นิทานอาเซียน ประเทศอินโดนีเซีย
เรื่องกระจงเจ้าปัญญา
บ่ายวันหนึ่งอากาศร้อนอบอ้าวกระจงเจ้าปัญญาตัวหนึ่งกําลังกินน้ําใสในทะเลสาบกลางป่าอยู่ขณะ
กําลัง กินน้ําเพลิน เสือโคร่งตัวหนึ่งเดินผ่านมาเมื่อเห็นกระจงเข้า เสือโคร่งก็หยุดแล้วหัวเราะด้วยสําเนียงที่
สําแดงความชั่วร้ายคํารามออกมาว่า "โอ้โฮ้! เจ้ากระจงน้อยช่างเป็นอาหารโอชามื้อนี้ของข้าเสียนี่กระไรเร็ว
เข้า มาให้ข้ากินเสียดี ๆ ข้ายังไม่มีอะไรใส่ท้องมาเลยทั้งวัน"
"นี่ท่านไม่มีอะไรจะกินมาทั้งวันทีเดียวรึ" กระจงถามแกล้งทําเป็นเสียใจด้วยกับเสือโคร่ง แต่แท้ที่จริง
ตัวมันเองกําลังสั่นพั่บ ๆ ด้วยความเสียวสยองเมื่อแลเห็นขากรรไกรอันกว้างใหญ่ และฟันอันแหลมเปี๊ยบขาว
ราวกับงาช้างของเจ้าเสือตัวร้าย
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องพยายามให้ดีที่สุดที่จะไม่แสดงให้เสือรู้ว่าตนกลัว ยังคงพูดต่อไปว่า"โธ่เอ้ย!
คุณเสือนี่น่าสงสารจริง ๆ นะ ข้าพเจ้าอยากให้ท่านได้ลิ้มรสอาหารดีๆ แต่ข้าพเจ้าไม่คิดว่าสัตว์กระจ้อยร่อย
อย่างข้าพเจ้านี้จะเป็นอาหารที่ท่านจะกินได้อิ่มให้สมกับที่ทนหิวมาได้หรอก"
"แต่ข้ากําลังหิวนะโว้ย" เสือคํารามตวาดลั่น อย่างอดทนไม่ไหว
"นึกออกแล้ว" กระจงร้องออกมา ภายในใจก็คิดวางแผน
"ไอ้ที่จะทําให้ท่านหายหิว นั่นมันต้องเนื้อคนถึงจะสมอยาก"
"คนน่ะมันเป็นยังไง เจ้ากระจง"
"นี่ท่านไม่รู้เอาเทียวหรือว่า คนนั้นคืออะไร" กระจงอุทาน ทําเป็นแปลกใจ
"เออ ข้าไม่คิดว่าข้ารู้" เสือตอบ ชักจะสนใจอยากรู้ขึ้นมา
"ไหนบอกข้าหน่อยซิเจ้ากระจงว่าคนน่ะคืออะไร"
"ก็ได้" กระจงว่า ดีใจที่เจ้าเสือร้ายตกหลุมพรางของตัว "คนก็คือสัตว์ชนิดหนึ่ง มีขาสองขา แต่ทว่า
เป็นสัตว์ที่มีอํานาจใหญ่ยิ่งที่สุดในโลก"
"จริงรึ อํานาจมากยิ่งกว่าข้าอีกรึ" เสือถาม ชักจะขัดใจขึ้นมาแล้ว "จริงแน่ แต่ถ้าท่านไวพอ ท่านโดด
เข้าตะปบมันไว้ ท่านก็กินมันได้สบาย" "เออดี แต่ถ้าข้าหาคนกินไม่ได้ล่ะ เจ้าก็ต้องเป็นอาหารของข้านา มา
ต่อรองกันแบบนี้ดีไหมล่ะ" "ตกลง" กระจงร้องตอบอย่างพอใจ"แล้วข้าจะไปหาคนได้ที่ไหนล่ะ พามาให้ข้าดูเดี๋ยวนี้ซี เพราะว่าข้าหิวเต็มทนแล้วนะ ถ้าเจ้าไม่รีบไป
