Apicoplast DNA was first isolated f

Apicoplast DNA was first isolated from avian malaria parasite, Plasmodium lophurae, as a 35-kb extrachromosomal DNA fragment [27] and [28], but was initially considered as a mitochondrial DNA (mtDNA). More than 10 years later, other extrachromosomal linear DNA fragments, those around 6 kb in length, were isolated from other Plasmodium spp., and demonstrated to be genuine mtDNA [29] and [30]. Further characterization of the 35-kb DNA molecule showed that it was circular and sequence similarity and phylogenetic analyses suggested that it might be of plastid origin [31], [32] and [33]. Almost complete nucleotide sequences of the 35-kb DNA isolated from P. falciparum [21] and T. gondii (submitted to EMBL, U87145) demonstrated that the genes in the ribosomal operons encoded in the DNA are organized similarly to the plastid genome of red algae. Based on this evidence, the 35-kb DNA fragment was considered to be the plastid genome DNA of apicomplexans, but it was notable that the DNA fragment does not encode any genes related to photosynthesis. The apicomplexan plastid genome is likely to have lost photosynthetic protein-coding genes through adaptation to its parasitic life style during its long evolutionary history. Localization studies of the plastid-like DNA using T. gondii cells identified the multi-membranous structure, which had been known from previous electron microscopy studies, as plastid (apicoplast) of apicomplexans [34] and [35].

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Apicoplast ดีเอ็นเอเป็นครั้งแรกจากนกมาลาเรีย lophurae เดียม แยกเป็น 35 kb extrachromosomal DNA ส่วน [27] [28], แต่เป็นครั้งแรกถือเป็น DNA mitochondrial (mtDNA) มากกว่า 10 ปีหลัง อื่น ๆ extrachromosomal เส้น DNA fragments ผู้มีความยาวประมาณ 6 kb โดดเดี่ยวอื่น ๆ โอเดียม และแสดงให้เป็นของแท้ mtDNA [29] [30] คุณสมบัติเพิ่มเติมของโมเลกุลดีเอ็นเอ 35 kb แสดงให้เห็นว่า มันเป็นวงกลม และลำดับความคล้ายและการวิเคราะห์ phylogenetic แนะนำว่า มันอาจจะเป็นพลาสติดกำเนิด [31], [32] และ [33] นิวคลีโอไทด์ที่เกือบจะสมบูรณ์ลำดับของดีเอ็นเอ 35 kb ที่แยกต่างหากจาก P. falciparum [21] และต. gondii (ส่งมาที่ EMBL, U87145) แสดงให้เห็นว่ายีนใน operons ribosomal ที่เข้ารหัสในดีเอ็นเอการจัดการในทำนองเดียวกันกับกลุ่มพลาสติดของสาหร่ายสีแดง ตามหลักฐานนี้ ส่วนดีเอ็นเอ 35 kb ถูกถือเป็นพลาสติดจีโนม DNA ของ apicomplexans แต่ก็โดดเด่นว่า ส่วนดีเอ็นเอไม่เข้ารหัสยีนใดที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ด้วยแสง กลุ่มพลาสติด apicomplexan มีแนวโน้มที่ได้สูญเสียยีนโปรตีนรหัส photosynthetic ผ่านสไตล์ของเสียงฟู่เหมือนกาฝากการปรับตัวในช่วงประวัติศาสตร์ของวิวัฒนาการที่ยาวนาน ศึกษาแปลเอ็นพลาสติดเช่นใช้เซลล์ gondii ต.ระบุ membranous หลายโครงสร้าง ที่มีชื่อเสียงจากก่อนหน้า microscopy อิเล็กตรอนศึกษา เป็นพลาสติด (apicoplast) ของ apicomplexans [34] [35]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ดีเอ็นเอ Apicoplast ที่แยกแรกจากเชื้อมาลาเรียนก Plasmodium lophurae เป็นชิ้นดีเอ็นเอ extrachromosomal 35 กิโลไบต์ [27] ​​และ [28] แต่ได้รับการพิจารณาในขั้นต้นเป็นยลดีเอ็นเอ (mtDNA) มากกว่า 10 ปีต่อมาอื่น ๆ extrachromosomal ดีเอ็นเอเชิงเส้นเหล่านั้นประมาณ 6 กิโลในระยะเวลาที่แยกจากคนอื่น ๆ Plasmodium spp. และแสดงให้เห็นว่า mtDNA แท้ [29] และ [30] ลักษณะต่อไปของโมเลกุลดีเอ็นเอ 35 กิโลแสดงให้เห็นว่ามันเป็นความคล้ายคลึงกันเป็นวงกลมและลำดับและการวิเคราะห์สายวิวัฒนาการบอกว่ามันอาจจะเป็นแหล่งกำเนิดของพลาส [31], [32] และ [33] เกือบเสร็จสมบูรณ์ลำดับเบสของดีเอ็นเอ 35 กิโลแยกได้จาก P. falciparum [21] และ T. gondii (ส่งไป EMBL, U87145) แสดงให้เห็นว่ายีนใน operons โซมอลที่เข้ารหัสใน DNA มีการจัดงานเช่นเดียวกับจีโนมพลาสสีแดง ตะไคร่น้ำ ตามหลักฐานนี้ชิ้นดีเอ็นเอที่ 35 กิโลได้รับการพิจารณาให้เป็นดีเอ็นเอจีโนมของพลาส apicomplexans แต่มันก็เป็นที่น่าสังเกตว่าชิ้นดีเอ็นเอที่ไม่ได้เข้ารหัสยีนที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์แสง จีโนมพลา apicomplexan มีแนวโน้มที่จะมีการสูญเสียยีนโปรตีนสังเคราะห์เข้ารหัสผ่านการปรับตัวให้เข้ากับสไตล์ชีวิตปรสิตในช่วงประวัติศาสตร์วิวัฒนาการของมันยาว การศึกษารองรับหลายภาษาของดีเอ็นเอพลาเหมือนโดยใช้เซลล์ T. gondii ระบุโครงสร้างหลายเยื่อซึ่งเป็นที่รู้จักจากการศึกษากล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนก่อนหน้านี้เป็นพลาส (apicoplast) ของ apicomplexans [34] และ [35]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

