Japan's de facto national sport (al

Japan's de facto national sport (although this is not an official status) is the enthralling and at times bewildering spectacle that is sumo.
Deeply rooted in Japan's culture, sumo has a history of over 1,500 years. Legend has it that the very survival of the Japanese people balanced on the outcome of a sumo match between the gods, and indeed sumo originated as a form of Shinto ritual. Though it has developed into a professional sport, elements of these rituals are still apparent, from the use of salt to purify the ring, to the shrine-like roof hanging above.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ของญี่ปุ่นพฤตินัยกีฬาแห่งชาติ (แม้ว่านี้ไม่ใช่สถานะทางการ) เป็นทาส และสร้างความสับสนในบางครั้งปรากฏการณ์ที่ซูโม่รากลึกในวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ซูโม่มีประวัติศาสตร์กว่า 1,500 ปี ตำนานเล่าว่า การอยู่รอดของคนญี่ปุ่นมากสมดุลกับผลของการแข่งขันซูโม่ระหว่างพระเจ้า และแน่นอนซูโม่มาเป็นแบบของชินโต แม้ว่ามันได้กลายมาเป็นกีฬาอาชีพ องค์ประกอบของพิธีกรรมเหล่านี้จะยังคงชัดเจน จากการใช้เกลือให้บริสุทธิ์แหวน ที่แขวนไว้เหนือหลังคาเหมือนศาลเจ้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ของญี่ปุ่นโดยพฤตินัยกีฬาแห่งชาติ (แม้ว่านี้ไม่ได้เป็นสถานะอย่างเป็นทางการ) เป็นทาสและในบางครั้งทำให้สับสนปรากฏการณ์ที่เป็นซูโม่.
ที่ฝังรากลึกในวัฒนธรรมของญี่ปุ่นซูโม่มีประวัติกว่า 1,500 ปีที่ผ่านมา ตำนานเล่าว่าความอยู่รอดมากของคนญี่ปุ่นมีความสมดุลกับผลของการแข่งขันซูโม่ระหว่างเหล่าทวยเทพและแน่นอนซูโม่มาเป็นรูปแบบของพิธีกรรมศาสนาชินโต แม้ว่าจะมีการพัฒนาให้เป็นกีฬาอาชีพองค์ประกอบของพิธีกรรมเหล่านี้ยังคงเห็นได้ชัดจากการใช้เกลือในการชำระล้างแหวนหลังคาศาลเหมือนแขวนอยู่ข้างต้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ญี่ปุ่นพฤตินัยกีฬาแห่งชาติ ( แม้ว่านี้ไม่ได้เป็นข้าราชการ ) เป็นทาสและเวลากับปรากฏการณ์ที่ซูโม่ที่ฝังรากลึกในวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ซูโม่ มีประวัติกว่า 1 , 500 ปี ตำนานกล่าวว่า การอยู่รอดของคนญี่ปุ่นที่สมดุลในผลของซูโม่ คู่ระหว่าง เทพ และแน่นอน ซูโม่มาเป็นรูปแบบของชินโตพิธีกรรม แม้ว่ามันได้พัฒนาเป็นกีฬาอาชีพ , องค์ประกอบของพิธีกรรมเหล่านี้จะยังคงชัดเจน จากการใช้เกลือบริสุทธิ์ของแหวน , ไปศาลเจ้าเหมือนหลังคาแขวนด้านบน