Atoms are small enough that classic

Atoms are small enough that classical physics gives noticeably incorrect results. Through the development of physics, atomic models have incorporated quantum principles to better explain and predict the behavior.

Every atom is composed of a nucleus and one or more electrons bound to the nucleus. The nucleus is made of one or more protons and typically a similar number of neutrons (none in hydrogen-1). Protons and neutrons are called nucleons. Over 99.94% of the atom's mass is in the nucleus. The protons have a positive electric charge, the electrons have a negative electric charge, and the neutrons have no electric charge. If the number of protons and electrons are equal, that atom is electrically neutral. If an atom has more or fewer electrons than protons, then it has an overall negative or positive charge, respectively, and it is called an ion.

Electrons of an atom are attracted to the protons in an atomic nucleus by this electromagnetic force. The protons and neutrons in the nucleus are attracted to each other by a different force, the nuclear force, which is usually stronger than the electromagnetic force repelling the positively charged protons from one another. Under certain circumstances the repelling electromagnetic force becomes stronger than the nuclear force, and nucleons can be ejected from the nucleus, leaving behind a different element: nuclear decay resulting in nuclear transmutation.

The number of protons in the nucleus defines to what chemical element the atom belongs: for example, all copper atoms contain 29 protons. The number of neutrons defines the isotope of the element.[3] The number of electrons influences the magnetic properties of an atom. Atoms can attach to one or more other atoms by chemical bonds to form chemical compounds such as molecules. The ability of atoms to associate and dissociate is responsible for most of the physical changes observed in nature, and is the subject of the discipline of chemistry.

Not all matter in the universe is composed of atoms. Dark matter comprises more of the universe than matter, and is composed not of atoms, but of particles of a currently unknown type.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อะตอมมีขนาดเล็กพอที่ฟิสิกส์คลาสสิกให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้องอย่างเห็นได้ชัด ผ่านการพัฒนาฟิสิกส์ แบบจำลองอะตอมได้รวมหลักควอนตัมอธิบาย และทำนายพฤติกรรมดีขึ้นทุกอะตอมประกอบด้วยนิวเคลียสเป็นและหนึ่ง หรือมากกว่าอิเล็กตรอนกับนิวเคลียส ทำนิวเคลียสของโปรตอนอย่าง น้อยหนึ่ง และโดยทั่วไปคล้ายการ neutrons (ไม่มีในไฮโดรเจน-1) โปรตอนและ neutrons อยู่เรียกว่า nucleons กว่า 99.94% ของมวลของอะตอมอยู่ในนิวเคลียส โปรตอนมีประจุไฟฟ้าเป็นบวก อิเล็กตรอนมีประจุไฟฟ้าเป็นลบ และ neutrons มีประจุไฟฟ้าไม่ ถ้าจำนวนของโปรตอนและอิเล็กตรอนเท่ากัน อะตอมที่เป็นกลางด้วยระบบไฟฟ้า ถ้าอะตอมมีอิเล็กตรอนมากกว่า หรือน้อยกว่าโปรตอน แล้วมีค่าเป็นบวก หรือลบทั้งหมด ตามลำดับ และไอออนเรียกว่าอิเล็กตรอนของอะตอมจะดึงดูดกับโปรตอนในนิวเคลียสเป็นอะตอม โดยแรงแม่เหล็กนี้ โปรตอนและ neutrons ในนิวเคลียสจะดึงดูดกัน ด้วยแรงต่าง ๆ แรงนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นมักจะแรงกว่าแรงแม่เหล็กที่ต้านทานโปรตอนคิดค่าธรรมเนียมบวกกัน ภายใต้สถานการณ์บางอย่าง แรงแม่เหล็กไฟฟ้า repelling จะแรงกว่าแรงนิวเคลียร์ และ nucleons สามารถจะออกจากนิวเคลียส ออกจากด้านหลังเป็นองค์ประกอบที่แตกต่างกัน: สลายให้อนุภาคนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นในนิวเคลียสจำนวนโปรตอนในนิวเคลียสกำหนดว่าธาตุอะตอมอยู่: ตัวอย่าง อะตอมทองแดงทั้งหมดประกอบด้วย 29 โปรตอน จำนวน neutrons กำหนดไอโซโทปขององค์ประกอบ [3] จำนวนอิเล็กตรอนมีผลต่อคุณสมบัติแม่เหล็กของอะตอม อะตอมสามารถแนบกับอย่าง น้อยหนึ่งอะตอมอื่น ๆ โดยพันธบัตรเคมีแบบสารเคมีเช่นโมเลกุล ความสามารถของอะตอมในการเชื่อมโยง และ dissociate รับผิดชอบส่วนใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่สังเกตในธรรมชาติ และเป็นเรื่องวินัยของเคมีเรื่องทั้งหมดในจักรวาลประกอบด้วยอะตอม สสารมืดประกอบด้วยจักรวาลมากกว่าเรื่องเพิ่มเติม และส่วนประกอบ ของอะตอมไม่ แต่อนุภาคชนิดไม่รู้จักในขณะนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อะตอมมีขนาดเล็กพอที่ฟิสิกส์คลาสสิกให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้องอย่างเห็นได้ชัด ผ่านการพัฒนาของฟิสิกส์อะตอมรุ่นได้รวมหลักการควอนตัมที่ดีกว่าการอธิบายและคาดการณ์พฤติกรรม. อะตอมทุกประกอบด้วยนิวเคลียสและอิเล็กตรอนหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งผูกไว้กับนิวเคลียส นิวเคลียสที่ทำจากหนึ่งหรือมากกว่าโปรตอนและโดยทั่วไปจะมีจำนวนใกล้เคียงกันนิวตรอน (ไม่มีในไฮโดรเจน 1) โปรตอนและนิวตรอนนิวคลีออจะเรียกว่า กว่า 99.94% ของมวลของอะตอมที่อยู่ในนิวเคลียส โปรตอนมีประจุไฟฟ้าบวกอิเล็กตรอนมีประจุไฟฟ้าลบและนิวตรอนไม่มีค่าใช้จ่ายไฟฟ้า ถ้าจำนวนโปรตอนและอิเล็กตรอนเท่ากันอะตอมที่เป็นกลางทางไฟฟ้า ถ้าอะตอมมีอิเล็กตรอนมากขึ้นหรือน้อยกว่าโปรตอนแล้วมันมีค่าใช้จ่ายลบหรือบวกโดยรวมตามลำดับและจะเรียกว่าไอออน. อิเล็กตรอนของอะตอมจะดึงดูดให้โปรตอนในนิวเคลียสโดยแรงแม่เหล็กไฟฟ้านี้ โปรตอนและนิวตรอนในนิวเคลียสจะดึงดูดให้แต่ละอื่น ๆ โดยแรงที่แตกต่างกันแรงนิวเคลียร์ซึ่งมักจะแข็งแกร่งกว่าแรงแม่เหล็กไฟฟ้าต้านทานโปรตอนมีประจุบวกจากคนอื่น ภายใต้สถานการณ์บางอย่างการต้านทานแรงแม่เหล็กไฟฟ้าจะกลายเป็นดีกว่าแรงนิวเคลียร์และนิวคลีออสามารถพุ่งออกมาจากนิวเคลียสทิ้งไว้ข้างหลังองค์ประกอบที่แตกต่างกัน. ผุนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นในการแปลงร่างนิวเคลียร์จำนวนโปรตอนในนิวเคลียสกำหนดสิ่งที่องค์ประกอบทางเคมีอะตอมเป็นของ: ยกตัวอย่างเช่นทุกอะตอมทองแดงมี 29 โปรตอน จำนวนนิวตรอนกำหนดไอโซโทปขององค์ประกอบ. [3] จำนวนอิเล็กตรอนมีผลกับคุณสมบัติแม่เหล็กของอะตอม อะตอมสามารถแนบไปกับหนึ่งหรือมากกว่าอะตอมอื่น ๆ โดยพันธะเคมีในรูปแบบสารเคมีเช่นโมเลกุล ความสามารถของอะตอมที่จะเชื่อมโยงและแยกตัวออกเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่สังเกตได้ในธรรมชาติและเป็นเรื่องของระเบียบวินัยของเคมีที่. ไม่ทุกเรื่องในจักรวาลที่ประกอบด้วยอะตอม ประกอบด้วยสารมืดของจักรวาลอื่น ๆ กว่าเรื่องและไม่ได้ประกอบด้วยอะตอม แต่อนุภาคของชนิดที่ไม่รู้จักในปัจจุบัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อะตอมมีขนาดเล็กพอที่ฟิสิกส์คลาสสิกให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้องอย่างเห็นได้ชัด ผ่านการพัฒนาฟิสิกส์ โมเดลอะตอมได้รวมหลักการควอนตัมเพื่ออธิบายและทำนายพฤติกรรม

