate beliefs based on the first of these criteria, the “behavioral beliefs” section of Table 4.3 includes percentages of intenders and non-intenders who
“strongly disagree” with each behavioral belief (these are all negative outcomes). The
“normative beliefs” and “efficacy beliefs” sections of the table include percentages
of intenders and non-intenders who “strongly agree” with each normative and efficacy belief. Less than 40 percent of non-intenders strongly disagreed with four behavioral beliefs:
show you think your partner is unclean
;
make partner think you don’t
love him/her
;
show partner you don’t trust him/her
; and
make partner think you are
having other partners.
These relatively low percentages, compared to intenders, make
these beliefs potentially important for intervention targets because of the large potential to increase percentages among non-intenders. Substantially higher percent disagreement by non-intenders, along with relatively small differences with intenders,
indicated that beliefs about embarrassment and lack of sexual release are probably
not useful targets for change. Similarly, five efficacy beliefs were endorsed by less
than 30 percent of non-intenders:
perception of ability to use condoms when carried
away
;
respondent had been drinking
;
partner had been drinking
;
using another method
of birth control
; and
partner doesn’t want to.
As with behavioral beliefs, there is con-
siderable room to change non-intender beliefs to be like intender beliefs on these five
efficacy issues. With respect to perceived norm, the greatest room for change is the
normative belief about one’s steady partner, with only 24 percent of non-intenders
believing that the steady partner wants to use condoms.
After identifying potential target beliefs, the next step is to consider whether each
of these beliefs can be changed through persuasive communications. The normative
belief about steady partners may be the most difficult to change through persuasive
arguments, unless the intervention also involves or targets the steady partner. The four
behavioral beliefs identified earlier appear to be reasonable targets for change through
persuasive arguments. For example, an argument may recommend that a person talk
to the steady partner about using condoms until they are both tested, and that this will
show enough love for the partner enough to protect him or her. This will help to counter
beliefs about showing you don’t love or trust the partner, thinking the partner is unclean,and making the partner think you are having other partners.
The five efficacy beliefs also seem reasonable to target through persuasive arguments that would provide strategies for a person to use to enhance the ability to use condoms in spite of drinking, being carried away, using another birth control method,and the partner being against using condoms

