During World War I he worked as a m

During World War I he worked as a medical minder with the Royal Army Medical Corps. After working with the renowned French oral and maxillofacial surgeon Hippolyte Morestin on skin graft, he persuaded the army's chief surgeon, Arbuthnot-Lane, to establish a facial injury ward at the Cambridge Military Hospital, Aldershot, later upgraded to a new hospital for facial repairs at Sidcup in 1917. There Gillies and his colleagues developed many techniques of plastic surgery; more than 11,000 operations were performed on over 5,000 men (mostly soldiers with facial injuries, usually from gunshot wounds). After the war, Gillies developed a private practice with Rainsford Mowlem, including many famous patients, and travelled extensively to promote his advanced techniques worldwide

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระหว่าง I สงครามโลก เขาทำงานเป็นตัวเตือนแพทย์กับหน่วยแพทย์กองทัพหลวง หลังจากทำงานชื่อฝรั่งเศสช่องปาก และทันตแพทย์ Hippolyte Morestin ในผิวกราฟ เขาชวนของหัวหน้าศัลยแพทย์ อาร์บูธนอทเลน การสร้างชิบาดเจ็บที่ใบหน้าที่เคมบริดจ์ทหาร ท อัพเกรดภายหลังโรงพยาบาลใหม่สำหรับการซ่อมแซมผิวที่ Sidcup ในปีค.ศ. 1917 มีกิลไลส์และเพื่อนร่วมงานของเขาได้พัฒนาเทคนิคการผ่าตัดพลาสติก มีดำเนินมากกว่า 11,000 กว่า 5,000 คน (ส่วนใหญ่เป็นทหาร มีอาการบาดเจ็บที่ใบหน้า ปกติจากบาดแผลกระสุนปืน) หลังจากสงคราม กิลไลส์พัฒนาปฏิบัติส่วนตัว ด้วย Rainsford Mowlem รวมทั้งผู้ป่วยจำนวนมากที่มีชื่อเสียง และเดินทางอย่างกว้างขวางการส่งเสริมเทคนิคขั้นสูงของเขาทั่วโลก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ระหว่างสงครามโลกครั้งที่เขาทำงานเป็นผู้รักษาทางการแพทย์กับแพทย์ทหารกองทหาร หลังจากที่ทำงานกับศัลยแพทย์ช่องปากและใบหน้าที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศส Hippolyte Morestin บนปลูกถ่ายผิวหนังเขาชักชวนศัลยแพทย์ผู้บัญชาการทหารบกของ Arbuthnot เลนเพื่อสร้างหอผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าที่โรงพยาบาลทหารเคมบริดจ์, ชอทต่อมาปรับปรุงให้เป็นโรงพยาบาลแห่งใหม่สำหรับการซ่อมแซมบำรุงผิวหน้า ที่ Sidcup ในปี 1917 มีกิลลีส์และเพื่อนร่วมงานของเขาพัฒนาเทคนิคต่าง ๆ ของการผ่าตัดพลาสติก มากกว่า 11,000 ดำเนินงานได้ดำเนินการในกว่า 5,000 คน (ส่วนใหญ่เป็นทหารที่มีอาการบาดเจ็บใบหน้ามักจะมาจากบาดแผลกระสุนปืน) หลังจากที่สงครามกิลลีส์พัฒนาการปฏิบัติส่วนตัวกับ Rainsford Mowlem รวมทั้งผู้ป่วยที่มีชื่อเสียงมากและเดินทางอย่างกว้างขวางเพื่อส่งเสริมเทคนิคขั้นสูงของเขาทั่วโลก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเขาเป็นผู้ดูแลทางการแพทย์กับกองทัพแพทย์คอร์ป หลังจากทำงานกับที่มีชื่อเสียงฝรั่งเศสศัลยแพทย์ช่องปากและขากรรไกรบนฮิปโปลิที morestin ปลูกถ่ายผิวหนัง เขาชักชวนของหัวหน้ากองทัพศัลยแพทย์ อาร์บัทเนิตเลน เพื่อสร้างประสบการณ์การบาดเจ็บใบหน้าที่เคมบริดจ์โรงพยาบาลทหาร , ชอท ต่อมายกฐานะเป็นโรงพยาบาลใหม่เพื่อซ่อมแซมใบหน้าที่ซิดคัพในปี 1917 มีกิลลีส์และเพื่อนร่วมงานของเขาได้พัฒนาเทคนิคมากมายของศัลยกรรมพลาสติก มากกว่า 11 , 000 งานจำนวนกว่า 5 , 000 คน ( ส่วนใหญ่เป็นทหารกับการบาดเจ็บที่ใบหน้า ปกติจากบาดแผล ) หลังจากสงคราม กิลลี่พัฒนาฝึกส่วนตัว mowlem เรนส์เฟิร์ด รวมทั้งผู้ป่วยที่มีชื่อเสียงมากมาย และเดินทางอย่างกว้างขวางเพื่อส่งเสริมของเขาเทคนิคขั้นสูงทั่วโลก