However, the natural taste of cacao

However, the natural taste of cacao was too bitter for most people. To sweeten the drink, Europeans added sugar to the cacao drink. As a sweet drink, it became more popular.

By the 17th century, rich people in Europe were drinking it. Later, people started using chocolate in pastries, like pies
and cakes. In 1828, Dutch chocolate makers started using a new process for removing the fat from cacao beans, and
getting to the center of the cacao bean.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติรสชาติของโกโก้ไม่ขมเกินไปสำหรับคนส่วนใหญ่ ยังโล่งเครื่องดื่ม ยุโรปเพิ่มน้ำตาลในเครื่องดื่มโกโก้ เป็นเครื่องดื่มหวาน มันกลายเป็นความนิยมมากขึ้น โดยศตวรรษที่ 17 คนรวยในยุโรปได้ดื่มมัน ในภายหลัง คนเริ่มใช้ช็อคโกแลตขนม เช่นพายและเค้ก ใน 1828 ดัตช์ช็อกโกแลตชงเริ่มใช้กระบวนการใหม่สำหรับการเอาไขมันจากเมล็ดโกโก้ และการไปกลางของถั่วโกโก้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แต่รสชาติตามธรรมชาติของต้นโกโก้ขมมากเกินไปสำหรับคนส่วนใหญ่ เพื่อทำให้หวานเครื่องดื่มยุโรปน้ำตาลเพิ่มเครื่องดื่มโกโก้ ในฐานะที่เป็นเครื่องดื่มที่มีรสหวานมันก็กลายเป็นที่นิยมมากขึ้น. โดยศตวรรษที่ 17, คนร่ำรวยในยุโรปได้รับการดื่มมัน ต่อมาผู้คนเริ่มใช้ช็อคโกแลตในขนมอบเช่นพายและเค้ก ใน 1828 ผู้ผลิตช็อคโกแลตดัตช์เริ่มใช้กระบวนการใหม่สำหรับการลบไขมันจากเมล็ดโกโก้และการเดินทางไปยังศูนย์กลางของต้นโกโก้ถั่วที่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อย่างไรก็ตาม รสธรรมชาติ ของต้นโกโก้ขมเกินไปสำหรับคนส่วนใหญ่ ให้ดื่ม ชาวยุโรปเพิ่มน้ำตาลกับโกโก้ดื่ม เป็นเครื่องดื่มหวาน มันก็กลายเป็นที่นิยมมากขึ้นโดยศตวรรษที่ 17 คนรวยในยุโรปกำลังดื่มมัน ต่อมา ผู้คนเริ่มใช้ช็อกโกแลตในขนมอบ เช่น พายและเค้ก ใน 1828 , ผู้ผลิตช็อกโกแลตดัตช์เริ่มใช้กระบวนการใหม่เพื่อเอาไขมันจากเมล็ดของต้นโกโก้ถั่ว และการเดินทางไปยังศูนย์ของต้นโกโก้ถั่ว