If you pile up organic matter, mois

If you pile up organic matter, moisten it, and throw a tarp over it to deprive it of oxygen, anaerobic composting will result. Any bin with a tight lid and drainage holes can be used. Even a garbage bag will work. A pile with a tarp over it works well but it will smell

Anaerobic composting requires an entirely different set of organisms and conditions than does aerobic composting. The anaerobic process, which is essentially putrefaction (sorry, but there it is), produces a very acidic environment similar to that in the stomach. Hence the term “digester” used to describe anaerobic processes and to distinguish them from aerobic composting. Actually, the stomach still holds the prize for acidic environments. The pH in an anaerobic digester might dip as low as four but that in the stomach is between one and two.

Both anaerobic and aerobic decay produce heat as a by-product. The temperatures in an aerobic system can become hot enough to kill pathogens or weed seeds. Those in a digester cannot. However, the digester’s acidic environment itself eventually does the trick. Eventually is the key term here. The inhospitable environment takes six months to a year to kill off dangerous micro-organisms.

There’s a second advantage to waiting a full year before using the compost from a digester. Fresh anaerobic material — feedstock that has gone through the initial phase of digestion but hasn’t sat for months afterwards — is so acidic that it cannot be directly applied to plants. Nor can it be dug into dirt where it might come into contact with plant roots. Before it is safe to use, it must go through an aerobic phase that lasts about a month to neutralize its pH. Material that has digested for a full year should be safe for the garden — and it will smell much better.

For this reason, it’s best to have two bins going. When one is full, you can close the lid on it for a year while you deposit waste in the other. By the time you open the first bin, all pathogens will be dead and the composted material will be ready to use.

The simplest anaerobic composter is a plastic bag filled and left in the sun. Most consist of a container with just a single compartment, either placed on cement blocks with a vessel underneath to collect the leachate, or partially buried in the ground. The leachate from a buried vessel will fertilize the nearby soil.

Sinking the bottom of the digester into the ground slows the rate at which leachate drains out of the feedstock and ensures that the contents do not dry out. It also gives worms and other soil organisms access to the contents of the digester, though many will only feel at home after the bottom layer of material has passed through its most acidic phase and the pH starts to level off. Finally, burial helps control odors and makes it almost impossible for pests of any kind to gain access to the bin’s contents.

As with aerobic composting, different methods yield different composting times. The throw-everything-in-a-plastic-bag method mentioned above is roughly equivalent to building a hot aerobic pile. The basic composting is accomplished within a few weeks if the container is in hot sun. A barrel or digester to which you continually add material is more like a slow pile. The stuff at the bottom forms mature compost while the stuff at the top isn’t compost at all.

Material is added to a continuous pile and a barrel digester in the same way. But the compost is harvested differently. With a continuous aerobic pile you throw yard waste and food scraps on top and pull compost out the bottom. There’s no easy way to remove the finished compost from the bottom of a digester. It’s just too wet and sloppy. This is why you eventually need to put the lid on an aerobic system and walk away. This also explains why it’s best to have two bins: one to add to while the other digests.

Despite these disadvantages, anaerobic composting is the best way to go in some situations:

You're looking to dispose of a one-time load of wet, potentially smelly, or pest-attracting kitchen waste, such as you'd accumulate after a day spent canning fruits or vegetables, cleaning freshly caught fish, or organizing a big social gathering that generates food scraps.

Pulling spent garden plants at the end of fall leaves you with an enormous pile of organic matter that you don't have the space or time to manage over winter.

Aboveground composting of kitchen scraps without a sealed container isn't allowed where you live.

You aren't keen on the appearance of a compost area in your landscape, but you prefer not to send your organic waste to a landfill.

You want to improve soil structure and fertility in a future garden bed.

