We have found that social factors c

We have found that social factors can be central to the concerns of those with LBP and could
be drivers for more costly (to both the individual and to society) and complex sequelae, such
as depression. The lack of impetus to measure social factors could be indicative of a more
general failure to recognise the role or influence of society in the management of chronic pain
conditions. Geoffrey Rose discussed the merits of adopting the strategy of treating the sick
population rather than the sick individual [77]; yet so far, population targeted interventions
have hitherto been confined to only more obvious public health concerns such as heart
disease, smoking, and obesity. The more lateral-thinking future LBP clinical trialist might be
tempted to develop a back pain intervention that is aimed at changing population attitudes to
back pain. In order for the word ‘illness’ to become ‘wellness’ the ‘I’ must be changed for
‘We’ – by useful coincidence, such rhetoric may serve as an allegory for the sociological
changes that may be needed in order to shift the whole population pain distribution to the left,
reducing the burden, and in so doing helping sick individuals. One example approach might be the use of media-based interventions, similar to that which have been used in the UK since
2007 to change attitudes and reduce the stigma associated with mental health conditions
(http://www.time-to-change.org.uk/about-us/about-our-campaign/start-your-conversation-
2013), using a cluster trial design where randomisation is performed by broadcast region.
Alternatively, cluster trials of interventions targeted at the workplace to change culture and
attitudes could be explored, as was done in the Victorian Workcover back injury prevention
programme

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เราพบว่า ปัจจัยทางสังคมที่สามารถเป็นศูนย์กลางความกังวลด้วยแอลบีพี และสามารถมีไดรเวอร์สำหรับค่าใช้จ่าย (ทั้งบุคคล และสังคม) มากขึ้น และซับซ้อน sequelae เช่นเป็นโรคซึมเศร้า การขาดแรงผลักดันเพื่อวัดปัจจัยทางสังคมที่อาจจะส่อมากขึ้นความล้มเหลวทั่วไปจะรู้บทบาทหรืออิทธิพลของสังคมในการจัดการอาการปวดเรื้อรังเงื่อนไขการ ดอกกุหลาบนี่กล่าวถึงข้อดีของการใช้กลยุทธ์ของการรักษาผู้ป่วยประชากรมากกว่าบุคคลป่วย [77]; ยัง เพื่อห่างไกล ประชากรเป้าหมายของการรักษามีการจำกัดมาจนบัดไปสาธารณสุขเกี่ยวข้องที่ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้นเช่นหัวใจโรค สูบบุหรี่ และโรคอ้วน การคิดด้านข้างมากขึ้นในอนาคตแอลบีพีคลินิก trialist อาจล่อลวงให้แทรกแซงปวดหลังที่จะมุ่งเปลี่ยนแปลงทัศนคติของประชากรเพื่อพัฒนาอาการปวดหลัง การที่คำ 'เจ็บ' เป็น 'สุขภาพ' 'ฉัน' ต้องเปลี่ยนสำหรับ'เรา' – โดยมุ่งประโยชน์ สำนวนดังกล่าวอาจทำหน้าที่เป็นอุปมานิทัศน์เป็นการที่สังคมวิทยาการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะต้องเลื่อนการแจกแจงของประชากรทั้งหมดปวดด้านซ้ายภาระที่ลดลง และทำให้คนป่วย ตัวอย่างวิธีหนึ่งอาจใช้สื่อตามการแทรกแซง คล้ายกับที่ใช้ในสหราชอาณาจักรตั้งแต่2007 เพื่อเปลี่ยนแปลงทัศนคติ และลดคาวที่สัมพันธ์กับสุขภาพจิต(http://www.time-to-change.org.uk/about-us/about-our-campaign/start-your-conversation-2013), ใช้แบบทดลองใช้คลัสเตอร์ที่ทำ randomisation โดยออกอากาศภูมิภาคคลัสเตอร์การทดลองของงานวิจัยทำการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมหรือ และทัศนคติสามารถสำรวจ เป็นภายในป้องกันการบาดเจ็บที่หลัง Workcover วิคตอเรียนหลักสูตร

