Economic growth is set to edge down

Economic growth is set to edge down further, from 6.5% in 2016 to 6.2% by 2017. Large-scale infrastructure spending will only partly make up for slowing business investment as overcapacity is being worked off in several industries. Real estate investment is bottoming out, but housing inventories remain sizeable. Consumption is projected to stay buoyant. The reduction in excess capacity will ease the downward pressure on producer prices, but consumer price inflation will remain low.

Monetary policy is assumed to ease to reduce financing costs and to provide adequate liquidity. Market forces should be allowed to drive the pricing of credit risk by removing implicit guarantees and ending bailouts. Corporations need to deleverage as slowing growth heightens credit risks. Fiscal policy is being eased significantly, potentially crowding out of private investment and building up imbalances. Spending should be targeted at areas that promote long-term inclusive growth, such as ensuring equal access to public services and extending the social safety net.

Productivity gains are becoming the main engine of improvements in living standards as capital-deepening-led growth has run its course. This calls for fostering innovation and entrepreneurship. Lower barriers to entry have spurred entrepreneurial activity, but the exit mechanism for unviable firms should also be streamlined. Policy emphasis is shifting towards supply-side reforms that seek to ensure sustainable development. Reallocation of labour from agriculture to industry and services has been a major driver of inclusive productivity growth and is likely to continue in the future.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เติบโตทางเศรษฐกิจถูกกำหนดเป็นขอบลงไป จาก 6.5% ในปี 2016 ถึง 6.2% ปี 2017 โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ใช้จ่ายจะเพียงบางส่วนทำขึ้นสำหรับการชะลอการลงทุนทางธุรกิจเป็น overcapacity กำลังปิดในหลายอุตสาหกรรม ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์คือ bottoming ออก แต่สินค้าคงเหลือที่อยู่อาศัยยังคงเผชิญ คาดว่าปริมาณการใช้การลอยตัว การลดกำลังการผลิตส่วนเกินจะช่วยบรรเทาความดันลงในราคาผู้ผลิต แต่อัตราเงินเฟ้อของราคาผู้บริโภคจะยังคงต่ำนโยบายการเงินจะสันนิษฐานเพื่อช่วยใน การลดต้นทุนทางการเงิน และสภาพคล่องที่เพียงพอให้ กลไกตลาดควรได้รับอนุญาตขับรถการกำหนดราคาของความเสี่ยงด้านเครดิต โดยเอาการรับประกันโดยนัย และสิ้น bailouts บริษัทจำเป็นต้อง deleverage ที่จะเติบโตชะลอตัวความเสี่ยงเครดิต นโยบายการคลังคือบรรเทามาก อาจเบียดเสียดจากการลงทุนส่วนตัว และสร้างความไม่สมดุลกัน ใช้จ่ายควรกำหนดเป้าหมายในพื้นที่ที่ส่งเสริมรวมเติบโต เช่นมั่นใจเข้าถึงบริการสาธารณะ และขยายตาข่ายความปลอดภัยทางสังคมผลผลิตกำไรจะกลายเป็น เครื่องมือหลักของการปรับปรุงในคุณภาพชีวิตเท่าทุนลึกไฟ led เติบโตมีการเรียกใช้หลักสูตรของ สายนี้สนับสนุนนวัตกรรมและผู้ประกอบการ ลดอุปสรรคได้กระตุ้นผู้ประกอบการกิจกรรม แต่กลไกออกสำหรับบริษัท unviable นอกจากนี้ยังควรจะคล่องตัว คือการเปลี่ยนนโยบายเน้นไปทางปฏิรูป supply-side ที่แสวงหาเพื่อให้การพัฒนาอย่างยั่งยืน ปันส่วนของแรงงานเกษตรอุตสาหกรรมและบริการแล้วขับหลักของผลผลิตรวมเติบโต และมีโอกาสที่จะดำเนินการต่อไปในอนาคต

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การเติบโตทางเศรษฐกิจมีการตั้งค่าไปที่ขอบลงเพิ่มเติมจาก 6.5% ในปี 2016 ที่จะ 6.2% โดยการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน 2017 ขนาดใหญ่เพียงบางส่วนจะทำขึ้นสำหรับการชะลอตัวการลงทุนทางธุรกิจเป็นล้นจะถูกทำงานออกในหลายอุตสาหกรรม การลงทุนอสังหาริมทรัพย์จะ bottoming ออก แต่สินค้าคงเหลือที่อยู่อาศัยยังคงมีขนาดใหญ่ การบริโภคคาดว่าจะอยู่ลอยตัว การลดกำลังการผลิตส่วนเกินจะบรรเทาแรงกดดันต่อราคาผู้ผลิต แต่อัตราเงินเฟ้อราคาผู้บริโภคจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ.