หามาข้าจะต้องกินเจ้าเสียเดี๋ยวนี้ล่ะ" "ใจเย็น ๆ ไว้ก่อน ท่านเสือโคร่งผู้ยิ่งใหญ่" กระจงตอบ "มา ไปด้วยกันที่
ริมถนนใหญ่ บางทีเราจะได้เห็นคนผ่านมาสักคนหนึ่ง"
แล้วกระจงก็พาเสือโคร่งไปริมถนนใหญ่ ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้คอยเวลาที่คนจะเดินผ่านมา ไม่ช้าก็มี
เด็กชายตัวน้อยคนหนึ่งเดินกลับจากโรงเรียน เด็กคนนั้นมัวแต่พะวงอยู่กับการบ้านเสียจนไม่ทันสังเกตว่ามี
สัตว์สองตัวกําลังแอบดูตนอยู่ "นี่น่ะหรือคน" เสือโคร่งถาม "โธ่เอ๋ย! แน่เสียยิ่งกว่าแน่ ข้าต้องมีอํานาจ
มากกว่าไอ้ตัวนี้แน่ ๆ" มันพูดอย่างเยาะ ๆ
"บ๊ะ! ก็นั่นมันคนเสียเมื่อไหร่เล่า" เจ้ากระจงตอบ "นั่นมันเป็นแต่เพียงสิ่งที่กําลังจะเติบโตเป็นคน
ขึ้นมาต่างหาก ยังอีกหลายปีนัก อีกตั้ง 20 ปีหรืออาจจะมากกว่านั้นอีก แต่กว่าจะถึงเวลานั้นท่านก็ตายไป
ไหนๆแล้ว"
ต่อมามีชายชราคนหนึ่งเดินกระย่องกระแย่งมาตามถนนแก่คร่ําเสียเคราขาวโพลนเหมือนหิมะ ถือ
ไม้เท้าไว้ช่วยยันกายมาตลอดทาง "ไอ้นี่กระมังคือคนอย่างที่เจ้าว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันผอมโทรม เพราะ
อยู่มานมนานหลายปีเต็มที เจ้าจะเล่นโกงข้าอีกละซิ" เสือชักโมโห "ไม่ใช่! ไม่ใช่! นี่ก็ไม่ใช่คน มันเป็นเดนคน
ต่างหาก เสือดีดีอย่างท่าน คงไม่อยากกินเดนของใครแน่ ๆ หรือว่าอยากลอง" "ฮ้าย! ไม่มีวันเสียละ แต่ข้าก็
ไม่อยากคอยอีกต่อไปแล้วนา" "จุ๊! จุ๊! นั่นไง คนจริงๆ มาแล้ว" กระจงบอก เมื่อเห็นนายพรานอ้วนพลุ้ยคน
หนึ่งแบกปืนก้าวฉับ ๆ มาตามถนน
"ดูซิรูปร่างอ้วน ๆ อย่างนั้นแหละ เนื้อมากดีพิลึกเทียว แก้มสองข้างก็แดงเรื่อแสดงว่ามีเลือดฝาด
ไม่ใช่น้อย ข้าพเจ้าคิดว่าถ้าท่านได้ลิ้มรสคน ๆ นั้นแล้วล่ะก็คงไม่ต้องการกินข้าพเจ้าอีกแน่เทียวหรือว่าไง"
"เห็นจะเอาแน่! เจ้ากระจงเอ๋ย เอาแน่! คอยดูข้านะ" ว่าแล้วเสือโคร่งก็กระโจนเข้าใส่พรา นผู้นั้น แต่
นายพรานกลับไวทายาด เขาส่องไรเฟิลยิงโป้งถูกเสือโคร่งตายคาที่
ดังนั้น เจ้ากระจงดีใจนักหนาที่รอดตัวมาได้แต่ก็เหน็ดเหนื่อยจากการผจญภัยเหลือกําลังจึงกลับไป
