1. It drives inflation much higher.

1. It drives inflation much higher. This is the biggest concern around quantitative easing. As more money circulates through the economy, prices rise. Why? While the supply of money increases, the supply of goods remains the same. Thus, the competition for each good increases, leading to increased prices, which in turn leads to inflation. Excessive inflation leads to distortion of prices and incomes, and can cause an economy to operate inefficiently.
2. It creates havoc with international trade. Newly printed money can be used by the government and consumers to import new goods and services from other countries. These goods and services are more or less coming in for free. Sounds like a great deal, right? The problem is that sooner or later other countries end up getting sick of exchanging goods and services for what they feel are worthless sheets of paper. In other words, the value of the importer’s currency decreases, which can discourage exporters. For example, China stopped exporting valuable minerals to the U.S. due to its quantitative easing program.
3. Threat to the U.S. dollar. Many countries get frustrated with attempts at currency manipulation like quantitative easing. They feel that these practices reflect an inability by the country to generate real growth and to honor debts. For example, other countries have become weary of lending the U.S. more money. Also, the status of the U.S. dollar as the world reserve currency is in jeopardy, likely because of quantitative easing.
4. Benefits don’t outlast QE programs. When the central bank stops printing money, the recovery often gets put on hold, or worse, begins to reverse. Although the hope is that new consumer confidence will inspire a real recovery, many feel these programs are only a short-term fix. This effect is exhibited by the fact that stock markets often fall when it is announced or speculated that the quantitative easing program will be brought to an end.
5. Encourages debt. Another key worry about quantitative easing is that the increased money supply and low interest rates encourage additional borrowing by both consumers and businesses.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

1.ไดรฟ์อัตราเงินเฟ้อสูง นี่คือความกังวลที่ใหญ่ที่สุดรอบผ่อนคลายเชิงปริมาณ เป็นเงินเพิ่มเติมหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ราคาขึ้น ทำไม ในขณะที่อุปทานของเงินเพิ่มขึ้น การจัดหาวัสดุของสินค้ายังคงเหมือนเดิม ดังนั้น การแข่งขันสำหรับแต่ละเพิ่มดี นำไปเพิ่มราคา ซึ่งจะนำไปสู่อัตราเงินเฟ้อ เงินเฟ้อมากเกินไปให้บิดเบือนของราคาและรายได้ และสามารถทำให้เศรษฐกิจการทิ้งไปอย่างสิ้นเปลือง2.สร้างความเสียหายกับการค้าระหว่างประเทศ สามารถใช้เงินที่พิมพ์ใหม่ โดยรัฐบาลและผู้บริโภคการนำเข้าสินค้าใหม่และบริการจากประเทศอื่น ๆ สินค้าและบริการเหล่านี้จะมาก หรือน้อยมาในฟรี เสียงเช่นโปรโมชั่น ขวา ปัญหาคือ ช้าประเทศท้ายรับป่วยของแลกเปลี่ยนสินค้า และบริการสำหรับสิ่งที่พวกเขารู้สึกว่ามีแผ่นสามหาวของกระดาษ ในคำอื่น ๆ ค่าของสกุลเงินของผู้นำเข้าลด ซึ่งสามารถกีดกันผู้ส่งออก ตัวอย่าง จีนหยุดส่งออกแร่ธาตุที่มีคุณค่าไปยังสหรัฐอเมริกาเนื่องจากโปรแกรมทำการเชิงปริมาณ3. คุกคามดอลลาร์สหรัฐ หลายประเทศได้รับผิดหวังกับความพยายามที่จัดการสกุลเงินเช่นผ่อนคลายเชิงปริมาณ พวกเขารู้สึกว่า ปฏิบัติเหล่านี้สะท้อนถึงการไม่สามารถ โดยประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตที่แท้จริง และจะกู้ ตัวอย่าง ประเทศอื่น ๆ ได้เป็นหลักของสหรัฐฯ ให้ยืมเงิน ยัง สถานะของเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินสำรองของโลกเป็นตรีทูต อาจเนื่องจากการผ่อนคลายเชิงปริมาณ4. ประโยชน์ไม่ outlast โปรแกรม QE เมื่อธนาคารกลางพิมพ์เงิน การกู้คืนได้รับใส่ระงับ หรือแย่ลงบ่อย เริ่มที่จะกลับ แม้ว่าความหวังจะให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคใหม่จะสร้างแรงบันดาลใจฟื้นตัวจริง มากรู้สึกว่า โปรแกรมเหล่านี้จะแก้ไขปัญหาระยะสั้นเท่านั้น ลักษณะพิเศษนี้จะจัดแสดงความจริงที่ว่า ตลาดหุ้นมักจะตกเมื่อมีประกาศ หรือคาดว่า จะนำโปรแกรมทำเชิงปริมาณสิ้นสุด5. สนับสนุนให้หนี้ ความกังวลหลักอื่นเกี่ยวกับการผ่อนคลายเชิงปริมาณจะว่า อุปทานของเงินเพิ่มขึ้นและอัตราดอกเบี้ยต่ำให้กู้ยืมเงินเพิ่มเติม โดยผู้บริโภคและธุรกิจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1. ผลักดันอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมาก นี่คือความกังวลที่ใหญ่ที่สุดทั่วผ่อนคลายเชิงปริมาณ ในฐานะที่เป็นเงินได้มากขึ้นไหลเวียนผ่านเศรษฐกิจราคาสูงขึ้น ทำไม? ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของอุปทานของเงินอุปทานของสินค้ายังคงเหมือนเดิม ดังนั้นการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นสำหรับแต่ละที่ดีนำไปสู่ราคาที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ อัตราเงินเฟ้อมากเกินไปจะนำไปสู่การบิดเบือนของราคาและรายได้และอาจทำให้เศรษฐกิจในการดำเนินงานไม่ได้ผล.
2 มันจะสร้างความเสียหายกับการค้าระหว่างประเทศ พิมพ์เงินใหม่สามารถนำมาใช้โดยรัฐบาลและผู้บริโภคเพื่อนำเข้าสินค้าและบริการใหม่ ๆ จากประเทศอื่น ๆ สินค้าและบริการเหล่านี้จะมากหรือน้อยกว่ามาได้ฟรี เสียงเหมือนการจัดการที่ดีใช่มั้ย? ปัญหาคือว่าไม่ช้าก็เร็วประเทศอื่น ๆ จบลงด้วยการป่วยของการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการสำหรับสิ่งที่พวกเขารู้สึกว่ามีแผ่นกระดาษไร้ค่า ในคำอื่น ๆ ค่าของสกุลเงินผู้นำเข้าลดลงซึ่งสามารถกีดกันผู้ส่งออก ตัวอย่างเช่นประเทศจีนหยุดการส่งออกแร่ธาตุที่มีคุณค่าไปยังสหรัฐอเมริกาเนื่องจากโปรแกรมการผ่อนคลายเชิงปริมาณของมัน.
3 ภัยคุกคามต่อดอลลาร์สหรัฐ หลายประเทศได้รับผิดหวังกับความพยายามที่จะจัดการสกุลเงินเช่นมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ พวกเขารู้สึกว่าการปฏิบัติเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการไร้ความสามารถตามประเทศในการสร้างการเจริญเติบโตที่แท้จริงและเพื่อเป็นเกียรติแก่หนี้ ตัวอย่างเช่นประเทศอื่น ๆ ได้กลายเป็นที่เบื่อหน่ายของการให้กู้ยืมเงินได้มากขึ้นของสหรัฐ นอกจากนี้สถานะของเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินสำรองของโลกอยู่ในอันตรายเนื่องจากการผ่อนคลายเชิงปริมาณ.
4 ประโยชน์ที่ได้รับไม่ได้อยู่ได้นานกว่าโปรแกรม QE เมื่อธนาคารกลางหยุดพิมพ์เงิน, การกู้คืนมักจะได้รับวางไว้หรือแย่ลงเริ่มต้นที่จะย้อนกลับ แม้ว่าความหวังคือการที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใหม่จะสร้างแรงบันดาลใจการกู้คืนจริงหลายคนรู้สึกโปรแกรมเหล่านี้เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาระยะสั้น ผลกระทบนี้จะแสดงโดยความจริงที่ว่าตลาดหุ้นมักจะตกเมื่อมีการประกาศหรือการคาดการณ์ว่าโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณจะถูกนำไปยังจุดสิ้นสุด.