นโยบายการเงินจะสันนิษฐานได้เพื่อความสะดวกในการลดค่าใช้จ่ายในการจัดหาเงินทุนและเพื่อให้สภาพคล่องให้เพียงพอ กลไกตลาดควรได้รับอนุญาตในการผลักดันการกำหนดราคาของความเสี่ยงด้านเครดิตโดยการเอาการค้ำประกันโดยปริยายและสิ้นสุดการอนุมัติงบประมาณ บริษัท ต้อง deleverage การเจริญเติบโตชะลอตัว heightens ความเสี่ยงด้านเครดิต นโยบายการคลังจะถูกปลดเปลื้องอย่างมีนัยสำคัญที่อาจเกิดขึ้นเบียดเสียดจากการลงทุนของภาคเอกชนและการสร้างความไม่สมดุล การใช้จ่ายควรจะกำหนดเป้าหมายที่พื้นที่ที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตรวมในระยะยาวเช่นการสร้างความมั่นใจเข้าถึงเท่ากันในการบริการสาธารณะและการขยายเครือข่ายความปลอดภัยทางสังคม.

กำไรจากการผลิตจะกลายเป็นเครื่องมือหลักของการปรับปรุงในมาตรฐานการดำรงชีวิตการเจริญเติบโตทุนลึกนำได้ทำงาน หลักสูตรของ นี้เรียกร้องให้การส่งเสริมนวัตกรรมและผู้ประกอบการ ปัญหาและอุปสรรคในการเข้าสู่ที่ต่ำกว่าได้กระตุ้นกิจกรรมผู้ประกอบการ แต่กลไกทางออกสำหรับ บริษัท unviable ก็ควรจะคล่องตัว นโยบายเน้นการปฏิรูปขยับไปทางด้านอุปทานที่แสวงหาเพื่อให้แน่ใจว่าการพัฒนาที่ยั่งยืน จัดสรรแรงงานจากการเกษตรเพื่ออุตสาหกรรมและการบริการที่ได้รับการขับรถที่สำคัญของการเจริญเติบโตผลผลิตรวมและมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปในอนาคต

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การเติบโตทางเศรษฐกิจมีการตั้งค่าขอบลงเพิ่มเติมจาก 6.5% ในปี 2016 6.2 เปอร์เซ็นต์โดย 2017 การใช้โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จะเพียงบางส่วนทำให้ชะลอการลงทุนที่ล้นจะถูกทำงานออกในหลายอุตสาหกรรม การลงทุนอสังหาริมทรัพย์จะตกออก แต่สินค้าคงคลังที่อยู่อาศัยยังคงมาก . การบริโภคคาดว่าจะอยู่ขึ้นอืด ลดกำลังผลิตส่วนเกินจะลดความดันลงในราคาผู้ผลิต แต่อัตราเงินเฟ้อราคาผู้บริโภคจะยังคงต่ำนโยบายการเงินจะถือว่าง่าย เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และเพื่อให้มีสภาพคล่องที่เพียงพอ กลไกตลาดที่ควรจะได้รับอนุญาตให้ไดรฟ์ราคาของความเสี่ยงด้านเครดิต โดยเอาระบบประกันและสิ้นสุด bailouts . องค์กรต้อง deleverage เป็นการชะลอการเจริญเติบโตระดับสูงความเสี่ยงเครดิต นโยบายการคลังจะถูกลดลงอย่างมาก อาจกดดันจากการลงทุนของภาคเอกชนและสร้างความไม่สมดุล . ใช้ควรมีเป้าหมายในพื้นที่ที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตรวมระยะยาว เช่นมั่นใจเท่ากับการเข้าถึงการบริการสาธารณะและการขยายสุทธิความปลอดภัยทางสังคม .เพิ่มประสิทธิภาพเป็นเครื่องมือหลักของการปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพในเมืองหลวงจะมี LED เติบโตได้ใช้หลักสูตรของ สายนี้สำหรับการพัฒนานวัตกรรมและผู้ประกอบการ อุปสรรคที่ลดลงรายการมีกิจกรรมกระตุ้นผู้ประกอบการ แต่กลไกทางออกสำหรับ บริษัท คิด ควรมีประสิทธิภาพ เน้นนโยบายด้านอุปทานขยับต่อการปฏิรูปที่แสวงหาเพื่อให้แน่ใจว่าการพัฒนาที่ยั่งยืน การจัดสรรแรงงานจากภาคการเกษตร อุตสาหกรรม และการบริการ มีโปรแกรมควบคุมหลักของการขยายตัวของผลผลิตรวม และมีแนวโน้มต่อไปในอนาคต