stop on Red, Go on GreenAt the begi

stop on Red, Go on Green
At the beginning of the twentieth century, traffic in big cities such as New York and London became busy and hectic. Carriages, wagons horses, and bicycles rushed in every direction, and then were joined by the newest toy of the wealthy, the "automobiles."
In those days, crossing a street used to be a real challenge for pedestrians. There were no rules for drivers. The New York Police Department had to create a special squad to handle traffic.Police officers stood at intersections and tried to direct the traffic, but very often they were run over by vehicles. By 1912, New York City had 38000 motor vehicles. Something had to be done about all the traffic on the streets!


In 1916, the first traffic tower was put up in New York, at the intersection of Fifth Avenue and 42nd Street. A traffic officer controlled three 500-watt lamps.They measured 40 centimeters in diameter, and they were red, amber, and green. However, at the time, red meant traffic in all directions had to stop, amber stopped only east-west traffic, and green stopped only north-south traffic. This was very confusing, so in 1924 the city adopted the system used in railroads: red for stop, green for go, and yellow for slow.This system became standard all over the world.


The first automatic traffic lights were installed in Wolverhampton, England, in 1927. Today computers control traffic lights, and road conditions are much better than they used to be. The only problem is when there is a power outage. The result is often confusion on the streets because the traffic lights don't work.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หยุดในสีแดง สีเขียวไปในตอนต้นของศตวรรษยี่สิบ จราจรในเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์กและลอนดอนกลายเป็นวุ่นวาย และน่าตื่นเต้น รถม้า รถบรรทุกม้า และจักรยานวิ่งในทุกทิศทาง และจากนั้น ได้เข้าร่วม โดยของเล่นใหม่ล่าสุดของร่ำรวย "รถ"ในวันนั้น ข้ามถนนที่ใช้เป็นความท้าทายที่แท้จริงสำหรับคนเดินเท้า ไม่มีกฎสำหรับโปรแกรมควบคุมได้ ที่กรมตำรวจนิวยอร์กมีการสร้างทีมพิเศษที่จัดการจราจร เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนอยู่ที่จุดตัด และพยายามการจราจรโดยตรง แต่มากมักจะถูกเรียกใช้ โดยยานพาหนะ โดย 1912 นิวยอร์กมีพาหนะ 38000 สิ่งที่มีการดำเนินการเกี่ยวกับการจราจรบนท้องถนนในปี 1916 อาคารจราจรแรกถูกนำขึ้นในนิวยอร์ก ที่จุดตัดของ Fifth Avenue และถนนที่ 42 เจ้าหน้าที่จราจรการควบคุมสามไฟ 500 วัตต์ พวกเขาวัดได้ 40 เซนติเมตรเส้นผ่านศูนย์กลาง และพวกเขาสีแดง เหลือง และสีเขียว อย่างไรก็ตาม ในเวลา จราจรสีแดงหมายถึงในทุกทิศทางมีการหยุด อำพันทำงานเพียงตะวันออกตะวันตก และเขียวหยุดการจราจรเหนือใต้เท่านั้น นี้กังวล ดังนั้นในปี 1924 เมืองนำระบบนี้ไปใช้ในการรถไฟ: สีแดงสำหรับหยุด สีเขียวสำหรับไป และสีเหลืองสำหรับช้า ระบบนี้กลายเป็นมาตรฐานทั่วโลกThe first automatic traffic lights were installed in Wolverhampton, England, in 1927. Today computers control traffic lights, and road conditions are much better than they used to be. The only problem is when there is a power outage. The result is often confusion on the streets because the traffic lights don't work.

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หยุดสีแดง ไปสีเขียวที่จุดเริ่มต้นของศตวรรษที่ยี่สิบ การจราจรในเมืองใหญ่เช่นนิวยอร์กและลอนดอนกลายเป็นยุ่งและวุ่นวาย รถม้าเกวียนม้า และจักรยานวิ่งในทุกทิศทางและจากนั้นได้เข้าร่วมกับของเล่นใหม่ของเศรษฐี , " รถยนต์ " .ในวันเหล่านั้น ข้ามถนนใช้เป็นความท้าทายที่แท้จริงสำหรับคนเดินเท้า ไม่มีกฎสำหรับไดรเวอร์ กรมตำรวจนิวยอร์กได้สร้างทีมพิเศษเพื่อจัดการจราจร ตำรวจที่ยืนอยู่บริเวณทางแยกและพยายามโบกรถ แต่มากมักจะถูกเรียกใช้โดยยานพาหนะ โดย 1912 นิวยอร์กได้ 38 , 000 รถยนต์มอเตอร์ สิ่งที่ต้องทำเกี่ยวกับการจราจรบนถนนในปี 1916 , หอการจราจร ก่อนถูกวางในนิวยอร์ก , ที่จุดตัดของถนนสายที่ 5 และถนน 42 เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจร 3 500 วัตต์ โคมไฟ มันวัดได้ 40 เซ็นติเมตร และมีสีแดง เหลือง และเขียว อย่างไรก็ตาม ในเวลา สีแดงหมายถึงการจราจรทุกเส้นทางต้องหยุด แอมเบอร์หยุดเพียง ตะวันออก - ตะวันตก และเหนือ - ใต้ เฉพาะสีเขียวหยุดการจราจรการจราจร นี้สับสนมาก ดังนั้นในปี 1924 เมืองเป็นระบบที่ใช้ในทางรถไฟ : แดงหยุด สีเขียวและสีเหลืองสำหรับช้าไป ระบบนี้กลายเป็นมาตรฐานทั่วโลกครั้งแรกที่สัญญาณไฟจราจรอัตโนมัติถูกติดตั้งใน Wolverhampton อังกฤษ 1927 . วันนี้คอมพิวเตอร์ควบคุมสัญญาณไฟจราจร และสภาพถนนดีขึ้นกว่าที่พวกเขาเคยเป็น ปัญหาคือเมื่อมีไฟฟ้าดับ ผลที่ได้คือมักจะสับสนกับถนนเพราะสัญญาณไฟจราจรไม่ทำงาน