Milk: Delivering Your Daily Vitamin

Milk: Delivering Your Daily Vitamin D
In the early 20th century, rickets (soft bones and skeletal malformation from incomplete bone growth) was common among underprivileged children living in industrialized, northern U.S. cities. Inadequate diet, poor hygiene, and lack of exercise were among the factors believed to play a role in the formation of this disease. The relationship between diet and rickets was not clearly understood until an English physician conducted the first experimental study on rickets with dogs. His observations of specific “anti-rachitic” factors found in cod liver oil, butter and whole milk eventually led to the identification, purification, and synthesis of vitamin D (Rajakumar, 2003). Prior to this discovery, irradiated milk, cod liver oil, and milk from cattle fed irradiated yeast were common treatments to combat rickets (Bishai and Nalubola, 2002). After the discovery of synthetic vitamin D, these products were no longer needed to be used.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นม: ส่งวิตามินประจำวันของคุณในต้นศตวรรษที่ 20 โรคกระดูกอ่อน (กระดูกอ่อนและกระดูก malformation จากกระดูกไม่สมบูรณ์เจริญเติบโต) ได้ทั่วไปในหมู่เยาวชนในเมืองอุตสาหกรรม ภาคเหนือ อาหารไม่เพียงพอ สำลี และขาดการออกกำลังกายได้ระหว่างปัจจัยเชื่อว่ามีบทบาทในการก่อตัวของโรคนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับโรคกระดูกอ่อนถูกเข้าใจได้อย่างชัดเจนจนกว่าแพทย์ที่อังกฤษดำเนินการศึกษาทดลองแรกกระดูกอ่อนกับสุนัข สังเกตการณ์ปัจจัย "ต้าน rachitic" เฉพาะที่พบในน้ำมันตับ cod เนย และนมทั้งหมดในที่สุดนำไปสู่รหัส ฟอก และสังเคราะห์วิตามินดี (Rajakumar, 2003) ก่อนการค้นพบนี้ irradiated นม น้ำมันตับ cod และนมจากวัวเลี้ยงยีสต์ irradiated ได้ทรีทเมนท์ทั่วไปในการต่อสู้กับโรคกระดูกอ่อน (Bishai และ Nalubola, 2002) หลังจากการค้นพบวิตามินสังเคราะห์ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่จำเป็นที่จะใช้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นม: ส่งมอบวิตามิน D รายวันของคุณ
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20, กระดูกอ่อน (กระดูกอ่อนนุ่มและไม่สมประกอบโครงกระดูกจากเจริญเติบโตของกระดูกไม่สมบูรณ์) เป็นเรื่องธรรมดาในหมู่เด็กด้อยโอกาสที่อาศัยอยู่ในอุตสาหกรรมทางตอนเหนือของเมืองของสหรัฐ การรับประทานอาหารที่ไม่เพียงพอสุขอนามัยที่ดีและขาดการออกกำลังกายอยู่ท่ามกลางปัจจัยที่เชื่อว่าจะมีบทบาทสำคัญในการก่อตัวของโรคนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างการรับประทานอาหารและโรคกระดูกอ่อนก็ไม่ได้เข้าใจอย่างชัดเจนจนกว่าแพทย์ภาษาอังกฤษดำเนินการศึกษาทดลองครั้งแรกในโรคกระดูกอ่อนกับสุนัข ข้อสังเกตของเขาเฉพาะ "ต่อต้านซึ่งมีโรคกระดูกอ่อน" ปัจจัยที่พบในน้ำมันตับปลาเนยและนมทั้งในที่สุดก็นำไปสู่ประชาชนบริสุทธิ์และการสังเคราะห์วิตามินดี (Rajakumar, 2003) ก่อนที่จะมีการค้นพบนี้ฉายรังสีนมน้ำมันตับปลาและนมจากวัวที่เลี้ยงด้วยการฉายรังสีรักษายีสต์ที่พบบ่อยในการต่อสู้กับโรคกระดูกอ่อน (Bishai และ Nalubola, 2002) หลังจากการค้นพบสังเคราะห์วิตามินดีผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่ได้ที่จะใช้