1.โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเล็งเห็นถึงปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรอันเนื่องมาจากเรื่องน้ำ เช่น การขาดแคลนน้ำในหน้าแล้ง ครั้นถึงหน้าฝนน้ำก็จะไหลท่วมสวนไร่นา
ประเภทของโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ
1.1 เพื่อการเกษตร – เป็นการจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการเพาะปลูก แบ่งเป็นอ่างเก็บน้ำหรือแหล่งเก็บน้ำจากลำน้ำธรรมชาติและฝายน้ำล้นหรือการสร้างอาคารปิดขวางทางน้ำไหลเพื่อกักน้ำให้มีระดับแล้วจึงค่อยๆปล่อยน้ำไหลสู่คลอง
1.2 เพื่อการผลิตไฟฟ้า – เป็นโครงการเล็กๆเพื่อสนองความต้องการและความจำเป็นของแต่ละคนหมู่บ้าน เพื่อให้ได้ใช้กำลังไฟฟ้าทางด้านการเกษตร
1.3 เพื่อการอนุรักษ์พื้นที่ต้นน้ำลำธาร – เป็นการชะลอความเร็วของกระแสน้ำ
1.4 เพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มหรือพื้นที่น้ำท่วมขัง – งานขุดหรือปรับปรุงคลองระบายในบริเวณพื้นที่ลุ่มออกไปสู่แหล่งน้ำที่ใหญ่กว่า
1.5 เพื่อป้องกันและบรรเทาน้ำท่วม – ก่อสร้างคันน้ำ ทางผันน้ำ ปรับปรุงสภาพลำน้ำให้คล่องตัว
ประโยชน์ของการพัฒนาแหล่งน้ำ
-ช่วยให้ราษฏรสามารถทำการเพาะปลูกได้ทั้งฤดูแล้งและฤดูฝน ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
-อ่างเก็บน้ำขนาดต่างๆ กรมประมงได้นำพันธุ์ปลาและกุ้งปล่อยไว้ ทำให้ราษฏรมีกุ้งและปลาไว้บริโภคและนำไปขาย
-ทำให้ราษฏรมีน้ำสำหรับอุปโภคและบริโภค
เป็นการอนุรักษ์ต้นน้ำลำธาร ความชุ่มชื้นของดิน และป่าไม้ ตลอดจนช่วยป้องกันไฟป่าได้ด้วย
2.โครงการพัฒนาที่ดิน
เนื่องจากทรัยพากรที่ดินที่มีคุณภาพเหมาะสมที่จะให้ทำการเกษตรมีอยู่อย่างจำกัด แต่ความต้อการเพาะปลูกและทำกินเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องมีการอนุรักษ์ที่ดินเพื่อให้คงสภาพการผลิตไว้
วิกฤตการณ์เกี่ยวกับดิน
2.1 การเสื่อมความอุดมสมบูรณ์
2.2 การสูญเสียหน้าดินจากการชะล้างพังทลายของหน้าดิน
2.3 ดินเสื่อมจากการใช้ดินผิดประเภท
2.4 ดินเสื่อมจากการมีสารพิษเจือปน
2.5 ดินเสื่อมจากการใช้ประโยชน์จากดินบางประเภท เช่น ขุดหน้าดินไปขาย
3.โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้
พื้นที่ป่าไม้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือเพื่อเศรษฐกิจเป็นร้อยละ 25 และเพื่อการอนุรักษ์เป็นร้อยละ 15 แต่ปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้มีสัดส่วนลดลง เนื่องจากพื้นที่ถูกบุกรุกเพื่อจับจองทำไร่เลื่อนลอย และมีการตัดต้นไม้มากขึ้น เมื่อฝนตก น้ำฝนจะไหลบ่าชะล้างหน้าดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ลงมาที่ราบลุ่ม ทำให้แม่น้ำมีความตื่นเขิน นำไปสู่การกัดเซาะดินมีผลให้อายุการใช้งานของเขื่อนลดน้อยลง นอกจากนั้นหน้าดินที่ถูกชะล้างความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ชาวไร่ต้องเพิ่มการใช้ปุ๋ยมากกว่าเดิม
พระบาทสมเด็จจึงมีพระราชดำริในการแก้ปัญหาและพัฒนาป่าไม้ดังนี้
3.2 การอนุรักษ์สัตว์ป่าและอุทยานแห่งชาติ – ให้มีการสงานพันธุ์สัตว์ป่าและเพาะเลี้ยงสัตว์ที่กำลังจะสูญพันธุ์, จัดตั้งอุทยานและวนอุทยานเพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน
3.3 การจัดพื้นที่ทำกิน – จัดให้ราษฎรมีพื้นที่ทำกินเป็นหลักแหล่งเพื่อลดการตัดไม้ทำลายป่าหรือทำไร่เลื่อนลอยหรือปลูกฝิ่น
3.4 การพัฒนาวิจัยป่าไม้ – เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของป่าไม้กับสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เช่น ป่าไม้กับการประมงในพื้นที่ป่าชายเลน การพัฒนาด้านชลประทานเกี่ยวกับป่าไม้