This piece by Felix Salmon is the m

This piece by Felix Salmon is the most thoughtful writing on the Chan Zuckerberg Initiative that I've read so far, and it explains our philosophy well:

"As he has explained in a thoughtful letter to his newborn daughter Max, the 7.3 billion people alive in the world today are dwarfed by the tens of billions of people who are going to be born in the future. "We believe all lives have equal value, and that includes the many more people who will live in future generations than live today,” he writes. “Our society has an obligation to invest now to improve the lives of all those coming into this world, not just those already here.”...

The most important stick that Zuckerberg has planted in the ground this week is not the fact that he has set up an LLC rather than a charitable foundation, nor is it the precedent of a man just 31 years old making such a large charitable pledge. Rather, it’s Zuckerberg’s high-level view of intergenerational equity.

It’s important to have a clear grasp of this concept, because it underpins not only Zuckerberg’s philosophy but also the climate-change discussions which are taking place in Paris this week...

In the climate-change debate, such questions normally reduce to a number known as the “social rate of time discount,” which is used to calculate how much current generations, with less money, should spend to increase the wellbeing of future generations, with more money.

Zuckerberg is clear on his answer to that question: when he says that “all lives have equal value”, even the ones in future generations, he’s signing on to the philosophy of Sir Nicholas Stern, who calculated that the world should spend 1% of gross world product – around $1 trillion per year – on doing everything we can to reduce our carbon emissions and improve the world for those not yet born.

Stern’s very low social rate of time discount, of 0.1%, has some uncomfortable implications: Sir Partha Dasgupta, of Cambridge University,calculated (although not everybody agreed) that it means we should invest 97.5% of our current income for the benefit of future generations. But that, of course, is exactly what Mark Zuckerberg has pledged to do, with his own wealth.

It’s not uncommon for philanthropic funds to be directed for the benefit of those not yet born...Those foundations are designed to exist in perpetuity, and generally give away no more than 5% of their assets each year. Benjamin Franklin’s Franklin Funds were founded in 1790 and continued through to 1991, a period of 200 years...

