Barbara introduced the rap project

Barbara introduced the rap project in February. After learning the Obama rap, Jenny initiated a conversation with Michelle: "I told my mommy I was singing the ally Barack Obama song!" Before this, Jenny had never started a conversation with her teacher. When Barbara visited the classroom, Jenny engaged her in conversation as well The rap was so exciting and fun for Jenny that, in addition to rapping the piece, she wanted to talk about it. Jenny self-initiated conversations became a way for Michelle to evaluate her learning. It was evident that rapping was an effective strategy for Jenny because it gave her something to talk about and made her feel comfortable enough to engage in conversation. This momentous experience could be used as a bridge between home and school when planning Jenny's future instruction. Reciting the raps helped the children develop oral fluency. The teacher modeled how a rap should sound, and the children were motivated to spend time repeating the rap. The time spent practicing helped the children work on their phrasing, fluency, and intonation.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บาร์บาร่าแนะนำโครงการ rap ในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากเรียนรู้ราบ Obama เจนนี่เริ่มต้นพูดคุยกับมิเชล: "ฉันบอกว่า mommy ของฉันฉันได้ร้องเพลงพันธมิตรเพลง Barack Obama " ก่อนนี้ เจนนี่ได้ไม่เริ่มต้นการสนทนากับครูของเธอ เมื่อเรียนบาร์บาร่า เจนนี่หมั้นเธออยู่ในการสนทนาเช่นราบที่น่าตื่นเต้น และสนุกสนานสำหรับเจนนี่ว่า นอกจากแร็ปชิ้น เธอต้องการพูดคุยเกี่ยวกับมันดังนั้น เจนนี่สนทนาริเริ่มด้วยตนเองเป็น แบบสำหรับมิเชลเพื่อประเมินการเรียนรู้ของเธอ เห็นได้ชัดว่า แร็ปเป็นกลยุทธ์มีประสิทธิภาพสำหรับเจนนี่ เพราะมันให้เธอให้พูด และทำให้เธอรู้สึกสบายใจพอที่จะมีส่วนร่วมในการสนทนาได้ ประสบการณ์นี้ momentous สามารถใช้เป็นสะพานระหว่างบ้านและโรงเรียนเมื่อวางแผนคำสั่งในอนาคตของเจนนี่ อ่าน raps ช่วยให้เด็กพัฒนาแคล่วปาก ครูจำลองการ rap ควรเสียง และเด็กมีแรงจูงใจต้องใช้เวลาในการทำซ้ำราบ เวลาฝึกช่วยให้เด็กทำงานในการใช้วลี แคล่ว และโทนเสียงที่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บาร์บาร่าเปิดตัวโครงการแร็พในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากเรียนรู้แร็พโอบามาเจนนี่เริ่มต้นการสนทนากับมิเชล: "ผมบอกแม่ของฉันฉันกำลังร้องเพลงพันธมิตรเพลงบารักโอบา!" ก่อนหน้านี้เจนนี่ไม่เคยเริ่มต้นการสนทนากับครูของเธอ เมื่อบาร์บาร่าเข้าเยี่ยมชมห้องเรียน, เจนนี่เธอมีส่วนร่วมในการสนทนาเช่นกันแร็พเป็นที่น่าตื่นเต้นและความสนุกสนานสำหรับเจนนี่ที่นอกเหนือไปจากการเคาะชิ้นที่เธอต้องการที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจนนี่สนทนาตนเองริเริ่มกลายเป็นวิธีการที่มิเชลในการประเมินผลการเรียนรู้ของเธอ มันเห็นได้ชัดว่าเคาะเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสำหรับเจนนี่เพราะมันทำให้สิ่งที่เธอพูดคุยเกี่ยวกับและทำให้เธอรู้สึกสบายพอที่จะมีส่วนร่วมในการสนทนา ประสบการณ์ที่สำคัญยิ่งนี้สามารถนำมาใช้เป็นสะพานเชื่อมระหว่างบ้านและโรงเรียนเมื่อมีการวางแผนการเรียนการสอนในอนาคตของเจนนี่ ท่องเคาะช่วยเด็กพัฒนาความคล่องแคล่วในช่องปาก ครูรูปแบบวิธีการลงโทษที่ควรเสียงและเด็กมีแรงจูงใจที่จะใช้เวลาการทำซ้ำการลงโทษ เวลาที่ใช้ในการฝึกเด็กช่วยทำงานในถ้อยคำของพวกเขาคล่องแคล่วและน้ำเสียง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บาร์บาราแนะนำแร็พโครงการในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากการเรียนรู้แร็พ โอบามา เจนนี่เริ่มสนทนากับมิเชล : " ผมบอกแม่ ผมร้องเพลง พันธมิตร บารัค โอบามา เพลง ! ก่อนนี้ เจนนี่ไม่เคยเริ่มต้นการสนทนากับครูของเธอ เมื่อ บาบาร่า เข้าห้องเรียน เจนนี่หมั้นของเธอในการสนทนาด้วยแร็พก็ตื่นเต้นและสนุกสำหรับเจนนี่ที่นอกจากจะร้องเพลง เธอต้องการที่จะพูดคุยเกี่ยวกับมัน เจนนี่ที่ตนเองริเริ่มการสนทนาเป็นวิธีสำหรับมิเชลเพื่อประเมินการเรียนรู้ของเธอ มันเห็นได้ชัดว่า แรพเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสำหรับเจนนี่ เพราะมันให้อะไรที่เธอพูดถึง และทำให้เขารู้สึกสะดวกสบายพอที่จะมีส่วนร่วมในการสนทนาประสบการณ์ที่สำคัญนี้สามารถใช้เป็นสะพานเชื่อมระหว่างบ้านและโรงเรียน เมื่อมีการวางแผนการสอนของเจนนี่ ในอนาคต การเคาะช่วยเด็กพัฒนาปากเก่ง . ครูต้นแบบวิธีการเคาะควรเสียง และเด็กมีแรงจูงใจที่จะใช้เวลาการแร็พ เวลาที่ใช้ในการฝึกให้เด็กทำงานในเนื้อเพลงของพวกเขา ความคล่องแคล่วและการออกเสียง