apicoplast ดีเอ็นเอที่แยกได้ครั้งแรกจากนกปรสิตมาลาเรียพลาสโมเดียม lophurae เป็น 35 KB extrachromosomal ดีเอ็นเอส่วน [ 27 ] และ [ 28 ] แต่ตอนแรกถือว่าเป็นดีเอ็นเอ ( แสดง ) มากกว่า 10 ปีต่อมา อื่น ๆ extrachromosomal เส้นดีเอ็นเอที่ประมาณ 6 กิโลในความยาวที่แยกได้จากชนิดพลาสโมเดียม และอื่น ๆ ) จะแสดงของแท้ [ 29 ] และ [ 30 ]คุณสมบัติเพิ่มเติมของ 35 KB โมเลกุลดีเอ็นเอพบว่ามันเป็นวงกลมและความเหมือนและวิเคราะห์ลำดับ ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามันอาจจะเป็นที่มาของพลาสติด [ 31 ] [ 32 ] [ 33 ] เกือบสมบูรณ์ลำดับนิวคลีโอไทด์ของดีเอ็นเอที่แยกได้จากหน้า 35 กิโลปกติ [ 21 ] และ T . gondii ( ส่งให้สัตว ,u87145 ) พบว่า ยีนในไรโบโซม operons เข้ารหัสใน DNA จัดคล้ายกับจีโนมพลาสติดของสาหร่ายสีแดง บนพื้นฐานของหลักฐานนี้ 35 กิโลดีเอ็นเอถูกถือว่าเป็นพลาสติดจีโนมดีเอ็นเอของ apicomplexans แต่มันเป็นน่าสังเกตว่าชิ้นส่วนดีเอ็นเอที่ไม่ได้เข้ารหัสใดยีนที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์การ apicomplexan พลาสติดจีโนมมีแนวโน้มที่จะสูญเสียโปรตีนสังเคราะห์แสงการเข้ารหัสยีนผ่านการปรับตัวกับวิถีชีวิตของปรสิตในประวัติศาสตร์วิวัฒนาการของยาว จำกัดการศึกษาของพลาสติดเช่นดีเอ็นเอโดยใช้ ต. gondii เซลล์ระบุโครงสร้างด้านหลังหลายซึ่งเคยรู้จักจากการศึกษาด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนชนิดส่องกราดก่อนหน้านี้เป็นพลาสติด ( apicoplast ) ของ apicomplexans [ 34 ] และ [ 3 ]