We define app engagement on Faceboo

We define app engagement on Facebook as adding apps shared by friends, playing game apps with friends, and suggesting apps to friends. Even though some Facebook apps are only for personal use, our definition emphasizes app engagement with friends. As with tagging, most of the research on apps has primarily emphasized the negative privacy implications instead of the social benefits of app usage. We could not find any studies that focused on the social benefits of using apps. However, we found a number of studies that focused on app privacy issues. For instance,King, Lampinen, and Smolen (2011) revealed that most users do not understand how apps work, what information they can access, or how they are authored and reviewed. Besmer and Lipford (2010b) found that this resulted in Facebook app users revealing more personal information than they desired to applications. Wang and her coauthors (Wang, Xu, & Grossklags, 2011; Wang, Grossklags, & Xu, 2013) have studied different privacy authorization dialog
designs in order to understand users’ privacy behaviors and perceptions when choosing to install Facebook apps.
One common theme across these studies is that they all focus on an individual’s understanding of apps and his personal privacy decisions regarding app usage. These researchers do not focus on the often unintentional confidant disclosures made by friends who use apps. Additionally, they do not explore whether SNS users have a clear understanding of how their friends can share their personal information with third-party apps. We expand upon the current
research in two ways: First, we study some of the potentially positive outcomes of app engagement on overall Facebook use; and second, we focus on the privacy implications associated with app engagement with friends.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เรากำหนดหมั้น app บน Facebook เพิ่มปพลิเคชันที่ใช้ร่วมกัน โดยเพื่อน เล่น apps เกมกับเพื่อน และแนะนำ apps ให้เพื่อน แม้ว่าบาง apps Facebook เป็นงานส่วนบุคคล คำจำกัดความของเราเน้น app หมั้นกับเพื่อน เช่นเดียวกับการติดป้าย วิจัยในปพลิเคชันส่วนใหญ่มีหลักเน้นย้ำผลลบข้อมูลส่วนบุคคลแทนที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมของการใช้ app เราไม่พบการศึกษาใด ๆ ที่เน้นประโยชน์ทางสังคมของการใช้ apps อย่างไรก็ตาม เราพบจำนวนการศึกษาที่เน้นในเรื่องความเป็นส่วนตัว app ตัวอย่าง พระ Lampinen และ Smolen (2011) เปิดเผยว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่เข้าใจวิธีการทำงานของแอพพลิเค พวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูล หรือว่าพวกเขาจะเขียน และตรวจทาน Besmer และ Lipford (2010b) พบว่า ทำให้ผู้ใช้ app Facebook เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมากขึ้นกว่าที่พวกเขาต้องการใช้งาน วังและเธอ coauthors (วัง สี และ Grossklags, 2011 วัง Grossklags, & Xu, 2013) ได้ศึกษาการโต้ตอบการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลที่แตกต่างกันออกแบบความเข้าใจผู้ใช้ลักษณะความเป็นส่วนตัวและรับรู้เมื่อต้องการติดตั้ง Facebook apps ชุดรูปแบบทั่วไปหนึ่งในการศึกษานี้คือ ว่า พวกเขาทั้งหมดเน้นความเข้าใจของแต่ละบุคคลของปพลิเคชันและตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้งาน app ส่วนบุคคลความเป็นส่วนตัวของเขา นักวิจัยเหล่านี้ไม่เน้นเปิดเผย confidant มักจะตั้งใจทำ โดยเพื่อนที่ใช้ปพลิเคชัน นอกจากนี้ พวกเขาไม่สำรวจว่าผู้ใช้ SNS มีการทำความเข้าใจว่าเพื่อนของพวกเขาสามารถใช้ข้อมูลส่วนบุคคลกับปพลิเคชันของบุคคลที่สาม เราขยายตามปัจจุบันวิจัยในสองวิธี: ครั้งแรก เราเรียนของผลบวกอาจของหมั้น app บนใช้ Facebook โดยรวม และสอง เรามุ่งเน้นผลกระทบความเป็นส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับ app หมั้นกับเพื่อน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เรากำหนดหมั้น app บน Facebook เป็นเพิ่มปพลิเคชันที่ใช้ร่วมกันโดยเพื่อนเล่นปพลิเคชันเกมกับเพื่อน ๆ และปพลิเคชันแนะนำให้เพื่อน ๆ แม้ว่าบางปพลิเคชัน Facebook เป็นเพียงสำหรับการใช้งานส่วนบุคคล, ความหมายของเราเน้นการมีส่วนร่วมของแอพพลิเคกับเพื่อน ๆ เช่นเดียวกับการติดแท็กส่วนใหญ่ของการวิจัยเกี่ยวกับปพลิเคชันได้เน้นหลักผลกระทบเชิงลบเป็นส่วนตัวแทนของผลประโยชน์ทางสังคมการตรวจสอบการใช้งาน เราไม่สามารถหาการศึกษาที่มุ่งเน้นไปที่ผลประโยชน์ทางสังคมของการใช้แอพพลิเค แต่เราพบว่าจำนวนของการศึกษาที่มุ่งเน้นไปที่ประเด็นความเป็นส่วนตัวการตรวจสอบ ยกตัวอย่างเช่นคิง Lampinen และ Smolen (2011) แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่เข้าใจวิธีการทำงานของแอพพลิเคข้อมูลสิ่งที่พวกเขาสามารถเข้าถึงหรือวิธีการที่พวกเขากำลังประพันธ์และมีการทบทวน Besmer และ Lipford (2010b) พบว่านี้ส่งผลให้ผู้ใช้ app Facebook เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมากขึ้นกว่าที่พวกเขาต้องการเพื่อการใช้งาน วังและ coauthors เธอ (วังเสี่ยวและ Grossklags 2011; วัง Grossklags และเสี่ยว 2013)
ได้ศึกษาโต้ตอบอนุญาตเป็นส่วนตัวที่แตกต่างกันการออกแบบเพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และการรับรู้เมื่อมีการเลือกที่จะติดตั้งแอพพลิเคFacebook.
หนึ่งในรูปแบบทั่วไป ข้ามการศึกษาเหล่านี้คือการที่พวกเขาทั้งหมดมุ่งเน้นไปที่ความเข้าใจของแต่ละคนปพลิเคชันและการตัดสินใจความเป็นส่วนตัวของเขาเกี่ยวกับการใช้งานแอพพลิเค นักวิจัยเหล่านี้ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้ตั้งใจสนิทมักจะทำโดยเพื่อนที่ใช้แอพพลิเค นอกจากนี้พวกเขาไม่ได้สำรวจว่าผู้ใช้ SNS มีความเข้าใจที่ชัดเจนของวิธีการที่เพื่อนของพวกเขาสามารถแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขากับปพลิเคชันของบุคคลที่สาม เราขยายความในปัจจุบันการวิจัยในสองวิธีแรกเราศึกษาบางส่วนของผลบวกที่อาจเกิดการมีส่วนร่วมของ app บน Facebook โดยรวมใช้งาน
และครั้งที่สองที่เรามุ่งเน้นความเป็นส่วนตัวความหมายที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของแอพพลิเคกับเพื่อน ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เรากำหนดหมั้น App บน Facebook ที่เพิ่มปพลิเคชันที่ใช้ร่วมกันโดยเพื่อน เล่น apps เกมกับเพื่อนและแนะนำแอพพลิเคชั่น ให้เพื่อน แม้ว่าบางปพลิเคชัน Facebook เป็นเพียงสำหรับใช้ส่วนบุคคล คำนิยามของเราเน้น app หมั้นกับเพื่อน ด้วยการติดแท็กส่วนใหญ่ของการวิจัยในปพลิเคชันมีหลักเน้นความเป็นส่วนตัวผลกระทบเชิงลบแทนของผลประโยชน์ทางสังคมการใช้ appเราไม่พบการศึกษาที่เน้นประโยชน์ต่อสังคมของการใช้แอพพลิเคชั่น อย่างไรก็ตาม เราพบว่าจำนวนของการศึกษาที่เน้นในประเด็นความเป็นส่วนตัว app เช่น กษัตริย์ lampinen และ smolen ( 2011 ) พบว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าใจปพลิเคชันทำงานอย่างไร สิ่งที่พวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลหรือวิธีการที่พวกเขากำลังเขียน และตรวจทานและ besmer lipford ( 2010b ) พบว่า นี้ส่งผลใน Facebook App ผู้ใช้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมากขึ้นกว่าที่พวกเขาต้องการเพื่อให้โปรแกรม วังและ coauthors ของเธอ ( หวาง ซู & grossklags 2011 ; วัง grossklags & Xu , 2013 ) ได้ศึกษาการแตกต่างกันความเป็นส่วนตัวโต้ตอบ
ออกแบบเพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้ส่วนบุคคลและการรับรู้เมื่อเลือกติดตั้ง
Facebook ปพลิเคชันหนึ่งรูปแบบทั่วไปในการศึกษาเหล่านี้ก็คือพวกเขาทั้งหมดมุ่งเน้นไปที่บุคคลมีความเข้าใจของปพลิเคชันและการตัดสินใจส่วนตัวของเขาเกี่ยวกับการใช้งาน app นักวิจัยเหล่านี้ไม่เน้นมักจะเผลอคนสนิทเปิดเผยโดยเพื่อนที่ใช้แอพพลิเคชั่น นอกจากนี้พวกเขาไม่ได้สำรวจว่า SNS ผู้ใช้มีความเข้าใจที่ชัดเจนของสิ่งที่เพื่อนของพวกเขาสามารถแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลที่สามปพลิเคชัน เราขยายตามการวิจัยในปัจจุบัน
สองวิธีแรกที่เราศึกษาบางส่วนของผลลัพธ์ที่เป็นบวกอาจหมั้น app บน Facebook ใช้โดยรวม และสอง เราเน้นความเป็นส่วนตัวผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับ app หมั้นกับเพื่อน