Zuckerberg’s vision, by contrast, is different. He doesn’t want to create something which just keeps on doing the same thing for hundreds of years. He wants to spend billions of dollars today (or at least within his lifetime) on something transformational, which could help transform the lives of billions of future inhabitants of the planet for the better.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ชิ้นนี้ โดยปลาแซลมอนเฟลิกซ์เป็นสุดเด่นบนริ Zuckerberg จันทร์ที่ผมเคยอ่านจน และก็อธิบายปรัชญาดี:"ตามที่เขาได้อธิบายไว้ในจดหมายที่เด่นกับลูกสาวทารกของเขาสูงสุด 7.3 พันล้านคนมีชีวิตอยู่ในโลกทุกวันนี้มี dwarfed โดยสิบพันล้านคนที่กำลังจะเกิดในอนาคต" เราเชื่อว่า ชีวิตมีค่าเท่ากับ และที่มีคนมากหลายที่จะอยู่ในรุ่นสดวันนี้ ที่เขาเขียน "สังคมที่มีการลงทุนตอนนี้ชีวิตของผู้ที่เข้ามาในโลกนี้ ไม่ใช่แค่นั้นแล้วที่นี่" ...ไม้สำคัญที่ Zuckerberg ได้ปลูกในพื้นดินสัปดาห์นี้ไม่ใช่ความจริงที่ว่าเขาได้ตั้ง LLC ตัวแทนมูลนิธิการกุศล หรือเป็นเหตุของมนุษย์เพียง 31 ปีทำดังกล่าวมีขนาดใหญ่กุศลบริจาคเงิน ค่อนข้าง มันเป็นของ Zuckerberg มองระดับสูงของหุ้น intergenerationalสิ่งสำคัญคือต้องมีความเข้าใจที่ชัดเจนของแนวคิดนี้ เนื่องจาก underpins ไม่เพียงแต่ปรัชญาของ Zuckerberg แต่ยังอธิบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งจะจัดขึ้นปารีสสัปดาห์นี้...ในการอภิปรายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คำถามดังกล่าวโดยปกติลดรู้จักหมายเลข "สังคมอัตราส่วนลดเวลา ซึ่งใช้ในการคำนวณจำนวนรุ่นปัจจุบัน มีเงินน้อย ควรใช้จ่ายเพื่อเพิ่มสุขภาพที่ดีของอนุชนรุ่นหลัง มีเงินZuckerberg is clear on his answer to that question: when he says that “all lives have equal value”, even the ones in future generations, he’s signing on to the philosophy of Sir Nicholas Stern, who calculated that the world should spend 1% of gross world product – around $1 trillion per year – on doing everything we can to reduce our carbon emissions and improve the world for those not yet born.Stern’s very low social rate of time discount, of 0.1%, has some uncomfortable implications: Sir Partha Dasgupta, of Cambridge University,calculated (although not everybody agreed) that it means we should invest 97.5% of our current income for the benefit of future generations. But that, of course, is exactly what Mark Zuckerberg has pledged to do, with his own wealth.It’s not uncommon for philanthropic funds to be directed for the benefit of those not yet born...Those foundations are designed to exist in perpetuity, and generally give away no more than 5% of their assets each year. Benjamin Franklin’s Franklin Funds were founded in 1790 and continued through to 1991, a period of 200 years...Zuckerberg’s vision, by contrast, is different. He doesn’t want to create something which just keeps on doing the same thing for hundreds of years. He wants to spend billions of dollars today (or at least within his lifetime) on something transformational, which could help transform the lives of billions of future inhabitants of the planet for the better.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ชิ้นโดยเฟลิกซ์แซลมอนนี่คือการเขียนรอบคอบมากที่สุดใน Chan Zuckerberg ความคิดริเริ่มที่ผมเคยอ่านเพื่อให้ห่างไกลและจะอธิบายปรัชญาของเรากัน: "ขณะที่เขาได้อธิบายในจดหมายที่มีน้ำใจให้กับลูกสาวแรกเกิดของเขาแม็กซ์ 7.3 พันล้านคนยังมีชีวิตอยู่ ในโลกในวันนี้จะแคระโดยนับพันล้านคนที่กำลังจะเกิดในอนาคต. "เราเชื่อว่าทุกชีวิตมีค่าเท่ากันและที่มีคนจำนวนมากที่จะมีชีวิตอยู่ในรุ่นอนาคตกว่ามีชีวิตอยู่ในวันนี้" เขาเขียน. "สังคมของเรามีภาระที่จะต้องลงทุนในขณะนี้เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของทุกคนที่เข้ามาในโลกนี้ไม่ได้เป็นเพียงผู้ที่อยู่ที่นี่." ... ติดที่สำคัญที่สุดที่ Zuckerberg ได้ปลูกในพื้นดินในสัปดาห์นี้ไม่ได้เป็นความจริงที่ว่าเขา ได้มีการจัดตั้ง LLC แทนที่จะเป็นมูลนิธิการกุศลและไม่เป็นมันเป็นแบบอย่างของคนเพียงแค่ 31 ปีทำเช่นจำนำกุศลที่มีขนาดใหญ่ แต่ก็มุมมอง Zuckerberg ของระดับสูงของส่วนของผู้ฝึก. มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะมีความเข้าใจที่ชัดเจนของแนวคิดนี้เพราะมันรมย์ไม่เพียง แต่ปรัชญาของ Zuckerberg แต่ยังอภิปรายเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่จะเกิดขึ้นในกรุงปารีสในสัปดาห์นี้ ... ใน อภิปรายเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, คำถามดังกล่าวได้ตามปกติลดจำนวนที่เรียกว่า "อัตราการทางสังคมของส่วนลดเวลา" ซึ่งจะใช้ในการคำนวณรุ่นปัจจุบันเท่าใดที่มีเงินน้อยลงควรใช้จ่ายเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนรุ่นอนาคตที่มีเงินมากขึ้น . Zuckerberg เป็นที่ชัดเจนเกี่ยวกับคำตอบของเขาสำหรับคำถามที่ว่าเมื่อเขาบอกว่า "ชีวิตทุกคนมีค่าเท่ากัน" แม้กระทั่งในรุ่นอนาคตเขาเซ็นสัญญากับปรัชญาของเซอร์นิโคลัสสเติร์นที่คำนวณว่าโลกควรจะใช้จ่าย 1% ของผลิตภัณฑ์โลกขั้นต้น - รอบ 1000000000000 $ ต่อปี - ในการทำทุกอย่างที่เราสามารถที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของเราและพัฒนาโลกสำหรับผู้ที่ยังไม่เกิด. สเติร์นที่ต่ำมากอัตราสังคมของส่วนลดเวลา 0.1% มีผลกระทบอึดอัดบางเซอร์ Partha Dasgupta ของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์คำนวณ (แม้ว่าจะไม่ทุกคนที่ตกลงกัน) ว่ามันหมายความว่าเราควรลงทุน 97.5% ของรายได้ในปัจจุบันของเราเพื่อประโยชน์ของคนรุ่นอนาคต แต่ที่แน่นอนคือสิ่งที่ Mark Zuckerberg ได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะทำกับความมั่งคั่งของตัวเอง. มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับกองทุนการกุศลที่จะถูกนำไปใช้เพื่อประโยชน์ของผู้ที่ยังไม่เกิด ... มูลนิธิผู้ที่ได้รับการออกแบบที่จะอยู่ในความเป็นอมตะที่ และโดยทั่วไปให้ออกไปไม่เกิน 5% ของสินทรัพย์ของพวกเขาในแต่ละปี เบนจามินแฟรงคลินแฟรงคลินกองทุนรวมที่ถูกก่อตั้งขึ้นใน 1790 และต่อเนื่องไปจนถึงปี 1991 เป็นระยะเวลา 200 ปีที่ผ่านมา ... วิสัยทัศน์ของ Zuckerberg โดยคมชัดที่แตกต่างกัน เขาไม่ได้ต้องการที่จะสร้างบางสิ่งบางอย่างที่เพิ่งช่วยในการทำในสิ่งเดียวกันสำหรับหลายร้อยปี เขาต้องการที่จะใช้จ่ายพันล้านดอลลาร์ในวันนี้ (หรืออย่างน้อยในชีวิตของเขา) ในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงซึ่งจะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของพันล้านคนที่อาศัยอยู่ในอนาคตของโลกให้ดีขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ชิ้นนี้โดยเฟลิกซ์แซลมอนเป็นรอบคอบที่สุดเขียนเกี่ยวกับความคิดริเริ่ม ชาน ซัคเคอร์เบิร์ก ที่ผมเคยอ่านมา และอธิบายปรัชญาของเราคือ :

