In 1992, Lewick et al. similarly ar

In 1992, Lewick et al. similarly argued that the literature tends to emphasize responses to conflict after it becomes manifest rather than anticipating conflict and seeking to address it prior to its manifestation. More recently, Rahim (2002, 2010) argued that the conflict management literature on organizations is deficient when it comes to identifying strategies for managing conflict at the macrolevel in organizations. More specifically, he argued that attention needs to be given to organizational cultures and organizational structures and the ways in which these could contribute to the constructive management of conflicts. Finally, Mayer and Louw (2012, 3) contended that the narrow focus on resolving disagreements does not allow for a more holistic focus on “continuous transformation.” While they themselves do not elaborate on what should be the center of focus for continuous transformation, Lederach (1997, 2004), who coined the term conflict transformation, asserts that relationships are central.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ใน 1992, Lewick et al. คล้ายโต้เถียงว่า วรรณกรรมที่มีแนวโน้มเน้นขัดหลังจากนั้นรายการมากกว่าการสนองความขัดแย้ง และการแสวงหาที่อยู่ก่อนยามของการตอบสนอง เมื่อเร็ว ๆ นี้ Rahim (2002, 2010) โต้เถียงเอกสารประกอบการจัดการความขัดแย้งในองค์กรว่าขาดสารเมื่อมันมาถึงการกำหนดกลยุทธ์ในการบริหารความขัดแย้งที่ macrolevel ในองค์กร อื่น ๆ โดยเฉพาะ เขาโต้เถียงว่า สนใจต้องกำหนดวัฒนธรรมองค์กรโครงสร้างองค์กร และวิธีการที่เหล่านี้อาจนำไปสู่การบริหารความขัดแย้งที่สร้างสรรค์ สุดท้าย Louw และเมเยอร์ (2012, 3) contended ที่ แคบเน้นการแก้ไขความขัดแย้งไม่อนุญาต "อย่างต่อเนื่องการแปลง" เน้นแบบองค์รวมมากขึ้น ในขณะที่ตัวเองไม่อธิบายรายละเอียดอะไรควรเป็นศูนย์กลางของโฟกัสสำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง Lederach (1997, 2004), ซึ่งเป็นการแปลงความขัดแย้ง คำยืนยันว่า ความสัมพันธ์เป็นศูนย์กลางการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในปี 1992 Lewick และคณะ เป็นที่ถกเถียงกันในทำนองเดียวกันว่าวรรณกรรมมีแนวโน้มที่จะเน้นการตอบสนองต่อความขัดแย้งหลังจากที่มันจะกลายเป็นที่ประจักษ์มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ความขัดแย้งและกำลังมองหาที่อยู่มันก่อนที่จะมีการรวมตัวกันของ เมื่อเร็ว ๆ นี้ฮิม (2002, 2010) แย้งว่าวรรณกรรมการจัดการความขัดแย้งในองค์กรขาดเมื่อมันมาถึงการระบุกลยุทธ์สำหรับการจัดการความขัดแย้งที่ macrolevel ในองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาแย้งว่าความสนใจความต้องการที่จะมอบให้กับวัฒนธรรมขององค์กรและโครงสร้างองค์กรและวิธีการในการที่เหล่านี้อาจนำไปสู่​​การสร้างสรรค์การจัดการความขัดแย้ง ในที่สุดเมเยอร์และ Louw (2012, 3) เกี่ยงว่าโฟกัสแคบในการแก้ปัญหาความขัดแย้งไม่อนุญาตให้มีการมุ่งเน้นองค์รวมมากขึ้นในหัวข้อ "การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง." ในขณะที่พวกเขาเองไม่ได้ทำอย่างละเอียดในสิ่งที่ควรจะเป็นศูนย์กลางของการมุ่งเน้นสำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง Lederach (1997, 2004) ใครเป็นคนบัญญัติการเปลี่ยนแปลงความขัดแย้งระยะอ้างว่ามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กลาง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในปี 1992 lewick et al . ในทํานองเดียวกัน แย้งว่า วรรณกรรมจึงเน้นการตอบสนองต่อความขัดแย้งหลังจากที่มันกลายเป็นแสดงรายการมากกว่าการคาดการณ์ความขัดแย้งและหาที่อยู่ก่อนของเครื่อง เมื่อเร็วๆ นี้ ฮิม ( 20022010 ) แย้งว่า วรรณกรรมการจัดการความขัดแย้งในองค์กรที่ขาด เมื่อมันมาถึงการกำหนดกลยุทธ์ในการจัดการความขัดแย้งใน macrolevel ในองค์กร มากขึ้นโดยเฉพาะ เขาแย้งว่า ความสนใจ ความต้องการที่จะให้วัฒนธรรมองค์กรและโครงสร้างขององค์กรและวิธีการที่เหล่านี้สามารถมีส่วนร่วมในการจัดการเรื่องของความขัดแย้ง ในที่สุดเมเยอร์ และลู ( 2012 , 3 ) ยืนยันว่าโฟกัสแคบในการแก้ไขความขัดแย้งไม่ได้ให้ความสำคัญแบบองค์รวมมากขึ้นในการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่พวกเขาเองไม่ได้ซับซ้อนอะไรควรเป็นศูนย์กลางของโฟกัสสำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง lederach ( 1997 , 2004 ) ที่ชื่อว่า ความขัดแย้งระยะยาว การยืนยันว่า ความสัมพันธ์ที่เป็นกลาง