SWNTs are typically only a few nano

SWNTs are typically only a few nanometers in diameter (0.4 to 3 nm), but MWNTs can be from about 1.4 nm to over 100 nm in diameter, depending on the number of concentric nanotubes making up the bundle (Baughman et al., 2002). However, carbon nanotubes can be from nanometers to millimeters or even microns in length, depending on how they are made. The length-to-diameter ratio typically exceeds 10,000 in most preparations. This unique molec- ular structure results in fascinating properties, which include extremely high tensile strength, electrical conductivity (or even semiconductor properties, depending on how the graphene sheet is wrapped), resistance to heat, and a great deal of chemical robustness. Nanotubes are being explored for use in applications ranging from electronics, optics, material science, bio- medicine, biosensors, hydrogen storage, and nanoelectromechanical systems (NEMS) fabrica- tion. The rate of growth in nanotube related patents and publications have been nearly on an exponential increase since the early 1990s, demonstrating the broad applications they can be used in (Baughman et al., 2002; Park et al., 2003).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

SWNTs โดยทั่วไปมีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงไม่กี่ nanometers (0.4 ถึง 3 nm), แต่ MWNTs จากประมาณ 1.4 nm กว่า 100 nm เส้นผ่านศูนย์กลาง ขึ้นอยู่กับจำนวน nanotubes concentric ทำขึ้นกลุ่ม (Baughman et al., 2002) อย่างไรก็ตาม คาร์บอน nanotubes สามารถจาก nanometers มิลลิเมตรหรือ microns แม้ยาว ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะทำ อัตราส่วนความยาวต่อเส้นเกิน 10000 ในเตรียมส่วนใหญ่โดยทั่วไป โครงสร้างนี้เฉพาะ molec-ular ผลลัพธ์ในคุณสมบัติน่าสนใจ ซึ่งรวมถึงแรงสูง ค่าการนำไฟฟ้า (หรือแม้แต่สารกึ่งตัวนำ คุณสมบัติ ขึ้นอยู่กับวิธีห่อแผ่น graphene), ทนต่อความร้อน และเสถียรภาพทางเคมีมาก มีการสำรวจ Nanotubes สำหรับใช้ในงานอิเล็กทรอนิกส์ เลนส์ วัสดุศาสตร์ ยาไบโอ biosensors เก็บไฮโดรเจน และ nanoelectromechanical ระบบ (NEMS) fabrica สเตรชัน อัตราการเจริญเติบโตในท่อนาโนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิบัตรและสิ่งพิมพ์ได้เกือบบนเพิ่มเนนตั้งแต่ช่วงปี 1990 เห็นโปรแกรมประยุกต์กว้างจะสามารถใช้ได้ใน (Baughman et al., 2002 พาร์คและ al., 2003)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

SWNTs โดยทั่วไปจะมีเพียงไม่กี่นาโนเมตรในเส้นผ่าศูนย์กลาง (0.4 หรือไม่ 3 นาโนเมตร) แต่ MWNTs ได้จากประมาณ 1.4 นาโนเมตรกว่า 100 นาโนเมตรในเส้นผ่าศูนย์กลางขึ้นอยู่กับจำนวนของท่อนาโนศูนย์กลางทำขึ้นมัด (Baughman และคณะ. 2002 ) แต่ท่อนาโนคาร์บอนได้จากนาโนเมตรที่จะมิลลิเมตรไมครอนหรือแม้กระทั่งในระยะเวลาขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะทำ อัตราส่วนความยาวต่อเส้นผ่าศูนย์กลางมักจะเกิน 10,000 ในการเตรียมมากที่สุด ไม่ซ้ำกันนี้ผลโครงสร้าง Molec-แล้วก็คลายในคุณสมบัติที่น่าสนใจซึ่งรวมถึงความแข็งแรงทนแรงดึงสูงมากการนำไฟฟ้า (หรือแม้แต่คุณสมบัติของสารกึ่งตัวนำขึ้นอยู่กับว่าแผ่นกราฟีนเป็นห่อ), ความต้านทานต่อความร้อนและการจัดการที่ดีของความทนทานต่อสารเคมี ท่อนาโนมีการสำรวจเพื่อใช้ในการใช้งานตั้งแต่อิเล็กทรอนิกส์, เลนส์, วัสดุศาสตร์ชีวภาพยาไบโอเซนเซอร์ที่เก็บไฮโดรเจนและระบบ nanoelectromechanical (NEMS) Fabrica-tion อัตราการเจริญเติบโตในการจดสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับนาโนและสิ่งพิมพ์ที่ได้รับเกือบเพิ่มขึ้นชี้แจงตั้งแต่ต้นปี 1990 แสดงให้เห็นถึงการใช้งานที่กว้างที่พวกเขาสามารถใช้ในการ (Baughman et al, 2002;.. พาร์ตอัล, 2003)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

swnts มักจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพียงไม่กี่นาโนเมตร ( 0.4 ถึง  3 nm ) แต่ MWNTs ได้ประมาณ 1.4 nm กว่า 100 nm ขนาดขึ้นอยู่กับจำนวนของศูนย์นาโนสร้าง Bundle ( บอเมิน et al . , 2002 ) อย่างไรก็ตาม ท่อนาโนคาร์บอนสามารถจากนาโนเมตรเพื่อมิลลิเมตร หรือแม้แต่ไมครอนความยาวขึ้นอยู่กับวิธีที่พวกเขาจะทำความยาวต่อเส้นผ่าศูนย์กลางมักจะเกินกว่า 10 , 000 ในการเตรียมการมากที่สุด นี้ที่ไม่ซ้ำกัน molec - โครงสร้าง ular ผลลัพธ์ในคุณสมบัติที่น่าสนใจซึ่งรวมถึงแรงดึงสูงมาก การนำไฟฟ้า ( หรือแม้แต่สารกึ่งตัวนำคุณสมบัติขึ้นอยู่กับว่าแผ่นกราฟีนเป็นห่อ ) ทนความร้อน และจัดการที่ดีของความแข็งแกร่งทางเคมีนาโนถูกสำรวจเพื่อใช้ในการใช้งานตั้งแต่ อิเล็กทรอนิกส์ ด้านวัสดุศาสตร์ ไบโอ - ยา ไบโอเซนเซอร์ , ไฮโดรเจน กระเป๋า และระบบ nanoelectromechanical ( nems ) โรงงาน - tion . อัตราการเจริญเติบโตในท่อนาโนสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องและสิ่งพิมพ์ที่ได้รับเกือบมีเพิ่มขึ้นชี้แจงตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1990แสดงให้เห็นถึงการใช้งานคร่าว ๆ พวกเขาสามารถใช้ในการ ( บอเมิน et al . , 2002 ; ปาร์ค et al . , 2003 )