5 กระตุ้นให้เกิดหนี้ กังวลเกี่ยวกับมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณอีกที่สำคัญคือการที่ปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นและอัตราดอกเบี้ยต่ำกระตุ้นให้เกิดการกู้ยืมเพิ่มเติมจากทั้งผู้บริโภคและธุรกิจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1 . มันทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นมาก นี่คือปัญหาใหญ่ที่สุดรอบ ๆการผ่อนคลายเชิงปริมาณ เป็นเงินไหลเวียนผ่านเศรษฐกิจ ราคาเพิ่มขึ้น ทำไม ? ในขณะที่อุปทานของเพิ่มเงิน อุปทานของสินค้าที่ยังคงเหมือนเดิม ดังนั้น การแข่งขันแต่ละที่ดีเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อเงินเฟ้อมากเกินไปนำไปสู่การบิดเบือนของราคาและรายได้ และสามารถทำให้เศรษฐกิจใช้ไม่ได้ผล .
2 มันสร้างความหายนะ กับการค้าระหว่างประเทศ เพิ่งพิมพ์เงินจะถูกใช้โดยรัฐบาลและผู้บริโภคที่นำเข้าสินค้าและบริการจากประเทศอื่น ๆ สินค้าและบริการเหล่านี้จะมากหรือน้อยจะมา ฟรี เสียงเหมือนจัดการที่ดี , ใช่มั้ย ?ปัญหาคือว่า ไม่ช้าก็เร็ว ประเทศอื่น ๆ จบลงด้วยการป่วยของแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ สำหรับสิ่งที่พวกเขารู้สึกไร้ค่า แผ่นกระดาษ ในคำอื่น ๆ ค่าของสกุลเงินของผู้นำเข้าลดลง ซึ่งจะทำให้ผู้ส่งออก ตัวอย่างเช่น จีนห้ามส่งออกแร่ที่มีคุณค่ากับสหรัฐ เนื่องจากโปรแกรมการผ่อนคลายเชิงปริมาณของมัน .
3 ภัยคุกคามต่อดอลลาร์สหรัฐหลายประเทศได้รับผิดหวังกับความพยายามที่สกุลเงินการจัดการ เช่น มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ . พวกเขารู้สึกว่าวิธีการเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการไร้ความสามารถ โดยประเทศที่จะสร้างการเจริญเติบโตที่แท้จริงและให้เกียรติ หนี้สิน ตัวอย่างเช่น ประเทศอื่น ๆได้กลายเป็นเหนื่อยของการให้กู้ยืมเงิน . เงินมากขึ้น นอกจากนี้ สถานะของเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินตราของโลกกำลังอยู่ในอันตรายอาจเป็นเพราะของการผ่อนคลายเชิงปริมาณ .
4 ประโยชน์ไม่ได้อยู่โปรแกรม QE เมื่อธนาคารกลางหยุดการพิมพ์เงิน , การกู้คืนมักจะถูกวางไว้บน , หรือแย่ลง , เริ่มที่จะกลับ แต่หวังว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใหม่ที่จะสร้างแรงบันดาลใจในการกู้คืนจริง หลายคนรู้สึกว่าโปรแกรมเหล่านี้เป็นเพียงระยะสั้น การแก้ไขผลกระทบนี้จะแสดงโดยข้อเท็จจริงที่ว่าตลาดหุ้นตกบ่อยเมื่อมีการประกาศหรือสันนิษฐานว่าโปรแกรมการผ่อนคลายเชิงปริมาณจะมาถึงจุดจบ .
5 สนับสนุนให้หนี้ กังวลที่สำคัญเกี่ยวกับการผ่อนคลายเชิงปริมาณอีกที่เพิ่มขึ้นของปริมาณเงิน และอัตราดอกเบี้ยต่ำกระตุ้นการกู้ยืมเพิ่มเติม โดยทั้งธุรกิจและผู้บริโภค