You don't have time to monitor the air or moisture requirements of an aboveground compost pile.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไม่ใช้ออกซิเจนในการหมักจะทำถ้าคุณดองอินทรีย์ moisten มัน และโยน tarp ที่กว่าเสบียงของออกซิเจน สามารถใช้ช่องเก็บที่ มีรูระบายน้ำและฝาปิดแน่น แม้แต่ถุงขยะจะทำงาน กอง มี tarp มันทำงานได้ดี แต่มันจะกลิ่นไม่ใช้ออกซิเจนในการหมักต้องเป็นชุดที่แตกต่างของสิ่งมีชีวิตและเงื่อนไขมากกว่าไม่หมักแอโรบิก ไม่ใช้กระบวนการ ซึ่งเป็น putrefaction (ขออภัย แต่มี), ก่อให้เกิดกรดมากสภาพแวดล้อมที่คล้ายกับที่ในกระเพาะอาหาร ดังนั้น ในระยะ "digester" ใช้อธิบายกระบวนการไม่ใช้ออกซิเจน และแตกต่างจากแอโรบิกหมัก จริง กระเพาะอาหารยังมีรางวัลสำหรับสภาพแวดล้อมของกรด อาจจุ่ม pH ใน digester ที่ไม่ใช้ออกซิเจนต่ำเป็นสี่ แต่ที่ในกระเพาะอาหารอยู่ระหว่างหนึ่งและสองไม่ใช้ออกซิเจน และแอโรบิกผุผลิตความร้อนเป็นผลพลอยได้ อุณหภูมิในระบบแอโรบิกสามารถกลายเป็นร้อนพอที่จะฆ่าโรค หรือ weed เมล็ด ใน digester ที่ไม่ อย่างไรก็ตาม digester ที่เปรี้ยวสภาพแวดล้อมที่ตัวเองก็ไม่หลอกลวง ในที่สุดเป็นระยะที่สำคัญที่นี่ สภาพแวดล้อมที่ต้องใช้เวลาหกเดือนปีฆ่าปิดไมโครสิ่งมีชีวิตอันตรายที่มีประโยชน์สองเพื่อรอทั้งปีก่อนโดยใช้ปุ๋ยจาก digester ที่ สดไม่ใช้วัสดุซึ่งวัตถุดิบที่ได้ไปผ่านระยะเริ่มต้นการย่อยอาหาร แต่ไม่ได้นั่งหลังจากนั้นเดือน — เป็นกรดดังนั้นว่า มันไม่สามารถโดยตรงใช้กับพืช ไม่สามารถมันจะขุดลงไปในดินที่อาจมาไปยังฝั่งรากพืช ก่อนที่จะปลอดภัย มันต้องไปผ่านระยะการเต้นแอโรบิกที่ใช้เวลาประมาณเดือนการ pH ของ วัสดุที่มีเจ่าประจำปีควรจะปลอดภัยสำหรับสวน — และกลิ่นดีขึ้นด้วยเหตุนี้ ดีที่สุดคือมีช่องที่สองจะ เมื่อหนึ่งเต็ม คุณสามารถปิดฝาบนสำหรับปีในขณะที่คุณนำฝากขยะในอื่น ๆ ได้ โดยเวลาคุณเปิดช่องแรก ทุกโรคจะตาย และวัสดุ composted จะพร้อมใช้งานComposter ไม่ใช้ง่ายที่สุดคือ ถุงพลาสติกเติม และเหลือในดวงอาทิตย์ ส่วนใหญ่ประกอบด้วยคอนเทนเนอร์ที่มีเพียงตัวเดียวเหนือศีรษะ วางบนบล็อกซีเมนต์กับเรือใต้เก็บ leachate หรือฝังอยู่ในพื้นดินบางส่วน Leachate จากเรือฝังจะ fertilize ดินใกล้เคียงจมก้น digester ที่เป็นพื้นดินช้าอัตราที่ระบายน้ำออกจากวัตถุดิบ leachate ที่ และมั่นใจว่า เนื้อหาไม่แห้งออก มันยังช่วยให้หนอนและอื่น ๆ ดินสิ่งมีชีวิตเข้ากับเนื้อหาของ digester ที่ แม้ว่าหลายคนจะ เท่าความรู้สึกที่บ้านหลังจากชั้นล่างของวัสดุได้ผ่านระยะของสุดเปรี้ยว และ pH เริ่มต้นระดับปิด สุดท้าย ฝังศพช่วยควบคุมกลิ่น และทำให้มันเกือบเป็นไปไม่ได้สำหรับศัตรูพืชใด ๆ เพื่อเข้าถึงเนื้อหาของช่องเก็บเช่นเดียวกับหมักแอโรบิก วิธีอัตราผลตอบแทนของเวลาการหมักต่าง ๆ วิธีการ throw-everything-in-a-plastic-bag ดังกล่าวข้างต้นเป็นประมาณเท่ากับอาคารกองร้อนแอโรบิก หมักขั้นพื้นฐานสำเร็จภายในไม่กี่สัปดาห์ว่าคอนเทนเนอร์ในแสงแดดร้อน บาร์เรลหรือ digester ที่คุณอย่างต่อเนื่องเพิ่มวัสดุจะเหมือนกองช้า สิ่งที่ด้านล่างฟอร์มเติบโตปุ๋ยในขณะที่สิ่งที่ไม่ใช่ปุ๋ยเลยวัสดุเพิ่มกองอย่างต่อเนื่องและ digester กระบอกเดียว แต่ปุ๋ยการเก็บเกี่ยวแตกต่างกัน ด้วยกองเต้นแอโรบิกอย่างต่อเนื่อง คุณโยนเศษอาหารและขยะที่ลานด้านบน และดึงปุ๋ยออกด้านล่าง มีวิธีง่าย ๆ ไม่เอาปุ๋ยสำเร็จรูปจากด้านล่างของแบบ digester มันไม่เปียกเกินไป และเพราะการ นี่คือเหตุผลที่คุณจำเป็นต้องใส่ฝาบนมีระบบแอโรบิก และเดินในที่สุด นี้ยังอธิบายเหตุดีที่สุดคือมีช่องที่สอง: หนึ่งขณะ digests อื่น ๆ เพิ่มแม้ มีข้อเสียเหล่านี้ ไม่ใช้ออกซิเจนในการหมักเป็นวิธีที่ดีสุดในบางสถานการณ์:คุณกำลังมองหาเพื่อโหลดครั้งเดียวของเปียก อาจ โละทิ้ง หรือดึงดูดแมลงครัวเสีย เช่นคุณจะสะสมหลังจากเวลา canning ผลไม้ผัก ทำความสะอาดสดใหม่จับปลา หรือจัดระเบียบชุมนุมสังคมขนาดใหญ่ที่สร้างอาหารเศษดึงใช้พืชสวนที่สิ้นสุดของฤดูใบไม้ร่วงใบไม้กับกองมหาศาลของอินทรีย์เรื่องที่คุณไม่มีพื้นที่ หรือเวลาการจัดการผ่านหนาวAboveground หมักเศษอาหารไม่มีภาชนะไม่ได้ถิ่นที่อยู่คุณไม่กระตือรือร้นในลักษณะของปุ๋ยพื้นที่ในแนวนอนของคุณ แต่คุณไม่ต้องการส่งของเสียอินทรีย์ฝังกลบมูลฝอยคุณต้องการปรับปรุงโครงสร้างดินและความอุดมสมบูรณ์ในเตียงสวนในอนาคตคุณไม่มีเวลาตรวจสอบความต้องการอากาศหรือความชื้นของกองปุ๋ย aboveground การ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หากคุณหมักหมมอินทรียวัตถุหล่อเลี้ยงมันและโยนผ้าใบกันน้ำมากกว่านั้นที่จะกีดกันมันของออกซิเจนทำปุ๋ยหมักแบบไม่ใช้ออกซิเจนจะส่งผลให้ บินใด ๆ ที่มีฝาปิดแน่นและรูระบายน้ำสามารถนำมาใช้ แม้จะเป็นถุงขยะจะทำงาน กองที่มีผ้าใบกันน้ำกว่าจะทำงานได้ดี