คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความรู้ในเรื่องเพศศึกษากับลูก อย่าถือเป็นเรื่องน่าอายและปกปิดไว้ ลูกอาจเรียนรู้ในห้องเรียนมาบ้าง แต่คุณพ่อคุณแม่เป็นผู้ใกล้ชิด และเข้าใจลูกมากกว่า จึงทำให้การสอน การพูดคุย ตลอดจนให้คำแนะนำต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า
วิธีง่าย ๆ คือการถามลูกว่าลูกทราบเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์และการป้องกันมากน้อยขนาดไหน เมื่อคุณพ่อคุณแม่เข้าใจและรู้ว่าลูกมีความเข้าใจขั้นไหนแล้วก็ให้เสริมความรู้ต่อจากที่ลูกมี บอกลูกถึงข้อพึงระวัง การวางตัวกับเพศตรงข้าม รวมถึงฮอร์โมนและความต้องการทางเพศของมนุษย์ สิ่งเหล่านี้อาจดูเหมือนเป็นเรื่องน่าอาย และยากต่อการพูดคุย แต่คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยกับลูกในเรื่องนี้โดยพยายามทำให้เป็นเรื่องปกติธรรมดา ค่อย ๆ พูดทีละเล็กทีละน้อย เพราะจะช่วยได้มากกว่าการอธิบายทุกอย่างในครั้งเดียว อีกทั้งยังทำให้ลูกรู้สึกชิน และไม่กระอักกระอ่วนใจอีกด้วย
การคุมกำเนิด
วิธีการคุมกำเนิดมีมากมายหลายวิธี แต่ละวิธีมีทั้งข้อดีและข้อเสีย และเหมาะสมแตกต่างกันในแต่ละสถานการณ์ อาจให้ลูกมีโอกาสพูดคุยกับหมอหรือผู้ที่มีความรู้ในเรื่องเพศศึกษาเพื่อที่จะเข้าใจถึงลักษณะที่แตกต่างกันของการคุมกำเนิด ซึ่งการคุมกำเนิดมีหลัก ๆ ดังนี้
1. การคุมกำเนิดแบบฮอร์โมน เป็นวิธีที่นิยมใช้กัน เพราะสะดวกและมีอยู่มากมายตามท้องตลาด แต่มีข้อห้ามในการใช้สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือมีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ โดยต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา ซึ่งโดยรวมแล้วการคุมกำเนิดแบบใช้ฮอร์โมนแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ
1.1 ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม เอสโตรเจน (estrogen) และโปรเจสโตเจน (progestogen) ซึ่งเป็นแบบที่นิยมใช้กันมากที่สุด
1.2 การใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด
1.3 ยาฉีดคุมกําเนิด เป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่ออกฤทธิ์ได้นาน ที่นิยมใช้มากเป็นพวก DMPA (Depsmedroxy Progesterone Acetate) และ
1.4 การใช้ยาฝังคุมกําเนิด ยาฝังคุมกําเนิด (implant) เป็นฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนบรรจุหลอดฝังไว้ใต้ผิวหนัง
แต่ทั้งนี้การคุมกำเนิดประเภทต่าง ๆ เหล่านี้อาจมีผลกระทบต่อร่างกายจึงควรศึกษาให้ดีก่อนใช้
2. การคุมกำเนิดแบบไม่ใช้ฮอร์โมน เช่นการใส่ห่วงคุมกำเนิด ถุงยางอนามัย และการนับวัน เป็นต้น
นอกจากนี้แล้วยังมีการคุมกำเนิดแบบการหลั่งภายนอก การใช้น้ำยาฆ่าเชื้ออสุจิ การสวนล้างช่องคลอด
การจัดกฎระเบียบภายในบ้าน
การควบคุมดูแลให้มีผู้ใหญ่คอยอยู่ด้วยในเวลามีการจัดงานเลี้ยง หรือให้ลูกโทรศัพท์กลับมาหาทุกครึ่งชั่วโมง หรือในวันเรียนหนังสือไม่อนุญาตให้กลับบ้านเกิน 3 ทุ่ม เป็นต้น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ลูกวัยรุ่นอาจคิดว่าเป็นการริดรอนสิทธิเสรีภาพ แต่เป็นวิธีที่จะช่วยลดปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรได้
วัยรุ่นเป็นวัยที่เข้าใจยาก ต้องการอิสรเสรีภาพ และมีโลกส่วนตัวสูง ดังนั้น ความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวระหว่างพ่อแม่ลูก การทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีของพ่อแม่ ตลอดทั้งความรักความเข้าใจกันในครอบครัวจะช่วยวัยรุ่นห่างไกลจากปัญหานี้ได้ค่ะ