Solar irradianceIt's reasonable to

Solar irradiance
It's reasonable to assume that changes in the sun's energy output would cause the climate to change, since the sun is the fundamental source of energy that drives our climate system.

Indeed, studies show that solar variability has played a role in past climate changes. For example, a decrease in solar activity is thought to have triggered the Little Ice Age between approximately 1650 and 1850, when Greenland was largely cut off by ice from 1410 to the 1720s and glaciers advanced in the Alps.

But several lines of evidence show that current global warming cannot be explained by changes in energy from the sun:

Since 1750, the average amount of energy coming from the sun either remained constant or increased slightly.
If the warming were caused by a more active sun, then scientists would expect to see warmer temperatures in all layers of the atmosphere. Instead, they have observed a cooling in the upper atmosphere, and a warming at the surface and in the lower parts of the atmosphere. That's because greenhouse gasses are trapping heat in the lower atmosphere.
Climate models that include solar irradiance changes can’t reproduce the observed temperature trend over the past century or more without including a rise in greenhouse gases.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แสง irradianceเหมาะสมที่จะคิดว่า การเปลี่ยนแปลงในผลผลิตพลังงานของดวงอาทิตย์จะทำให้ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง เนื่องจากดวงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานที่ไดรฟ์ระบบภูมิอากาศของเราพื้นฐานได้แน่นอน การศึกษาแสดงว่า ความแปรผันพลังงานแสงอาทิตย์มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ผ่านมา ตัวอย่าง กิจกรรมแสงอาทิตย์ลดลงคือ จะมีเรียกยุคน้ำแข็งเล็กน้อยระหว่างประมาณ 1650 และ 1850 เมื่อกรีนแลนด์ได้ส่วนใหญ่ตัด ด้วยน้ำแข็งจาก 1410 เพื่อ 1720s และธารน้ำแข็งขั้นสูงในเทือกเขาแอลป์แต่ของหลักฐานที่แสดงว่า ปัจจุบันโลกร้อนไม่สามารถอธิบายตามการเปลี่ยนแปลงพลังงานจากดวงอาทิตย์:ตั้งแต่ 1750 เฉลี่ยของพลังงานมาจากแสงแดดทั้งยังคงคง หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยถ้าภาวะโลกร้อนได้เกิดจากดวงอาทิตย์อยู่ นักวิทยาศาสตร์คาดหวังว่าจะดูอุ่นอุณหภูมิในชั้นบรรยากาศทั้งหมด แทน พวกเขาได้สังเกตการทำความเย็นในบรรยากาศบน และความร้อน ที่พื้นผิว และ ในส่วนล่างของบรรยากาศ นั่นเป็น เพราะ gasses เรือนกระจกจะดักจับความร้อนในชั้นบรรยากาศล่างแบบจำลองสภาพภูมิอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงแสง irradiance ไม่ซ้ำแนวโน้มอุณหภูมิสังเกตกว่าศตวรรษผ่านมาหรือมากกว่าโดยไม่รวมการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รังสีแสงอาทิตย์
ก็สมควรที่จะสรุปว่าการเปลี่ยนแปลงในการส่งออกพลังงานของดวงอาทิตย์จะทำให้เกิดสภาพภูมิอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ดวงอาทิตย์เป็นแหล่งพื้นฐานของพลังงานที่ไดรฟ์ระบบภูมิอากาศของเรา. อันที่จริงการศึกษาแสดงให้เห็นว่าความแปรปรวนแสงอาทิตย์มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ผ่านมา . ยกตัวอย่างเช่นการลดลงของกิจกรรมแสงอาทิตย์เป็นความคิดที่จะมีการหารือยุคน้ำแข็งน้อยระหว่างประมาณ 1650 และ 1850 เมื่อกรีนแลนด์ถูกตัดส่วนใหญ่ปิดโดยน้ำแข็งจาก 1410 ไปยังยุค 1720 และธารน้ำแข็งในเทือกเขาแอลป์สูง. แต่หลายบรรทัดของการแสดงหลักฐานว่า ภาวะโลกร้อนในปัจจุบันไม่สามารถอธิบายได้จากการเปลี่ยนแปลงในการใช้พลังงานจากดวงอาทิตย์: . ตั้งแต่ 1750, จำนวนเงินเฉลี่ยของพลังงานที่มาจากดวงอาทิตย์ทั้งคงที่หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหากภาวะโลกร้อนที่เกิดจากดวงอาทิตย์ที่ใช้งานมากขึ้นแล้วที่นักวิทยาศาสตร์คาดว่าจะเห็น อุณหภูมิที่อุ่นขึ้นในทุกชั้นของบรรยากาศ แต่พวกเขาได้สังเกตเห็นการระบายความร้อนในชั้นบรรยากาศและภาวะโลกร้อนที่พื้นผิวและในส่วนล่างของบรรยากาศ นั่นเป็นเพราะก๊าซเรือนกระจกจะถูกดักความร้อนในบรรยากาศชั้นล่าง. แบบจำลองสภาพภูมิอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงรังสีแสงอาทิตย์ไม่สามารถทำซ้ำแนวโน้มอุณหภูมิที่สังเกตในช่วงศตวรรษที่ผ่านมาหรือมากกว่าโดยไม่ต้องรวมถึงการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าว
มันมีเหตุผลที่จะสมมติว่า การเปลี่ยนแปลงในการส่งออกพลังงานของดวงอาทิตย์ทำให้สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง เนื่องจากดวงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานพื้นฐานที่ไดรฟ์ระบบภูมิอากาศของเรา

แน่นอน การศึกษาแสดงให้เห็นว่าแสงอาทิตย์ซึ่งมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในอดีต ตัวอย่างเช่นลดลงในกิจกรรมแสงอาทิตย์น่าจะเรียกน้ำแข็งอายุน้อยและประมาณ 1650 1850 เมื่อกรีนแลนด์เป็นส่วนใหญ่ตัดด้วยน้ำแข็งจาก 883 ในคริสต์ทศวรรษ 170 และธารน้ำแข็งขั้นสูงในเทือกเขาแอลป์

แต่หลายสายของหลักฐานแสดงให้เห็นว่าไม่สามารถปัจจุบันภาวะโลกร้อนได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงของพลังงานจากดวงอาทิตย์ :

ตั้งแต่ 1750 ,ปริมาณเฉลี่ยของพลังงานที่มาจากดวงอาทิตย์ให้คงที่หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ถ้าโลกร้อน เกิดจากดวงอาทิตย์มากขึ้น จากนั้นนักวิทยาศาสตร์คาดหวังที่จะเห็นอุ่นอุณหภูมิในชั้นของบรรยากาศ แทน พวกเขาได้สังเกตความเย็นในบรรยากาศชั้นบน และภาวะโลกร้อนที่พื้นผิวและในส่วนล่างของบรรยากาศนั่นเพราะก๊าซเรือนกระจกจะกักความร้อนในชั้นบรรยากาศ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลง
แบบจำลองภูมิอากาศดังกล่าวพลังงานแสงอาทิตย์ไม่สามารถทำซ้ำสังเกตอุณหภูมิแนวโน้มมากกว่าศตวรรษที่ผ่านมาหรือมากกว่า โดยไม่รวมถึงการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจก