Red–green colour blindness, which r

Red–green colour blindness, which results from the absence of
either the long- (L) or the middle- (M) wavelength-sensitive visual
photopigments, is the most common single locus genetic disorder.
Here we explore the possibility of curing colour blindness using
gene therapy in experiments on adult monkeys that had been
colour blind since birth. A third type of cone pigment was added
to dichromatic retinas, providing the receptoral basis for trichromatic
colour vision.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตาบอดสีแดงเขียว ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดงานของแบบยาว (L) หรือตัวกลาง- (M) ความยาวคลื่นความ visualphotopigments จะผิดปกติทางพันธุกรรมโลกัสโพลเดียวทั่วที่นี่เราสำรวจความเป็นไปได้ของการบ่มโดยใช้ตาบอดสียีนบำบัดในการทดลองในลิงผู้ใหญ่ที่เคยสีตาบอดตั้งแต่เกิด มีเพิ่มชนิดของรงควัตถุกรวยสามการ dichromatic retinas ให้พื้นฐาน receptoral trichromaticสีวิสัยทัศน์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตาบอดสีแดงสีเขียวซึ่งเป็นผลมาจากการขาดงานของ
ทั้งยาว (L) หรือกลาง (M) ภาพที่ไวต่อความยาวคลื่น
photopigments เป็นสถานที่เดียวที่พบบ่อยที่สุดโรคทางพันธุกรรม.
ที่นี่เราจะสำรวจความเป็นไปได้ของการบ่มตาบอดสี โดยใช้
ยีนบำบัดในการทดลองในลิงผู้ใหญ่ที่ได้รับ
สีตาบอดตั้งแต่แรกเกิด ชนิดที่สามของเม็ดสีกรวยถูกเพิ่มเข้ามา
เพื่อเรตินา dichromatic ให้พื้นฐานสำหรับ receptoral Trichromatic
การมองเห็นสี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สีแดงและสีเขียวตาบอด ซึ่งผลลัพธ์จากการขาดของ
ให้ยาว ( L ) หรือกลาง - ( M ) ที่มีความยาวคลื่นภาพ
photopigments , ความผิดปกติทางพันธุกรรมที่พบมากที่สุดเดียว - .
ที่นี่เราจะสำรวจความเป็นไปได้ของการใช้ยีนบำบัดรักษาโรคตาบอดสี
ในการทดลองกับลิง มีผู้ใหญ่
สีตาบอดมาตั้งแต่กำเนิด ชนิดที่สามของกรวยเติม
สีเพื่อ dichromatic retinas ให้พื้นฐาน receptoral สำหรับ trichromatic
สีวิสัยทัศน์ .