3.2.4. Positron Emission Tomography

3.2.4. Positron Emission Tomography (1990’s). The patient is injected with radioactive
isotopes that emit particles called positrons (anti-electrons). When a
positron meets an electron, the collision produces a pair of gamma ray photons
having the same energy but moving in opposite directions. From the position and
delay between the photon pair on a receptor, the origin of the photons can be
determined. While MRI and CT can only detect anatomical changes, PET is a
functional modality that can be used to visualize pathologies at the much finer
molecular level. This is achieved by employing radioisotopes that have different
rates of intake for different tissues. For example, the change of regional blood flow

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

3.2.4 การตรวจเอกซเรย์ปล่อยโพซิตรอน (ปี 1990) ผู้ป่วยจะฉีดด้วยไอโซโทปกัมมันตรังสี
ที่ปล่อยเรียกว่าอนุภาคโพสิตรอน (แอนตี้อิเล็กตรอน) เมื่อโพซิตรอน
ตรงกับอิเล็กตรอนชนผลิตคู่ของโฟตอนรังสีแกมมา
มีพลังงานเหมือนกัน แต่ย้ายไปในทิศทางตรงข้าม จากตำแหน่งและความล่าช้า
ระหว่างคู่โฟตอนที่รับมาของโฟตอนสามารถ
แน่นอน ในขณะที่ MRI และ CT สามารถตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงทางกายวิภาคสัตว์เลี้ยง
กิริยาทำงานที่สามารถนำมาใช้เพื่อให้มองเห็นในโรคที่ดีมาก
ระดับโมเลกุล นี้จะทำได้โดยการใช้สารไอโซโทปรังสีที่มีอัตราที่แตกต่างกัน
ของการบริโภคที่แตกต่างกันสำหรับเนื้อเยื่อ ตัวอย่างเช่นการเปลี่ยนแปลงของการไหลเวียนเลือดในระดับภูมิภาค

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

3.2.4. โพซิตรอน (1990 ของ) ผู้ป่วยจะฉีดกับกัมมันตรังสี
ไอโซโทปที่ปล่อยอนุภาคเรียกว่า positrons (ต่อต้านอิเล็กตรอน) เมื่อการ
โพซิตรอนอิเล็กตรอนตรง ชนสร้างคู่ของรังสีแกมมา photons
แรงเดียวกัน แต่ในทิศทางตรงข้าม จากตำแหน่ง และ
สามารถหน่วงเวลาระหว่างคู่โฟตอนในตัวรับ ต้นกำเนิดของ photons การ
กำหนด ขณะที่ MRI และ CT สามารถเฉพาะตรวจแปลงกายวิภาค PET จะเป็น
modality ทำงานที่ใช้ได้เห็นภาพ pathologies ที่ปลีกย่อยมาก
ระดับโมเลกุล การใช้ radioisotopes ที่แตกต่าง
อัตราการบริโภคในเนื้อเยื่อต่าง ๆ ตัวอย่าง การเปลี่ยนแปลงของการไหลเวียนของเลือดที่ระดับภูมิภาค

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

3.2.4 . การปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมองโปสิตรอน(ปี 1990 ) ผู้ป่วยที่ถูกฉีดด้วยวัตถุกัมมันตรังสีไอโซโทป
ซึ่งจะช่วยป้องกันสิ่งสกปรกที่ปล่อยออกมาเรียกว่า positrons ( anti - อิเล็กตรอนไปกระทบกับจอ) เมื่อ
โปสิตรอนที่ตรงกับอิเลคตรอนที่เกิดอุบัติเหตุจะมีคู่ของค่าแกมม่ารังสีโฟตอน
ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานได้เหมือนกันแต่การย้ายในทิศทางตรงกันข้าม จากตำแหน่งและ
ซึ่งจะช่วยการหน่วงเวลาระหว่างคู่โฟตอนที่อยู่บน receptor ที่มาของโฟตอนที่สามารถตอบแทน
กำหนด ในขณะที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า( MRI )และ( ct )สามารถตรวจพบการเปลี่ยนแปลงทางกาย วิภา คเท่านั้นเป็น
เต็มไปด้วยประโยชน์ใช้สอยแนวทางที่สามารถใช้ในการแสดง ภาพ ความวิปริตในระดับโมเลกุลดีกว่ากันเยอะ
ซึ่งจะช่วยได้ ซึ่งทำได้โดยใช้เรดิโอไอโวโทปที่มีแตกต่างกัน
อัตราของการ บริโภค สำหรับเนื้อเยื่อที่แตกต่าง ตัวอย่างเช่นการเปลี่ยนแปลงของการไหลเวียนของโลหิตในระดับ ภูมิภาค