This commercial expansion and prosp

This commercial expansion and prosperity was sustained in part by the booming slave trade. While slavery was illegal within Britain itself, by the 18th century it was a fully established overseas industry, dominated by Britain and the American colonies.
Slaves came primarily from West Africa. Traveling on Britain ships in horrible conditions, they were taken to America and the Caribbean, where they were made to work on tobacco and sugar plantation. The living and working conditions for slaves were very bad. Many slaves tried to escape and other revolted against their owners in protest at their terrible treatment.
There were, however, people in Britain who opposed the slave trade. The first formal anti-slavery groups were set up to by the Quakers in the late 1700s, and they petitioned Parliament to ban the practice. William Wilberforce, an evangelical Christian and a member of Parliament, also played an important part in changing the law. Along with other abolitionists (people who supported the abolition of slavery), he succeeded in turning public opinion against the slave trade. In 1807, it became illegal to trade slaves in British ships or from British ports, and in 1833 the Emancipation Act abolished slavery throughout the British Empire. The Royal Navy stopped slave ships from other countries, freed the slaves and punished the slave traders. After 1833, 2 million Indian and Chinese workers were employed to replace the freed slaves. They worked on sugar plantations in the Caribbean, in mines in South Africa, on railways in East Africa and in the army in Kenya.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นี้ขยายการค้าและความเจริญรุ่งเรืองที่ยั่งยืนบางส่วน โดยการค้าทาสเฟื่องฟู ในขณะที่ทาสเป็นสิ่งผิดกฎหมายในสหราชอาณาจักรเอง โดยศตวรรษ 18 ได้ที่สมบูรณ์ต่างประเทศอุตสาหกรรม ครอบงำ โดยสหราชอาณาจักรและอาณานิคมอเมริกันทาสมาจากแอฟริกาตะวันตก เดินทางบนเรือสหราชอาณาจักรในสภาพน่ากลัว พวกเขาถูกนำตัวไปอเมริกาและแคริบเบียน ซึ่งพวกเขาทำงานในไร่ยาสูบและน้ำตาล ชีวิตและสภาพการทำงานสำหรับทาสถูกดี ทาสมากพยายามหนี และอื่น ๆ revolted กับเจ้าในการประท้วงที่รักษาน่ากลัวของพวกเขามีคน อย่างไรก็ตาม ในสหราชอาณาจักรที่ข้ามการค้าทาส กลุ่มต่อต้านทาสทางแรกถูกตั้งค่าให้ โดย Quakers ที่ใน 1700s ปลาย และพวกเขาอัคบายานรัฐสภาบ้านแบบฝึกหัด William Wilberforce คริสเตียนที่ evangelical และเป็นสมาชิก รัฐสภา ยังเล่นเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย กับอื่น ๆ abolitionists (คนที่สนับสนุนการเลิกทาส), เขาประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนความคิดเห็นของประชาชนต่อต้านการค้าทาส ใน 1807 กลายเป็นผิดกฎหมายการค้าทาสในอังกฤษ หรือ จากอังกฤษพอร์ต และใน 1833 พระราชบัญญัติเลิกทาสทั่วจักรวรรดิอังกฤษที่ยกเลิก กองทัพเรือหยุดเรือทาสจากประเทศอื่น ๆ รอดทาส และลงโทษผู้ค้าทาส หลังจาก 1833 อินเดียและจีน 2 ล้านคนถูกจ้างทาสอิสระแทน พวกเขาทำงานในสวนน้ำตาลในคาริเบียน ในเหมืองที่แอฟริกาใต้ บนรถไฟ ในแอฟริกาตะวันออก และกองทัพในประเทศเคนยา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นี้การขยายตัวของการค้าและความเจริญรุ่งเรืองได้รับการสนับสนุนในส่วนของการค้าทาสที่เฟื่องฟู ในขณะที่ความเป็นทาสเป็นเรื่องผิดกฎหมายที่อยู่ในสหราชอาณาจักรของตัวเองโดยศตวรรษที่ 18 มันเป็นอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้นอย่างเต็มที่ในต่างประเทศที่โดดเด่นด้วยสหราชอาณาจักรและอาณานิคมอเมริกัน.