" เขาได้อธิบายในจดหมายรอบคอบของเขาเกิดลูกแม็กซ์ , 7.3 ล้านคนมีชีวิตอยู่ในโลกวันนี้เป็นแคระโดยนับพันล้านคน ที่กำลังจะเกิดในอนาคต " เราเชื่อว่าทุกชีวิตมีค่าเท่าเทียมกันและมีผู้คนอีกมากมาย ที่จะอยู่ในรุ่นอนาคต ดีกว่าอยู่ในวันนี้ " เขาเขียน " สังคมของเรามีหน้าที่ที่จะลงทุนเพื่อปรับปรุงชีวิตของทุกคนเกิดมาบนโลกนี้ ไม่ใช่แค่ที่นี่แล้ว . . . . . . . .

ที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ ซัคเคอร์เบิร์ก มีปลูกในพื้นดินในสัปดาห์นี้ไม่ได้เป็นความจริงที่เขาได้ตั้งค่า LLC มากกว่ามูลนิธิการกุศล , หรือจะเป็นแบบอย่างของผู้ชายอายุ 31 ปีเป็นตัวใหญ่ กุศลสัญญา แต่มันของ Zuckerberg ระดับสูงมุมมองของหุ้นระหว่างรุ่นวัย

มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะมีความเข้าใจที่ชัดเจนของแนวคิดนี้เพราะมันสนับสนุนไม่เพียง แต่ซัคเคอร์เบิร์กเป็นปรัชญา แต่ยังเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศการสนทนาซึ่งมีขึ้นในกรุงปารีสในสัปดาห์นี้ . . . . . . .

ในการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศอภิปรายคำถามปกติลดจํานวนที่เรียกว่า " คะแนนสังคม ลดเวลา " ซึ่งถูกใช้เพื่อคำนวณเท่าใดปัจจุบันรุ่นที่มีเงินน้อย , ควร ใช้เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนรุ่นอนาคตที่มีเงินมากกว่า

Zuckerberg ชัดเจนของเขาตอบ คำถาม : เมื่อเขากล่าวว่า " ทุกชีวิตมีค่า " เท่ากัน แม้แต่คนในรุ่นอนาคต เขาเซ็นชื่อบนกับปรัชญาของเซอร์นิโคลัส สเตินใครคำนวณว่า โลกควรใช้ 1% ของโลก ผลิตภัณฑ์มวลรวม ( ประมาณ $ 1 ล้านล้านบาทต่อปี และจะทำทุกสิ่งที่เราสามารถที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและปรับปรุงโลกสำหรับผู้ที่ยังไม่เกิด

สเติร์นสังคมต่ำมากอัตราเวลาส่วนลด , 0.1% มีอึดอัดครับ partha ผลกระทบ : dasgupta ของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์