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เนื่องจากไม่เสมอที่อยู่ของความเชื่อในการแทรกแซง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะกำหนดความเชื่อซึ่งอาจจะสำคัญที่สุด และมีแนวโน้มที่จะมีผลกระทบมากที่สุดบนความตั้งใจ ถ้าเป้าหมาย ชัดเจน และ ตรรกะว่า ความเชื่อเกี่ยวกับคู่ของ normative มีผลกระทบมากกว่าไกลกว่าแหล่งอื่นมีอิทธิพลกับความตั้งใจใช้ถุงยางอนามัยกับคู่ค้ามั่นคง เลือกมากสุดความเชื่อพฤติกรรมและประสิทธิภาพที่สำคัญไม่เป็นง่าย เนื่องจากมีความเชื่อหลายในทำนองเดียวกันสูงสัมพันธ์กับพฤติกรรมความตั้งใจ หลังจากระบุความเชื่อที่เกี่ยวข้องอย่างมากกับความตั้งใจ Fishbein และ Cappella (2006) แนะนำโดยใช้เงื่อนไขเพิ่มเติมแนะนำ โดย Hornik และวูลฟ์ (1999) เพื่อเลือกความเชื่อสำหรับการแทรกแซงเป้าหมาย ควรมีคนพอได้แล้วถือความเชื่อจะทำให้การแทรกแซงมีความคุ้มค่า และควรจะสามารถเปลี่ยนความเชื่อผ่าน persua-อาร์กิวเมนต์ siveเพื่อประเมินความเชื่อตามเกณฑ์เหล่านี้มาเพิ่มเติม ส่วน "พฤติกรรมความเชื่อ" ของตาราง 4.3 ประกอบด้วย intenders และ intenders ไม่ใช่คน"ขอไม่เห็นด้วย" กับความเชื่อแต่ละพฤติกรรม (เหล่านี้เป็นผลลบทั้งหมด) ที่"normative ความเชื่อ" และ "ความเชื่อประสิทธิภาพ" ส่วนของตารางรวมเปอร์เซ็นต์intenders และไม่ใช่-intenders ที่ "ขอยอมรับ" แต่ละ normative และเชื่อว่าประสิทธิภาพการ น้อยกว่าร้อยละ 40 ของ intenders ไม่ขอ disagreed ด้วยความเชื่อพฤติกรรมสี่:แสดงว่าคุณคิดว่า คู่ของคุณเป็นอโยธยา;ทำให้คู่ที่คิดว่า คุณไม่รักทราบถึงรายละเอียด;แสดงคู่คุณไม่ไว้วางใจทราบถึงรายละเอียด; และทำให้คิดว่า คุณเป็นหุ้นส่วนมีคู่ค้าอื่น ๆทำให้เปอร์เซ็นต์เหล่านี้ค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับ intendersความเชื่อเหล่านี้อาจสำคัญสำหรับเป้าหมายการการแทรกแซงเพราะโอกาสขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มเปอร์เซ็นต์นี่ไม่ intenders กันเป็นเปอร์เซ็นต์สูงมาก โดยไม่ใช่-intenders กับความแตกต่างค่อนข้างเล็กกับ intendersระบุว่า ความเชื่อเกี่ยวกับความลำบากใจและขาดปล่อยทางเพศอาจเป้าหมายที่ไม่มีประโยชน์สำหรับการเปลี่ยนแปลง ในทำนองเดียวกัน ความเชื่อประสิทธิภาพห้าได้รับรอง โดยน้อยกว่าร้อยละ 30 ไม่มี intenders:รับรู้ความสามารถในการใช้ถุงยางอนามัยเมื่อเก็บ;มีการดื่มผู้ตอบ;หุ้นส่วนมีการดื่ม;ใช้วิธีอื่นของการคุมกำเนิด; และบริษัทไม่ต้องการด้วยความเชื่อพฤติกรรม มีแอร์-ห้อง siderable การเปลี่ยนแปลงความเชื่อไม่ใช่ intender จะต้อง intender ความเชื่อบนห้าเหล่านี้ประสิทธิภาพปัญหา เกี่ยวกับการรับรู้ปกติ มีห้องพักมากที่สุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงnormative ความเชื่อเกี่ยวกับของมั่นคงคู่ มีเพียงร้อยละ 24 ของ intenders ไม่ใช่เชื่อว่า คู่ค้ามั่นคงต้องใช้ถุงยางอนามัยหลังจากระบุความเชื่อเป้าหมายศักยภาพ ขั้นตอนถัดไปคือการ พิจารณาว่าแต่ละความเชื่อเหล่านี้สามารถสามารถเปลี่ยนแปลงผ่านสื่อสาร persuasive แบบ normativeความเชื่อเกี่ยวกับคู่ค้ามั่นคงอาจจะยากที่สุดเมื่อผ่าน persuasiveอาร์กิวเมนต์ เว้นแต่แทรกแซงเกี่ยวข้อง หรือเป้าหมายคู่ค้ามั่นคงยัง สี่ความเชื่อพฤติกรรมที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้จะ เป็นเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนผ่านอาร์กิวเมนต์ persuasive ตัวอย่าง อาร์กิวเมนต์อาจแนะนำผู้พูดให้กับคู่ค้ามั่นคงเกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัยจน ทั้งทดสอบ และที่นี้จะแสดงพอรักสำหรับคู่พอที่จะปกป้องเขาหรือเธอ นี้จะช่วยในการนับความเชื่อเกี่ยวกับการแสดงคุณไม่รัก หรือเชื่อถือคู่ คิดคู่ค้าคืออโยธยา และทำให้คู่ที่คิดว่า คุณมีคู่อื่น ๆความเชื่อประสิทธิภาพห้ายังดูเหมาะสมกับเป้าหมายผ่านอาร์กิวเมนต์ persuasive ที่จะให้กลยุทธ์สำหรับผู้ใช้เพื่อเพิ่มความสามารถในการใช้ถุงยางอนามัยแม้การดื่ม การทำ การใช้วิธีคุมกำเนิดอื่น และพันธมิตรต่อต้านการใช้ถุงยางอนามัย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เพราะมันไม่ได้เป็นมักจะเป็นไปได้ที่จะอยู่เป็นจำนวนมากของความเชื่อในการแทรกแซง , มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะตรวจสอบ ซึ่งความเชื่ออาจจะสำคัญที่สุดและ
จะมีผลกระทบมากที่สุดคือ ถ้าเป้าหมาย มันชัดเจนและตรรกะที่อ้างอิงความเชื่อ
1 คู่ได้ผลกระทบมากกว่า
แหล่งอื่น ๆอิทธิพลต่อความตั้งใจที่จะใช้ถุงยางอนามัยกับคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง เลือกมากที่สุดที่สำคัญพฤติกรรมประสิทธิภาพและความเชื่อ
ได้ง่าย เนื่องจากมีความเชื่อหลาย
ความสัมพันธ์สูงในทํานองเดียวกันกับความตั้งใจ . หลังจากที่การระบุความเชื่อความสัมพันธ์กับความตั้งใจและรักษาพยาบาลปากเปล่า ( 2006 ) แนะนำให้ใช้เกณฑ์เพิ่มเติมแนะนำโดย hornik วูล์ฟ ( 1999 ) และเลือกความเชื่อสำหรับเป้าหมายการแทรกแซง