ทะเลสาบเพื่อจะกินน้ํา กําลังกินเพลิน ๆ ฉับพลันก็รู้สึกว่าขาข้างหนึ่งของมันถูกงับมันกําลังจะอ้าปากร้อง
โอดโอย นัยน์ตาก็เหลือบเห็นไอ้ตัวที่งับขาของมันเข้า เจ้ากระจงรีบกล้ํากลืนความเจ็บปวดเอาไว้เริ่มใช้
ความคิดด่วนจี๋มันก็คือจระเข้ศัตรูใหญ่อีกตัวหนึ่งของเจ้ากระจง จระเข้ชังน้ําหน้าเจ้ากระจงนัก เพราะมันแสนกล
สิ้นดี เจ้ากระจงก็แสนจะเกลียดเจ้าจระเข้ เพราะทําให้มันต้องขวัญหนีดีฝ่อทุกที ที่มันอยากกินน้ําใน
ทะเลสาบ
คราวนี้มันยิ่งเคียดแค้นมากยิ่งกว่าทุกคราว แต่มันก็ซ่อนความรู้สึกไว้ได้ ทําเป็นส่งเสียงหัวเราะพูด
ออกมาอย่างเย้ย ๆ ว่า " พุทโธ่! พุทถังเอ๋ย! นายจระเข้ผู้น่าสมเพช เมื่อไหร่หนอท่านจะได้เรียนรู้ความ
แตกต่างระหว่างขาของกระจงกับท่อนไม้เสียทีนะ ก็ไอ้ที่ท่านคาบเอาไว้เสียจนแน่นนั่นน่ะมันท่อนไม้เก่า ๆ
ธรรมดา ๆ แท้ๆ ทีเดียว"
แต่จระเข้คุ้นกับเล่ห์เหลี่ยมของเจ้ากระจงเสียแล้ว จึงตอบว่า "อย่ามาหลอกต้มข้าอีกเลย ข้ารู้หรอก
น่าว่าข้ากําลังคาบขาของเจ้าอยู่ ข้าไม่มีวันปล่อยหรอก จนกว่าจะกินเจ้าหมดทั้งตัวเสียก่อน"
"แต่ข้าไม่ได้หลอกท่านนะ" กระจงตอบ " ถ้าท่านคิดว่าข้ากําลังใส่กลอยู่ล่ะก็ดูซิว่า นี่มันอะไร" ว่า
แล้วเจ้ากระจงก็ยกขาอีกข้างหนึ่งของมันขึ้นกวัดแกว่งอยู่ตรงหน้าจระเข้
เท่านั้นเองจระเข้หน้าโง่ก็หลงคําเจ้ากระจง รีบปล่อยขาข้างที่กําลังคาบอยู่มันไล่งับขาอีกข้างหนึ่งที่
แกว่งอยู่ไปมา แต่เจ้ากระจงรอโอกาสนี้อยู่แล้ว มันโจนแผล็วออกไปทันที พอแน่ใจว่าจระเข้เอื้อมไม่ถึงแล้ว
มันก็หันมาพูดกับจระเข้ว่า
"แกน่ะมันโง่เสียยิ่งกว่าลาอีก แม้แต่ขาของข้ากับท่อนไม้เก่า ๆ ต่างกันอย่างไรแกก็ยังไม่รู้เลย โธ่เอ้ย!
แล้วกระจงก็วิ่งหนีลิ่ว ๆ ไป ปล่อยให้จระเข้มุดน้ําทะเลสาบลงไปตามเดิมแค้นเคืองเสียนี้กระไรที่มาแพ้เสีย
เชิงเชาว์เจ้ากระจงได้
ทันใด กระจงก็มาพบหอยทากเข้าตัวหนึ่ง มันดีใจนักที่ได้พบเพราะมันชอบคุยโม้กับหอยทาก คราว
นี้ก็ตั้งใจจะมาโวด้วยอีกมันท้าวิ่งแข่งกับหอยทาก แต่ก็ต้องแปลกใจที่หอยทากรับคําท้าและยิ่งแปลกใจหนัก
ขึ้นไปอีก ท