ทุกอะตอมประกอบด้วย นิวเคลียสและหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งอิเล็กตรอนถูกผูกไว้กับนิวเคลียสนิวเคลียสประกอบด้วยโปรตอนและหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่ง โดยทั่วไปจำนวนที่คล้ายกันของนิวตรอน ( ไม่มีใน hydrogen-1 ) โปรตอนและนิวตรอน เรียกว่า นินจุตสุ . กว่า 99.94 % ของมวลของอะตอมในนิวเคลียส โปรตอนมีประจุบวก ไฟฟ้าลบ อิเล็กตรอนมีประจุไฟฟ้าและนิวตรอนไม่มีประจุไฟฟ้า ถ้าจำนวนของโปรตอนและอิเล็กตรอนเท่ากันที่อะตอมเป็นกลางไฟฟ้า ถ้าอะตอมมีอิเล็กตรอนมากกว่าโปรตอนมากขึ้นหรือน้อยลง แล้วมันมีประจุลบหรือบวกโดยรวม ตามลำดับ และจะเรียกว่าเป็นไอออน

อิเล็กตรอนของอะตอมถูกดึงดูดโปรตอนในอะตอมนิวเคลียสด้วยแรงสนามแม่เหล็ก . โปรตอนและนิวตรอนในนิวเคลียสดึงดูดให้แต่ละอื่น ๆ ด้วยแรงที่แตกต่างกัน แรงนิวเคลียร์ซึ่งโดยปกติจะแข็งแกร่งกว่าแรงสนามแม่เหล็กการขับไล่ประจุบวกในโปรตอนจากที่อื่น ภายใต้สถานการณ์บางอย่างที่ขับไล่แม่เหล็กไฟฟ้าจะแข็งแกร่งกว่า แรงนิวเคลียร์ และนินจุตสุสามารถพุ่งออกมาจากนิวเคลียส ทิ้งองค์ประกอบที่แตกต่างกัน : นิวเคลียร์การสลายตัวที่เกิดในการแปรนิวเคลียส .

จำนวนโปรตอนในนิวเคลียส กำหนดว่าองค์ประกอบทางเคมีอะตอมเป็นของ : ตัวอย่างเช่นอะตอมทองแดงทั้งหมดประกอบด้วย 29 โปรตอน . กำหนดจำนวนนิวตรอนไอโซโทปของธาตุ . [ 3 ] จำนวนของอิเล็กตรอนที่มีผลต่อสมบัติทางแม่เหล็กของอะตอม อะตอมสามารถแนบหนึ่งหรือมากกว่าอะตอมโดยพันธะเคมีรูปสารประกอบทางเคมี เช่น โมเลกุลความสามารถของอะตอมที่จะเชื่อมโยงและแยกออกเป็นส่วนของการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่พบในธรรมชาติ และเป็นเรื่องของวินัยเคมี

ไม่ว่าในจักรวาลประกอบขึ้นจากอะตอม สสารมืดประกอบด้วยมากขึ้นกว่าเรื่องของจักรวาล และประกอบด้วยไม่ใช่ของอะตอม แต่อนุภาคของไม่รู้จักประเภทในปัจจุบัน