The nomothetic approach is consider

The nomothetic approach is considered scientific due to its’ precise measurement, prediction and control of behaviour, investigations of large groups, objective and controlled methods allowing for replication and generalisation. Due to this, it has helped psychology become more scientific by developing theories that can be empirically tested. Which is one of the key criteria of a science.

However the nomothetic approach does have its limitations. It has been accused of losing sight of the ‘whole person’, due to its extensive use of group averages. It also may give a superficial understanding, as people may display the same behaviour, but for different reasons. For example in the Milgrim study, can we be sure that all the behaviour displayed was for the same reasons?

Another limitation of this approach is that predictions can be made about groups, but not the individual. Telling someone that that they have a 3 in 100 chance of schizophrenia probably isn’t of much use to that individual.

There is also a potential underlying confounding variable with some of the research done following the nomothetic approach. Due to the extensive us of laboratory studies, the experiments often lack ecological validity, which means we cannot generalise the results to everyday life.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิธี nomothetic เป็นวิทยาศาสตร์การ ' วัด ทำนาย และควบคุมพฤติกรรม วัตถุประสงค์ และมีการควบคุมวิธีที่อนุญาตสำหรับการจำลองแบบและ generalisation สืบสวนของกลุ่มใหญ่ จากนี้ มันได้ช่วยให้จิตวิทยาเป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น โดยการพัฒนาทฤษฎีที่สามารถทดสอบเชิงประสบการณ์ ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่สำคัญของวิทยาศาสตร์อย่างใดอย่างหนึ่งอย่างไรก็ ตามวิธี nomothetic ก็มีข้อจำกัด มันมีการกล่าวหาว่าการสูญเสียสายตาของ 'คนทั้งหมด' เนื่องจากการใช้ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม มันยังอาจให้การเผิน ๆ เข้าใจ คนอาจแสดงพฤติกรรมเหมือนกัน แต่เหตุผลต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ในการศึกษา Milgrim เราสามารถแน่ใจว่า พฤติกรรมที่แสดงเป็นเหตุผลเดียวกันอีกข้อจำกัดของวิธีการนี้ว่า สามารถทำการคาดคะเนเกี่ยวกับกลุ่ม แต่บุคคลไม่ได้ บอกคนที่ ว่า พวกเขามีโอกาส 3 ใน 100 ของโรคจิตเภทอาจจะไม่ได้ใช้มากในแต่ละที่มีตัวแปรต้นรบกวนอาจ มีการทำวิจัยตามวิธี nomothetic เนื่องจากธรรมดา เราศึกษาห้องปฏิบัติการ การทดลองมักจะขาดอายุระบบนิเวศ ซึ่งหมายความว่า เราไม่สามารถ generalise ผลชีวิตประจำวัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วิธี nomothetic ถือว่าเป็นวิทยาศาสตร์เนื่องจาก 'วัดที่แม่นยำการทำนายและการควบคุมพฤติกรรมการสืบสวนของกลุ่มใหญ่วัตถุประสงค์และวิธีการควบคุมที่ช่วยให้สำหรับการจำลองแบบและลักษณะทั่วไป เนื่องจากนี้จะได้ช่วยจิตวิทยากลายเป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้นโดยการพัฒนาทฤษฎีที่สามารถทดสอบได้สังเกตุ ซึ่งเป็นหนึ่งในเกณฑ์ที่สำคัญของวิทยาศาสตร์. อย่างไรก็ตามวิธี nomothetic จะมีข้อ จำกัด ของมัน มันได้รับการกล่าวหาว่ามีการสูญเสียสายตาของ 'คนทั้ง' เนื่องจากการใช้งานที่กว้างขวางของค่าเฉลี่ยของกลุ่ม นอกจากนี้ยังอาจให้ความเข้าใจที่ผิวเผินเป็นคนอาจแสดงพฤติกรรมเดียวกัน แต่สำหรับเหตุผลที่แตกต่าง ยกตัวอย่างเช่นในการศึกษา Milgrim เราสามารถมั่นใจได้ว่าพฤติกรรมทั้งหมดที่ปรากฏเป็นด้วยเหตุผลเดียวกันได้หรือไม่ข้อ จำกัด ของวิธีนี้ก็คือว่าการคาดการณ์สามารถทำเกี่ยวกับกลุ่ม แต่ไม่ใช่บุคคล บอกคนที่ว่าพวกเขามี 3 แห่งใน 100 โอกาสของโรคจิตเภทอาจจะไม่ใช้มากกับบุคคลที่. นอกจากนี้ยังมีศักยภาพตัวแปรรบกวนอ้างอิงกับบางส่วนของงานวิจัยที่ทำดังต่อไปนี้วิธีการ nomothetic เนื่องจากการที่กว้างขวางของเราศึกษาในห้องปฏิบัติการทดลองมักจะขาดความถูกต้องของระบบนิเวศซึ่งหมายความว่าเราไม่สามารถพูดคุยผลต่อชีวิตประจำวัน