Piaget (1936) believed the interact

Piaget (1936) believed the interaction of humans led to the development of language. Following the Jean Piaget’s thesis; the basic of human nature such as Organization; to organize and collect the various processes within the continuous regulation system after have interaction with the environment. It’s mean a learning language will be automatically by having interaction or conversation with others. Therefore a studying English language on speaking-listening is following this theory. Adaptation to the environment; Assimilation and make an experience about speaking-listening. It means human being is infused or absorbed new experience into structure of intelligence (cognitive structure) after the interaction with others. Accommodation refers to the restructuring of the existing intelligence to the new environment to learn more. However, Piaget said that the development of the intellect and the human will require both of the collection and such adaptations. The developments will be carried out gradually, which is different for each person.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปียาแฌ (ค.ศ. 1936) เชื่อว่าปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ที่นำไปสู่การพัฒนาของภาษา ต่อฌ็องปียาแฌของวิทยานิพนธ์ พื้นฐานของธรรมชาติมนุษย์เช่นองค์กร การจัด และรวบรวมกระบวนการต่าง ๆ ภายในกฎระเบียบอย่างต่อเนื่อง ระบบหลังจากมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม เรื่องของภาษาเรียนรู้จะโดยอัตโนมัติ โดยมีการโต้ตอบหรือสนทนากับผู้อื่นหมายถึง ดังนั้น เรียนภาษาอังกฤษในการพูดฟังเป็นตามทฤษฎีนี้ ปรับตัวกับสิ่งแวดล้อม ผสมกลมกลืนและทำให้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการพูดฟัง หมายถึง มนุษย์ได้ลงตัว หรือดูดซึมประสบการณ์ใหม่ลงในโครงสร้างของสติปัญญา (รับรู้โครงสร้าง) หลังจากการโต้ตอบกับผู้อื่น ที่พักถึงปรับโครงสร้างสติปัญญาที่มีอยู่กับสิ่งแวดล้อมใหม่เพื่อการเรียนรู้เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ปียาแฌกล่าวว่า การพัฒนาสติปัญญาการและมนุษย์จะต้องมีทั้งชุดและท้องเช่น การพัฒนาจะดำเนินเรื่อย ๆ ซึ่งจะแตกต่างกันสำหรับแต่ละบุคคล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพียเจต์ (1936) เชื่อว่าการมีปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์นำไปสู่​​การพัฒนาของภาษา ต่อไปนี้วิทยานิพนธ์ฌองเพียเจต์; พื้นฐานของธรรมชาติของมนุษย์เช่นองค์การ; เพื่อจัดระเบียบและเก็บรวบรวมกระบวนการต่างๆในระบบการควบคุมอย่างต่อเนื่องหลังจากที่มีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อม มันหมายถึงการเรียนรู้ภาษาที่จะถูกโดยอัตโนมัติโดยมีการทำงานร่วมกันหรือการสนทนากับผู้อื่น ดังนั้นการเรียนภาษาอังกฤษในการพูดฟังกำลังติดตามทฤษฎีนี้ การปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม; การดูดซึมและทำให้ประสบการณ์เกี่ยวกับการพูดการฟัง มันหมายความว่ามนุษย์เป็นสีหรือถูกดูดซึมประสบการณ์ใหม่ในโครงสร้างของหน่วยสืบราชการลับ (โครงสร้างองค์ความรู้) หลังจากที่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ที่พักหมายถึงการปรับโครงสร้างของหน่วยสืบราชการลับที่มีอยู่กับสภาพแวดล้อมใหม่ในการเรียนรู้เพิ่มเติม อย่างไรก็ตามเพียเจต์กล่าวว่าการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์และจะต้องมีทั้งการจัดเก็บและการปรับตัวดังกล่าว การพัฒนาจะดำเนินการค่อย ๆ ซึ่งเป็นที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละบุคคล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เพียเจต์ ( 1936 ) เชื่อว่า การปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ที่นำไปสู่การพัฒนาของภาษา ตามจีนเพียเจต์วิทยานิพนธ์ ; พื้นฐานของธรรมชาติของมนุษย์ เช่น การจัดองค์การ การจัดและรวบรวมกระบวนการต่าง ๆภายในระบบระเบียบอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมมันหมายถึงการเรียนรู้ภาษาจะได้โดยอัตโนมัติ โดยมีการปฏิสัมพันธ์หรือการสนทนากับคนอื่น ๆ จึงเรียนภาษาอังกฤษ การพูด การฟัง ตามทฤษฎีนี้ การปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม การผสมกลมกลืน และให้ประสบการณ์ที่เกี่ยวกับการพูดการฟังหมายความว่ามนุษย์ผสมหรือดูดซึมประสบการณ์ใหม่ในโครงสร้างสติปัญญา ( โครงสร้างทางปัญญา ) หลังจากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น สถานที่ตั้ง หมายถึง การปรับโครงสร้างของสติปัญญาที่มีอยู่ไปยังสภาพแวดล้อมใหม่เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เพียเจต์ กล่าวว่า การพัฒนาสติปัญญา และมนุษย์จะต้องมีทั้งของสะสมและการปรับตัวดังกล่าวการพัฒนาจะเป็นไปเรื่อย ๆ ซึ่งแต่ละคนก็แตกต่างกันไป