แต่มันจะมีกลิ่นหอมการทำปุ๋ยหมักแบบไร้อากาศต้องมีชุดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงของสิ่งมีชีวิตและสภาพกว่าปุ๋ยหมักแอโรบิก ขั้นตอนการใช้ออกซิเจนซึ่งเป็นหลักเน่าเปื่อย (ขออภัย แต่มีมันเป็น) ก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เป็นกรดมากคล้ายกับว่าในกระเพาะอาหาร ดังนั้นคำว่า "หมัก" ที่ใช้ในการอธิบายกระบวนการเพาะกายและแตกต่างจากการทำปุ๋ยหมักแอโรบิก ที่จริงกระเพาะอาหารยังคงถือรางวัลสำหรับสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด พีเอชในบ่อหมักแบบไม่ใช้ออกซิเจนอาจจุ่มต่ำเป็นสี่ แต่ที่ในกระเพาะอาหารอยู่ระหว่างหนึ่งและสอง. ทั้งสองเพาะกายแอโรบิกและการเสื่อมสลายผลิตความร้อนเป็นผลพลอยได้ อุณหภูมิในระบบแอโรบิกจะกลายเป็นร้อนพอที่จะฆ่าเชื้อโรคหรือเมล็ดวัชพืช ผู้ที่อยู่ในบ่อหมักไม่สามารถ แต่สภาพแวดล้อมที่เป็นกรดของบ่อหมักตัวเองในที่สุดก็ไม่หลอกลวง ในที่สุดก็เป็นคำที่สำคัญที่นี่ ที่ไม่เอื้ออำนวยสภาพแวดล้อมที่ใช้เวลาหกเดือนถึงหนึ่งปีที่จะฆ่าอันตรายจุลินทรีย์. มีประโยชน์ที่สองที่จะรอปีเต็มก่อนที่จะใช้ปุ๋ยหมักจากบ่อหมัก วัสดุที่ไม่ใช้ออกซิเจนสด - วัตถุดิบที่ได้ไปผ่านขั้นตอนการเริ่มต้นของการย่อยอาหาร แต่ไม่ได้นั่งเป็นเวลาหลายเดือนหลังจากนั้น - เพื่อให้เป็นกรดที่ไม่สามารถนำมาใช้โดยตรงกับพืช หรือจะสามารถขุดลงไปในสิ่งสกปรกที่มันอาจจะเข้ามาติดต่อกับรากพืช ก่อนที่มันจะปลอดภัยที่จะใช้นั้นจะต้องไปผ่านขั้นตอนแอโรบิกที่มีระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือนที่จะต่อต้านความเป็นกรดด่างของ วัสดุที่ย่อยสำหรับปีเต็มควรจะปลอดภัยสำหรับสวน -. และมันจะมีกลิ่นที่ดีมากด้วยเหตุนี้มันเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่จะมีสองถังขยะไป เมื่อหนึ่งเต็มคุณสามารถปิดฝาที่มันสำหรับปีในขณะที่คุณฝากของเสียในที่คนอื่น ๆ ตามเวลาที่คุณเปิดถังแรกเชื้อโรคทั้งหมดจะตายและวัสดุหมักจะพร้อมใช้งาน. composter เพาะกายที่ง่ายที่สุดคือถุงพลาสติกที่เต็มไปและที่เหลืออยู่ในดวงอาทิตย์ ส่วนใหญ่ประกอบด้วยภาชนะที่มีเพียงช่องเดียวอย่างใดอย่างหนึ่งที่วางอยู่บนบล็อกซีเมนต์ที่มีเรืออยู่ภายใต้การเก็บรวบรวมน้ำชะขยะหรือบางส่วนฝังอยู่ในพื้นดิน น้ำชะขยะจากเรือจะฝังปุ๋ยดินใกล้เคียง. จมอยู่ด้านล่างของบ่อหมักลงไปในพื้นดินช้าอัตราที่ท่อระบายน้ำชะขยะออกจากวัตถุดิบและสร้างความมั่นใจว่าเนื้อหาไม่แห้งออก นอกจากนี้ยังให้เวิร์มและอื่น ๆ ที่มีชีวิตในดินเข้าถึงเนื้อหาของบ่อหมักที่แม้หลายคนจะรู้สึกเหมือนอยู่บ้านหลังชั้นล่างของวัสดุที่ได้ผ่านขั้นตอนที่เป็นกรดมากที่สุดและพีเอชเริ่มระดับปิด สุดท้ายที่ฝังศพจะช่วยให้การควบคุมกลิ่นและทำให้มันเป็นไปไม่ได้เกือบสำหรับศัตรูพืชชนิดใดที่จะได้รับการเข้าถึงเนื้อหาของถัง. เช่นเดียวกับการทำปุ๋ยหมักแอโรบิกที่แตกต่างกันวิธีการทำปุ๋ยหมักให้ผลผลิตครั้งที่แตกต่างกัน โยนทุกอย่างในชีวิตพลาสติกถุงวิธีการดังกล่าวข้างต้นเป็นประมาณเทียบเท่ากับการสร้างกองร้อนแอโรบิก ปุ๋ยหมักขั้นพื้นฐานสามารถทำได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ถ้าภาชนะที่อยู่ในแดดร้อน บาร์เรลหรือบ่อหมักที่คุณอย่างต่อเนื่องเพิ่มวัสดุเป็นเหมือนกองช้า สิ่งที่รูปแบบด้านล่างปุ๋ยหมักเป็นผู้ใหญ่ในขณะที่สิ่งที่อยู่ด้านบนไม่ได้ปุ๋ยหมักที่ทุกคน. วัสดุจะถูกเพิ่มในกองอย่างต่อเนื่องและหมักบาร์เรลในทางเดียวกัน แต่ปุ๋ยหมักจะมีการเก็บเกี่ยวที่แตกต่างกัน ด้วยกองแอโรบิกอย่างต่อเนื่องคุณโยนขยะลานและเศษอาหารที่อยู่ด้านบนและดึงปุ๋ยหมักจากด้านล่าง ไม่มีวิธีที่ง่ายต่อการลบปุ๋ยหมักสำเร็จรูปจากด้านล่างของบ่อหมักที่ มันเป็นเพียงแค่เปียกเกินไปและเลอะเทอะ นี่คือเหตุผลที่ในที่สุดคุณจะต้องใส่ฝาบนระบบแอโรบิกและเดินออกไป นอกจากนี้ยังอธิบายเหตุผลที่มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะมีสองถังหนึ่งที่จะเพิ่มในขณะที่ย่อยอื่น ๆ . แม้จะมีข้อเสียเหล่านี้ทำปุ๋ยหมักแบบไม่ใช้ออกซิเจนเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะไปในบางสถานการณ์: คุณกำลังมองหาที่จะทิ้งภาระเพียงครั้งเดียวของเปียก อาจเหม็นหรือศัตรูพืชดึงดูดเสียครัวเช่นคุณต้องการสะสมหลังจากวันที่ใช้เวลากระป๋องผลไม้หรือผักทำความสะอาดปลาที่จับได้สดใหม่หรือการจัดชุมนุมทางสังคมขนาดใหญ่ที่สร้างเศษอาหาร. ดึงพืชสวนใช้เวลาในตอนท้ายของ ฤดูใบไม้ร่วงใบคุณมีกองมหาศาลของสารอินทรีย์ที่คุณไม่ได้มีพื้นที่หรือเวลาในการจัดการในช่วงฤดูหนาว. ปุ๋ยหมักเศษเหนือพื้นดินโดยไม่ต้องครัวภาชนะที่ปิดสนิทไม่ได้รับอนุญาตที่คุณอยู่. คุณยังไม่ได้กระตือรือร้นในลักษณะที่ปรากฏ พื้นที่ปุ๋ยหมักในแนวนอนของคุณ แต่คุณไม่ต้องการที่จะส่งขยะอินทรีย์ของคุณไปยังหลุมฝังกลบ. คุณต้องการที่จะปรับปรุงโครงสร้างของดินและความอุดมสมบูรณ์ในเตียงสวนในอนาคต. คุณไม่ได้มีเวลาในการตรวจสอบความต้องการอากาศหรือความชื้นของ กองปุ๋ยหมักเหนือพื้นดิน