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เราพบว่าปัจจัยทางสังคมที่สามารถเป็นศูนย์กลางของความกังวลของผู้ที่มีอาการปวดหลังและอาจ
จะเป็นไดรเวอร์สำหรับค่าใช้จ่ายมากขึ้น
ภาวะซึมเศร้า ขาดแรงผลักดันในการวัดปัจจัยทางสังคมที่อาจจะบ่งบอกถึงการเพิ่มเติม
ความล้มเหลวทั่วไปที่จะรับรู้บทบาทหรืออิทธิพลของสังคมในการจัดการของอาการปวดเรื้อรัง
เงื่อนไข เจฟฟรีย์โรสกล่าวถึงประโยชน์ของการใช้กลยุทธ์ในการรักษาผู้ป่วยที่
มีประชากรมากกว่าบุคคลที่ป่วย แต่เพื่อให้ห่างไกลการแทรกแซงการกำหนดเป้าหมายประชากร
ได้รับมาจนบัดนี้ถูกคุมขังในความกังวลเรื่องสุขภาพของประชาชนเท่านั้นที่เห็นได้ชัดมากขึ้นเช่นหัวใจ
โรค ในอนาคตข้างคิดเพิ่มเติม
อยากที่จะพัฒนาแทรกแซงอาการปวดหลังที่มีวัตถุประสงค์ที่จะเปลี่ยนทัศนคติของประชากรที่จะ
ปวดหลัง เพื่อให้คำ' เจ็บป่วย' จะกลายเป็น' สุขภาพ' ' ฉัน' ต้องมีการเปลี่ยนแปลงสำหรับ' เรา' โดยบังเอิญที่มีประโยชน์สำนวนดังกล่าวอาจทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์สำหรับสังคมวิทยาการเปลี่ยนแปลงที่อาจมีความจำเป็นในการที่จะเปลี่ยนทั้ง ประชากรกระจายความเจ็บปวดไปทางซ้ายลดภาระและทำเพื่อช่วยให้บุคคลที่ป่วย วิธีการตัวอย่างหนึ่งที่อาจจะมีการใช้งานของการแทรกแซงสื่อตามคล้ายกับที่มีการใช้ในสหราชอาณาจักรตั้งแต่ปี โดยใช้การออกแบบการทดลองกลุ่มที่สุ่มจะดำเนินการตามภูมิภาคออกอากาศอีกวิธีหนึ่งคือการทดลองกลุ่มของการแทรกแซงการกำหนดเป้าหมายในสถานที่ทำงานมีการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและทัศนคติที่จะได้รับการสำรวจตามที่ได้ทำในวิคตอเรีย โปรแกรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เราได้พบว่า ปัจจัยทางสังคมที่สามารถเป็นศูนย์กลางในความกังวลของผู้ที่ปวดหลังและ
เป็นไดรเวอร์สำหรับค่าใช้จ่ายมากขึ้น ( ทั้งบุคคลและสังคม ) และซับซ้อนทางหัวใจ เช่น
เป็นดีเปรสชัน ขาดแรงกระตุ้นที่จะวัดปัจจัยทางสังคมได้แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวมากขึ้น
ทั่วไปตระหนักถึงบทบาทหรืออิทธิพลของสังคม ในการจัดการความเจ็บปวด
เงื่อนไขเรื้อรังเจฟฟรีย์โรส กล่าวถึงประโยชน์ของการใช้กลยุทธ์ในการรักษาประชากรป่วย
มากกว่าบุคคลป่วย [ 77 ] ; ยังห่างไกล ประชากรเป้าหมายการแทรกแซง
มีมาจนบัดนี้ถูกคับกว่าเห็นได้ชัด สาธารณสุขความกังวลเช่นโรคหัวใจ
, การสูบบุหรี่และโรคอ้วน การคิดเชิงอนาคตคลินิกปวดหลังมากขึ้น trialist อาจ
อยากพัฒนากลับความเจ็บปวดแทรกแซงที่มุ่งเปลี่ยนทัศนคติให้กับประชากร
ปวดหลัง ในการสั่งซื้อสำหรับคำว่า ' ป่วย ' กลายเป็น ' สุขภาพ ' ' ฉัน ' ต้องเปลี่ยน
–เรา ' โดยบังเอิญที่มีประโยชน์เช่นวาทศิลป์อาจใช้เป็นสัญลักษณ์สำหรับสังคมวิทยา
การเปลี่ยนแปลงที่อาจจะต้องเพื่อที่จะเปลี่ยนทั้งประชากรปวดกระจายไปทางซ้าย
การลดภาระ ทำให้ช่วยบุคคลที่ป่วย ตัวอย่างหนึ่ง วิธีการ อาจจะใช้สื่อตามการแทรกแซง , คล้ายกับที่ซึ่งถูกใช้ในอังกฤษตั้งแต่
2007 เพื่อเปลี่ยนทัศนคติและลดตราบาปที่เกี่ยวข้องกับสภาวะสุขภาพจิต
( http : / / www.time-to-change . org . uk / เกี่ยวกับเรา / เกี่ยวกับแคมเปญของเราเริ่มการสนทนา -
2013 )โดยใช้กลุ่มทดลอง การออกแบบที่ randomisation จะดําเนินการโดยออกอากาศภูมิภาค .
อีกวิธีหนึ่งคือ กลุ่มทดลอง โดยเป้าหมายในการทำงานเพื่อเปลี่ยนวัฒนธรรมและทัศนคติอาจจะสำรวจ
ดังที่ทำในวิคตอเรีย workcover กลับการป้องกัน
การบาดเจ็บรายการ