ทาสมาส่วนใหญ่มาจากแอฟริกาตะวันตก การเดินทางบนเรือของสหราชอาณาจักรในสภาพที่น่ากลัวพวกเขาถูกนำตัวไปที่อเมริกาและแคริบเบียนที่พวกเขาได้ทำในการทำงานกับยาสูบและสวนตาล สภาพความเป็นอยู่และการทำงานเป็นทาสที่เลวร้ายมาก ทาสหลายคนพยายามที่จะหลบหนีและอื่น ๆ เห็นด้วยกับเจ้าของของพวกเขาในการประท้วงที่การรักษาที่น่ากลัวของพวกเขา.
มี แต่คนในสหราชอาณาจักรที่ต่อต้านการค้าทาส เป็นครั้งแรกที่กลุ่มต่อต้านระบบทาสอย่างเป็นทางการถูกตั้งขึ้นโดยเควกเกอร์ในช่วงปลายยุค 1700 และพวกเขากระทรวงมหาดไทยรัฐสภาที่จะห้ามการปฏิบัติ วิลเลียมฟอร์ซของพระเยซูคริสต์และเป็นสมาชิกของรัฐสภายังเล่นเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย พร้อมกับที่พักพิงอื่น ๆ (คนที่ได้รับการสนับสนุนการเลิกทาส) เขาประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนความคิดเห็นของประชาชนกับการค้าทาส ใน 1807 มันก็กลายเป็นผิดกฎหมายการค้าทาสในเรืออังกฤษหรือจากพอร์ตของอังกฤษและใน 1833 ยกเลิกพระราชบัญญัติการปลดปล่อยทาสทั่วจักรวรรดิอังกฤษ กองทัพเรือหยุดเรือทาสจากประเทศอื่น ๆ ปลดปล่อยทาสและถูกลงโทษพ่อค้าทาส หลังจากที่ 1833, 2 ล้านคนงานอินเดียและจีนที่ถูกจ้างมาเพื่อแทนที่ปลดปล่อยทาส พวกเขาทำงานในสวนตาลในทะเลแคริบเบียนในเหมืองในแอฟริกาใต้บนรถไฟในแอฟริกาตะวันออกและในกองทัพในประเทศเคนยา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นี้การขยายตัวทางการค้าและความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างยั่งยืนในส่วนของการค้าทาสเฟื่องฟู ในขณะที่มันเป็นเรื่องผิดกฎหมายในอังกฤษเอง โดยศตวรรษที่ 18 มันอย่างเต็มที่ในต่างประเทศอุตสาหกรรม dominated โดยสหราชอาณาจักรและอาณานิคมอเมริกัน
ทาสมาหลักจากแอฟริกาตะวันตก การเดินทางบนเรืออังกฤษในเงื่อนไขที่น่ากลัว พวกเขาถูกจับไปที่อเมริกาและแคริบเบียนที่พวกเขาถูกบังคับให้ทำงานในไร่ยาสูบ และน้ำตาล . ชีวิตและการทำงานสำหรับทาสเป็นคนเลวมาก ทาสหลายคนพยายามหนีและขยะแขยงกับเจ้าของของพวกเขาในการประท้วงการรักษาที่น่ากลัวของพวกเขา .
มี แต่ คน ในอังกฤษ ที่ต่อต้านการค้าทาส อย่างเป็นทางการครั้งแรกต่อต้านทาสกลุ่มจัดตั้งโดยอังกฤษใน 1700s ล่าช้าและพวกเขา petitioned รัฐสภาห้ามซ้อม วิลเลียม วิลเบอร์ฟอร์ซ เป็นคริสเตียนศาสนาและสมาชิกของรัฐสภา ยังเล่นเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย พร้อมกับที่พักพิงอื่น ๆ ( คนที่สนับสนุนการเลิกทาส ) เขาประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนความคิดเห็นของประชาชนต่อต้านการค้าทาส 1741 ใน ,มันเป็นสิ่งผิดกฎหมายเพื่อการค้าทาสในเรืออังกฤษ หรือจากท่าเรืออังกฤษ และในพระราชบัญญัติ 1833 ปลดปล่อยประกาศเลิกทาสทั่วจักรวรรดิอังกฤษ กองทัพเรือหยุดเรือทาสจากประเทศอื่น ๆ การปลดปล่อยทาส และลงโทษพวกค้าทาส . หลังจากทุกอย่าง 2 ล้านคนอินเดียและจีนที่ถูกจ้างมาเพื่อแทนที่การปลดปล่อยทาสพวกเขาทำงานบนสวนตาลในทะเลแคริบเบียน ในเหมืองในแอฟริกาใต้ , บนรถไฟในแอฟริกาตะวันออกและในกองทัพในเคนยา