3.สปีชี่ส์ของมนุษย์
สปีชีส์ หมายถึง กลุ่มหรือประชากรของสิ่งมีชีวิตที่มีกลุ่มยีน (gene pool) ร่วมกัน โดยที่ สมาชิกของประชากรนั้น สามารถถ่ายทอดยีนหรือทำให้เกิดยีนโฟล์วระหว่างกันและกันได้ (หมายถึง ผสมพันธุ์กันได้และมีลูกไม่เป็นหมัน) กลไกแบ่งแยกทางการสืบพันธุ์ แยกได้ 2 ระดับ คือ
1. กลไกการแบ่งแยกก่อนระยะไซโกต เป็นกลไกที่ป้องกันไม่ให้เซลล์สืบพันธุ์จากทั้ง 2 สปีชีส์ได้มาสัมผัสกัน เนื่องจาก
- เวลาในการผสมพันธุ์แตกต่างกัน
- สภาพนิเวศวิทยาที่ต่างกัน เช่น กบที่อาศัยในสระน้ำกับพวกที่อาศัยในหนองบึงใหญ่
- พฤติกรรมการเกี้ยวพาราสีที่ต่างกัน เช่น มีสัญญาณหรือฟีโรโมนที่ต่างกัน
- โครงสร้างอวัยวะสืบพันธุ์แตกต่างกัน
- สรีรวิทยาของเซลล์สืบพันธุ์ที่แตกต่างกัน เช่น ละอองเรณู ของมะม่วงไปตกบนยอดเกสรตัวเมียของมะกรูด จะไม่สามารถผสมกันได้
2. กลไกการแบ่งแยกระยะหลังไซโกต
- ลูกผสมตาย (hybrid inviability) ก่อนที่จะถึงวัยเจริญพันธุ์
- ลูกผสมเป็นหมัน(hybrid sterillty)ส่วนมากมักเกิดกับเพศผู้
- ลูกผสมล้มเหลว (hybrid breakdouwn) ลูกผสม F1 มีความอ่อนแอ ให้กำเนิดลูกผสม รุ่น F2 ได้แต่มักตาย ในระยะแรกของการเจริญ หรือเป็นหมัน
โพลีพลอยด์ (Polyploidy) หมายถึงการเพิ่มจำนวนชุดของโครโมโซมจาก 2n 3n 4n ฯลฯ ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตใหม่ ๆ (Species ใหม่ ๆ ) เป็นผลดีในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรเช่น ได้ผลไม้ที่มีผลใหญ่
การเปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการในประชากรของสิ่งมีชีวิตมี 2 รูปแบบ คือ
1. ประชากรมีการเปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการแบบค่อยเป็นค่อยไปจนแตกต่างจากประชากรเดิม คือ สิ่งมีชีวิต สปีชีส์หนึ่ง เปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการไปเป็นสปีชีส์ใหม่เรียกว่าวิวัฒนาการสายตรง หรืออะนาเจเนซิส (anagenesis)
2. ประชากรหนึ่งอาจเติบโตและแตกแยกออกเป็นประชากร ย่อยๆ ตามโครงสร้างทางพันธุกรรม ที่แตกต่างกัน จนกระทั่งแยกออกเป็นยีนพูลที่ต่างกันกลายเป็นสปีชีส์ที่ต่างกัน เรียกว่า การแยกแขนงสปีชีส์หรือสปีชีส์เอชัน (speciation) หรือคลาโดเจเนซิส (Cladogenesis)