Dutch DiseaseThe Dutch Disease was

Dutch Disease
The Dutch Disease was termed 22 after observing the severe, adverse effect gas discoveries in the Netherlands had on the non-resource traded sector through the macroeconomic channels in the late 1950s. After the discovery of natural gas, the Netherlands recorded a rapid economic growth while the manufacturing sector grew much slower and employment in manufacturing declined significantly. More specifically, the growth rate of the
manufacturing sector declined from an average of 6.5% from 1963-73 to 0.9% from 1974-78
and 0.3% from 1979-83 (Rudd and Lowry 1996). Also, there was a contraction in employment
in the manufacturing sector after the natural gas boom. For instance, the annual average
growth rate of employment in the manufacturing sector was -0.5% from 1963-73, -2.7% from
1974-78 and -2.8% from 1979-83. Many other resource-rich countries face similar experiences
as the Netherlands, leading to the terminology of Dutch Disease to describe the adverse effect
of the booming sector on the lagged sectors.
In a broad sense, the symptoms of the Dutch Disease include the real appreciation of
local currency (nominal appreciation for floating exchange rate and higher inflation for fixed
exchange rate); increases in spending; increase in prices of non-traded goods relative to traded
goods; a shift of endowments from the non-resource traded sector; and bigger current account
deficits (Frankel 2010). Corden and Neary (1982), who developed the first theoretical model23
to examine the effects of the booming sector on the lagged sector, classified these
macroeconomic symptoms into spending and resource movement effects. The model assumes
that the economy comprises of three sectors, viz., traded resource, traded non-resource, and
non-traded sectors. There are two channels of impact from traded resource sector to the rest of
the economy. First, booming resource sector generates large inflows of foreign currencies in
the form of FDI and export revenues. Such boom causes an increase in spending and domestic
demand, and consequently these lead to increasing domestic prices and imports. Increase in

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โรคดัตช์โรคดัตช์ก็เรียกว่า 22 หลังจากสังเกตผลกระทบที่รุนแรง ผลการค้นพบก๊าซในเนเธอร์แลนด์ได้บนทรัพยากรห้องซื้อขายภาคผ่านช่องทางเศรษฐกิจมหภาคในปลายปี 1950 หลังจากการค้นพบก๊าซธรรมชาติ เนเธอร์แลนด์บันทึกการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในขณะที่ภาคการผลิตเติบโตช้ามาก และการจ้างงานในการผลิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อัตราการเจริญเติบโตของการภาคการผลิตลดลงจากเฉลี่ย 6.5% จากปี 1963-73 0.9% จากปี 1974-78และ 0.3% จาก 1979-83 (รัดด์และ Lowry 1996) นอกจากนี้ มีการหดตัวในงานในภาคการผลิตหลังจากบูมก๊าซธรรมชาติ เช่น ปีอัตราการเติบโตของการจ้างงานในภาคการผลิตคือ -0.5% จากปี 1963-73, -2.7% จาก1974-78 และ -2.8% จาก 1979-83 อุดมไปด้วยทรัพยากรประเทศอื่น ๆ เผชิญประสบการณ์คล้ายเป็นเนเธอร์แลนด์ นำไปสู่คำศัพท์ดัตช์โรคเพื่ออธิบายผลกระทบต่อของเซกเตอร์เฟื่องฟูบนภาค laggedในกว้าง อาการของโรคดัตช์รวมถึงการแข็งค่าที่แท้จริงของสกุลเงินท้องถิ่น (แข็งค่าเล็กน้อยสำหรับลอยตัวการแลกเปลี่ยนและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นสำหรับถาวรอัตราแลกเปลี่ยน); เพิ่มการใช้จ่าย เพิ่มขึ้นของราคาสินค้าที่ซื้อขายไม่สัมพันธ์กับการซื้อขายสินค้า กะของสะสมจากทรัพยากรห้องซื้อขายภาค และบัญชีปัจจุบันใหญ่กว่าผลขาดทุนสะสม (ผ้าเช็ดหน้าแฟรง 2010) Corden และ Neary (1982), ที่ model23 ทฤษฎีแรกของพัฒนาการตรวจสอบผลกระทบของภาคการเฟื่องฟูภาค lagged จัดเหล่านี้อาการภาวะเศรษฐกิจมหภาคเข้าผลการเคลื่อนไหวการใช้จ่ายและทรัพยากร แบบอนุมานว่า เศรษฐกิจประกอบด้วยสามภาค viz., ซื้อขายทรัพยากร ซื้อขายไม่ใช่ทรัพยากร และไม่มีการซื้อขายภาค มีผลกระทบจากภาคการขายทรัพยากรส่วนที่เหลือของ 2 ช่องเศรษฐกิจ ครั้งแรก เฟื่องฟูภาคทรัพยากรสร้างกระแสใหญ่ของสกุลเงินต่างประเทศในรูปแบบของรายได้จากต่างประเทศและส่งออก บูมดังกล่าวทำให้เพิ่มขึ้น ในการใช้จ่าย และภายในประเทศความต้องการ และดังนั้นเหล่านี้นำไปสู่การเพิ่มราคาในประเทศและนำเข้า เพิ่มขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ดัตช์โรค
โรคดัตช์ได้รับการเรียกว่า 22 หลังจากการเฝ้าสังเกตรุนแรง, การค้นพบก๊าซผลกระทบในประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ในไม่ทรัพยากรภาคซื้อขายผ่านช่องทางเศรษฐกิจมหภาคในช่วงปลายปี 1950 หลังจากการค้นพบก๊าซธรรมชาติ, เนเธอร์แลนด์บันทึกการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในขณะที่ภาคการผลิตขยายตัวช้ากว่ามากและการจ้างงานในการผลิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราการขยายตัวของ
ภาคการผลิตลดลงจากเฉลี่ย 6.5% 1963-73 0.9% 1974-78
และ 0.3% 1979-83 (รัดด์และโลว์รีย์ 1996) นอกจากนี้ยังมีการหดตัวในการจ้างงาน
ในภาคการผลิตหลังจากที่บูมก๊าซธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่นปีเฉลี่ย
อัตราการเจริญเติบโตของการจ้างงานในภาคการผลิตเป็น -0.5% 1963-73, -2.7% และจาก
1974-78 และ -2.8% 1979-83 หลายประเทศอุดมไปด้วยทรัพยากรอื่น ๆ ที่ต้องเผชิญกับประสบการณ์ที่คล้ายกัน
เป็นเนเธอร์แลนด์ที่นำไปสู่คำศัพท์ของโรคดัตช์เพื่ออธิบายถึงผลกระทบ
ของภาคเฟื่องฟูในภาค lagged ได้.
ในความหมายกว้างอาการของโรคดัตช์รวมถึงการแข็งค่าที่แท้จริงของ
สกุลเงินท้องถิ่น (แข็งค่าเล็กน้อยสำหรับการลอยตัวอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นสำหรับการแก้ไข
อัตราแลกเปลี่ยน); เพิ่มขึ้นในการใช้จ่าย; เพิ่มขึ้นในราคาของสินค้าไม่ใช่การซื้อขายเมื่อเทียบกับการซื้อขาย
