The Salt MarchAfter remaining away

The Salt March

After remaining away from active politics during much of the latter 1920s, Gandhi returned in 1930 to protest Britain’s Salt Acts, which not only prohibited Indians from collecting or selling salt—a staple of the Indian diet—but imposed a heavy tax that hit the country’s poorest particularly hard. Gandhi planned a new Satyagraha campaign that entailed a 390-kilometer/240-mile march to the Arabian Sea, where he would collect salt in symbolic defiance of the government monopoly.

“My ambition is no less than to convert the British people through non-violence and thus make them see the wrong they have done to India,” he wrote days before the march to the British viceroy, Lord Irwin. Wearing a homespun white shawl and sandals and carrying a walking stick, Gandhi set out from his religious retreat in Sabarmati on March 12, 1930, with a few dozen followers. The ranks of the marchers swelled by the time he arrived 24 days later in the coastal town of Dandi, where he broke the law by making salt from evaporated seawater.

The Salt March sparked similar protests, and mass civil d

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีนาคมเกลือหลังจากเหลือจากงานเมืองมากหลังปี 1920 คานธีกลับใน 1930 เพื่อ ประท้วงการกระทำของเกลือของสหราชอาณาจักร ซึ่งไม่เพียงแต่ห้ามอินเดียรวบรวม หรือการขายเกลือซึ่งตั๋วเย็บกระดาษของอาหารอินเดีย — แต่กำหนดภาษีหนักที่ตียากจนที่สุดของประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งยาก คานธีวางแผนแคมเปญ Satyagraha ใหม่ที่ entailed มีนาคม 390 กิโลเมตร/240-ไมล์ทะเลอาหรับ ซึ่งเขาจะเก็บเกลือในสมัยสัญลักษณ์ของรัฐบาลผูกขาด "ความใฝ่ฝันของฉันคือไม่น้อยกว่าแปลงคนผ่านไม่ใช่ความรุนแรง และทำ ให้ดูไม่ถูกต้องจะทำให้อินเดีย เขาเขียนวันก่อนมีนาคมเพื่อรอยอังกฤษ พระหนุ่ม ใส่สไบขาวครกและรองเท้าแตะ และไม้เท้าที่ถือครอง คานธีได้ออกจากสถานที่พักผ่อนของเขาศาสนาใน Sabarmati บน 12 มีนาคม 1930 กับติดตามกี่โหล ยศของ marchers ที่ swelled ตามเวลาที่เขามาถึงวันที่ 24 หลังชายฝั่งเมืองของดนัย ที่เขายากจนกฎหมาย โดยทำให้เกลือจากน้ำทะเลหายไปมีนาคมเกลือจุดประกายคล้ายประท้วง และ d มวลประชา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เกลือมีนาคมหลังจากที่เหลือออกไปจากการเมืองที่ใช้งานมากในช่วงปี ค.ศ. 1920 หลังคานธีกลับมาในปี 1930 เพื่อประท้วงการกระทำเกลือของสหราชอาณาจักรซึ่งไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่อินเดียจากการเก็บรวบรวมหรือขายเกลือเป็นแก่นของอินเดียอาหาร แต่กำหนดภาษีหนักที่ ตีที่ยากจนที่สุดของประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งยาก คานธีวางแผนแคมเปญ Satyagraha ใหม่ที่ยก 390 กิโลเมตร / เดือนมีนาคม 240 ไมล์ทะเลอาหรับที่เขาจะเก็บเกลือในการต่อต้านการผูกขาดสัญลักษณ์ของรัฐบาล. "ความใฝ่ฝันของฉันคือไม่น้อยกว่าการแปลงคนอังกฤษไม่ผ่าน ความรุนแรงและทำให้พวกเขาเห็นผิดพวกเขาได้กระทำไปยังประเทศอินเดีย "เขาเขียนไว้วันก่อนที่จะเดินขบวนไปยังอุปราชอังกฤษลอร์ดเออร์วิน สวมผ้าคลุมไหล่สีขาวทอและรองเท้าแตะและถือไม้เท้าคานธีได้ออกจากสถานที่พักผ่อนทางศาสนาของเขาใน Sabarmati วันที่ 12 มีนาคม 1930 มีผู้ติดตามไม่กี่โหล จัดอันดับของแห่เพิ่มขึ้นตามเวลาที่เขามาถึง 24 วันต่อมาในเมืองชายฝั่งทะเลของ Dandi ที่เขายากจนกฎหมายโดยการทำเกลือจากน้ำทะเลระเหย. เกลือมีนาคมจุดประกายการประท้วงที่คล้ายกันและ d มวลประชา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เดินขบวนเกลือ

หลังจากเหลือออกไปจากการเมืองอยู่ในช่วงหลังปี ค.ศ. 1920 ของคานธีกลับมาในปี 1930 เพื่อประท้วงการกระทำของเกลือของสหราชอาณาจักรซึ่งไม่เพียง แต่ห้ามคนอินเดียเก็บหรือขาย salt-a หลักของอาหารอินเดีย แต่กำหนดภาษีหนักชนของประเทศยากจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งยากคานธี วางแผนใหม่ในพระพุทธศาสนา แคมเปญ entailed 390 กิโลเมตร / 240 ไมล์มีนาคมทะเลอาหรับ , ที่ซึ่งเขาจะเก็บเกลือเป็นสัญลักษณ์ของรัฐบาลในการต่อต้านการผูกขาด

" ความทะเยอทะยานของผมคือไม่น้อยกว่าแปลงชาวอังกฤษผ่านปลอดความรุนแรงและทำให้พวกเขาดูผิดพวกเขาทำกับอินเดีย , " เขาเขียน วัน ก่อนวันที่ท่านอุปราชอังกฤษลอร์ดเออร์วิน .การสวมใส่ผ้าคลุมไหล่สีขาวอธิบายและรองเท้าแตะและถือไม้เท้า คานธี ออกไปจากศาสนาของเขาใน Sabarmati ถอยเมื่อวันที่ 12 มีนาคมค.ศ. 1930 กับโหลผู้ติดตามไม่กี่คน การจัดอันดับของแห่บวมตามเวลาที่เขามาถึง 24 วันต่อมาในเมืองชายฝั่งทะเลในที่เขาทำผิดกฏหมายโดยการทำเกลือจากน้ำทะเลระเหย

เดินขบวนเกลือจุดประกายการประท้วงคล้ายกันและมวลแพ่งกุล