น่าจะมีเพียงพอ ผู้ที่ไม่ได้ถือความเชื่อที่จะทำให้การแทรกแซงที่คุ้มค่า , และมันก็เป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนความเชื่อผ่าน persua -
อาร์กิวเมนต์ Sive .
เพิ่มเติม ประเมินความเชื่อบนพื้นฐานของเกณฑ์เหล่านี้" ส่วนความเชื่อ " พฤติกรรมของตารางที่ 4.3 รวมถึงเปอร์เซ็นต์ของ intenders และไม่ intenders ใคร
" เห็นด้วย " กับแต่ละพฤติกรรม ความเชื่อเหล่านี้จะมีผลเชิงลบทั้งหมด )
" ความเชื่อ " และ " ประสิทธิภาพเชิงบรรทัดฐานความเชื่อ " ส่วนของตารางรวม ร้อยละ
ของ intenders และไม่ intenders ที่ " เห็นด้วย " กับแต่ละมาตรฐานประสิทธิภาพและความเชื่อน้อยกว่าร้อยละ 40 ของไม่ intenders ขอไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมความเชื่อ :
4 แสดงคุณคิดว่าคู่ของคุณจะเป็นมลทิน
;
ทำให้หุ้นส่วนไม่คิดว่าคุณรักเขา / เธอ

;
แสดงคู่คุณไม่ไว้ใจเขา / เธอ

ทำให้หุ้นส่วน และคิดว่าคุณมีคู่ค้าอื่น ๆ
.
ค่า เหล่านี้ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับ intenders ให้
ความเชื่อเหล่านี้อาจสำคัญสำหรับเป้าหมายการแทรกแซงเพราะศักยภาพขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มค่าของไม่ intenders . สูงขึ้นอย่างมากและความขัดแย้งโดยไม่ intenders พร้อมกับความแตกต่างที่ค่อนข้างเล็ก intenders
, พบว่า ความเชื่อเกี่ยวกับ อับอายและการปลดปล่อยทางเพศ อาจไม่ใช่เป้าหมาย
มีประโยชน์สำหรับการเปลี่ยนแปลง ในทํานองเดียวกัน5 ) ความเชื่อคือการรับรองโดยน้อยกว่าร้อยละ 30 ของการไม่ intenders
:
การรับรู้ความสามารถในการใช้ถุงยางอนามัย เมื่อนำไป

;
เลยมาดื่ม
;
พันธมิตรได้รับการดื่ม
;

ใช้วิธีการอื่นของการควบคุมการเกิดและ

; พันธมิตรไม่ต้องการ
กับความเชื่อ พฤติกรรม มีคอน -
siderable ในห้องเปลี่ยนไม่ intender ความเชื่อเป็นเหมือน intender ความเชื่อเหล่านี้ห้า
ปัญหาของความมีประสิทธิภาพ ด้วยความเคารพกับการรับรู้เสียงห้องที่เปลี่ยนเป็นบรรทัดฐานความเชื่ออันมั่นคงของ
1 คู่ มีเพียงร้อยละ 24 ของการไม่ intenders
เชื่อว่าพันธมิตรคงอยากใช้ถุงยางอนามัย
หลังจากที่การระบุศักยภาพเป้าหมายความเชื่อ , ขั้นตอนต่อไปคือการพิจารณาว่า แต่ละ
ความเชื่อเหล่านี้สามารถเปลี่ยนผ่านการสื่อสาร ประทับ ที่อ้างอิง
ความเชื่อเกี่ยวกับคู่ค้ามั่นคงอาจจะยากที่สุดในการเปลี่ยนผ่านการประทับ
นอกจากการแทรกแซงยัง เกี่ยวข้องกับ หรือเป้าหมายคู่ค้ามั่นคง 4
พฤติกรรมความเชื่อระบุก่อนหน้านี้ปรากฏจะเหมาะสมเป้าหมายสำหรับการเปลี่ยนผ่าน
อาร์กิวเมนต์ที่ประทับ ตัวอย่างเช่นอาร์กิวเมนต์อาจแนะนำว่าคนที่พูด