สินค้า; การเปลี่ยนแปลงของพลังจากทรัพยากรที่ไม่ใช่ภาคซื้อขาย; และบัญชีเงินฝากกระแสที่ใหญ่กว่า
การขาดดุล (แฟรงเคิล 2010) Corden และ Neary (1982) ผู้พัฒนา model23 ทฤษฎีแรก
เพื่อตรวจสอบผลกระทบของภาคเฟื่องฟูในภาค lagged ที่จัดเหล่านี้
อาการทางเศรษฐกิจมหภาคในการใช้จ่ายและการใช้ทรัพยากรผลกระทบการเคลื่อนไหว รูปแบบนี้คาด
ว่าเศรษฐกิจจะประกอบด้วยสามภาค ได้แก่ . ทรัพยากรซื้อขายซื้อขายที่ไม่ใช่ทรัพยากรและ
นอกภาคซื้อขาย มีสองช่องทางของผลกระทบจากภาคทรัพยากรที่มีการซื้อขายส่วนที่เหลือของ
เศรษฐกิจ ครั้งแรกที่ภาคทรัพยากรเฟื่องฟูสร้างเงินทุนไหลเข้ามากของสกุลเงินต่างประเทศใน
รูปแบบของการลงทุนจากต่างประเทศและรายได้การส่งออก บูมดังกล่าวทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายภายในประเทศและ
ความต้องการและจึงนำเหล่านี้เพื่อเพิ่มราคาในประเทศและนำเข้า เพิ่มขึ้นใน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โรคดัตช์โรคดัตช์เป็น termed 22 หลังจากการสังเกตรุนแรง มีผลต่อการค้นพบก๊าซในเนเธอร์แลนด์มีทรัพยากรภาคไม่ซื้อขายผ่านช่องทางเศรษฐกิจมหภาคในปลายปี 1950 หลังจากค้นพบก๊าซธรรมชาติ , ประเทศเนเธอร์แลนด์บันทึกการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ภาคการผลิตเติบโตช้ามาก และการจ้างงานในการผลิตลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะอัตราการเติบโตของภาคการผลิตลดลงจากเฉลี่ย 6.5% จาก 1963-73 ถึง 0.9% จาก 1974-78และ 0.3% จาก 1979-83 ( รัดด์ และโลว์รี 1996 ) นอกจากนี้ มีการหดตัวในการจ้างงานในภาคการผลิตจากก๊าซธรรมชาติ บูม ตัวอย่างเช่น ค่าเฉลี่ยรายปีอัตราการเติบโตของการจ้างงานในภาคการผลิตเป็น - 0.5% จาก 1963-73 , - 2.7% จาก1974-78 และ - 2.8% จาก 1979-83 . หลาย ๆประเทศที่ร่ำรวยทรัพยากรหน้าประสบการณ์คล้ายคลึงกันเป็นศัพท์ของเนเธอร์แลนด์ ที่นำไปสู่โรคดัตช์เพื่ออธิบายผลกระทบของภาคเฟื่องฟูใน lagged ภาคในความหมายกว้างๆ อาการของโรค ดัตช์ รวมถึงจริงฯสกุลเงินท้องถิ่น ( ค่าปกติสำหรับอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นสำหรับถาวรอัตราแลกเปลี่ยน ) ; เพิ่มขึ้นในการใช้จ่ายเพิ่มในราคาที่ไม่สัมพันธ์กับการซื้อขายสินค้าซื้อขายสินค้า ; เปลี่ยนจากแหล่งซื้อขายไม่ใช่ผู้นำของภาค และใหญ่กว่าปัจจุบันบัญชีการขาดดุล ( แฟรงเคิล 2010 ) สินค้า และ เนียรี่ ( 1982 ) ที่พัฒนา model23 ทฤษฎีแรกเพื่อศึกษาผลของภาคเฟื่องฟูใน lagged ภาคลับเหล่านี้อาการเศรษฐกิจมหภาคในการใช้จ่ายและผลการเคลื่อนไหวของทรัพยากร แบบอนุมานว่า เศรษฐกิจประกอบด้วย 3 ภาค คือ ซื้อขายหุ้น ซื้อขายบนทรัพยากร ทรัพยากร และไม่ขายภาค มีสองช่องสัญญาณของผลกระทบจากการซื้อขายทรัพยากรภาคที่เหลือเศรษฐกิจ แรก , ภาคทรัพยากรเฟื่องฟูสร้างขนาดใหญ่ของสกุลเงินต่างประเทศที่ไหลเข้าในรูปแบบของรายได้การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศและการส่งออก เช่น บูม สาเหตุการเพิ่มขึ้นในการใช้จ่าย และในประเทศความต้องการและจากนั้นนำเหล่านี้ในราคาที่เพิ่มขึ้น และการนำเข้า เพิ่มใน