The Economy of Malaysia is a growin

The Economy of Malaysia is a growing and relatively open state-oriented and newly industrialised market economy.[2][3] The state plays a significant but declining role in guiding economic activity through macroeconomic plans. In 2007, the economy of Malaysia was the 3rd largest economy in South East Asia and 29th largest economy in the world by purchasing power parity with gross domestic product for 2008 of $222 billion[4] with a growth rate of 5% to 7% since 2007[5] In 2009, GDP per capita (PPP) of Malaysia stands at US$14,900.[6] In 2009, the nominal GDP was US$383.6 billion, and the nominal per capital GDP was US$8,100.[7]

The Southeast Asian nation experienced an economic boom and underwent rapid development during the late 20th century and has a GDP per capita of $14,800, being considered a newly industrialized country.[8][9] On the income distribution, there are 5.8 million households in 2007. Of that, 8.6% have an monthly income below RM1,000, 29.4% had between RM1,000 and RM2,000, while 19.8% earned between RM2,001 and RM3,000; 12.9% of the households earned between RM3,001 and RM4,000 and 8.6% between RM4,001 and RM5,000. Finally, around 15.8% of the households have an income of between RM5,001 and RM10,000 and 4.9% have an income of RM10,000 and above.[10]

As one of three countries that control the Strait of Malacca, international trade plays a large role in its economy.[11] At one time, it was the largest producer of tin, rubber and palm oil in the world.[12] Manufacturing has a large influence in the country's economy.[13] Malaysia is the world's largest Islamic banking and financial centre.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เศรษฐกิจของมาเลเซียมีการเติบโตและค่อนข้างเปิดรัฐที่มุ่งเน้นและเศรษฐกิจตลาดอุตสาหกรรมใหม่. [2] [3] รัฐมีบทบาทสำคัญ แต่ลดลงในการชี้นำกิจกรรมทางเศรษฐกิจผ่านแผนเศรษฐกิจมหภาค ในปี 2007เศรษฐกิจของมาเลเซียเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดที่ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดที่ 29 ในโลกโดยการซื้อเท่าเทียมกันของอำนาจกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในปี 2008 ของ $ 222,000,000,000 [4] มีอัตราการเติบโตจาก 5% เป็น 7% นับตั้งแต่ปี 2007 [5 ] ในปี 2009, จีดีพีต่อหัว (PPP) ของมาเลเซียอยู่ที่เรา $ 14,900. [6] ในปี 2009, จีดีพีเป็นเรา 383,600,000,000 $ และระบุจีดีพีต่อทุนเป็นเรา $ 8,100[7]

ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีประสบการณ์บูมทางเศรษฐกิจและได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วในระหว่างศตวรรษที่ 20 และมีจีดีพีต่อหัวของ $ 14,800, ได้รับการพิจารณาเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่. [8] [9] เกี่ยวกับการกระจายรายได้ที่มี 5.8 ล้านครัวเรือนในปี 2007 ของที่ 8.6% มีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า RM1, 000, 29.4% มีระหว่าง RM1, 000 และ RM2, 000, 19 ขณะที่8% ที่ได้รับระหว่าง RM2, 001 และ RM3, 000; 12.9% ของครัวเรือนที่ได้รับระหว่าง RM3, 001 และ RM4, 000 และ 8.6% ระหว่าง RM4, 001 และ RM5, 000 ในที่สุดประมาณ 15.8% ของผู้ประกอบการมีรายได้ระหว่าง RM5, 001 และ RM10, 000 และ 4.9% มีรายได้ของ RM10, 000 และเหนือ. [10]

เป็นหนึ่งในสามประเทศที่ควบคุมช่องแคบมะละกา, การค้าระหว่างประเทศที่มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจของประเทศ[11] ในช่วงเวลาหนึ่งก็เป็นผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดของดีบุกยางพาราและปาล์มน้ำมันในโลก. [12] การผลิตมีอิทธิพลมากในเศรษฐกิจของประเทศ. [13] มาเลเซียเป็นธนาคารอิสลามที่ใหญ่ที่สุดของโลกและศูนย์กลางทางการเงิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เศรษฐกิจมาเลเซียมีการเติบโต และค่อนข้างเปิดรัฐแปลก และใหม่ industrialised เศรษฐกิจตลาด[2][3] รัฐมีบทบาทสำคัญ แต่ลดลงในการนำกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยแผนเศรษฐกิจมหภาค ในปี 2007 เศรษฐกิจของมาเลเซีย 3 เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ 29 เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศสำหรับปี 2551 และพันของ 222 ล้านเหรียญ [4] มีอัตราการเติบโตของ 5% ถึง 7% ตั้งแต่ 2007 [5] ในปี 2009, GDP ต่อหัว (PPP) ของมาเลเซียอยู่ที่สหรัฐอเมริกา $14, 900[6] ในปี 2009 ระบุจีดีพีคือ 383.6 พันล้าน เหรียญ สหรัฐฯ และว่ายอมต่อทุน GDP สหรัฐอเมริกา $8, 100[7]

ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีประสบการณ์บูมเศรษฐกิจการ และรับการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 และได้เป็น GDP ต่อหัวของ $14800 การเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่[8][9] ในการกระจายรายได้ ได้ 5.8 ล้านครัวเรือนในปี 2550 ที่ 8.6% มีรายได้รายเดือนด้านล่าง RM1, 000, 29.4% ได้ระหว่าง RM1, 000 และ RM2, 000 ในขณะที่ 198% ได้ระหว่าง RM2, RM3, 000 และ 001 12.9% ของครัวเรือนที่ได้รับระหว่าง RM3, 001 และ RM4, 000 และ 8.6% ระหว่าง RM4, 001 และ RM5, 000 ในที่สุด ประมาณ 15.8% ของครัวเรือนมีรายได้ของระหว่าง RM5, 001 และ RM10, 000 และ 4.9% มีรายได้ RM10, 000 และข้างต้น[10]

เป็นหนึ่งในสามประเทศที่ควบคุมช่องแคบมะละกา การค้าระหว่างประเทศมีบทบาทมากในเศรษฐกิจของประเทศ[11] ที เป็นผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดของกระป๋อง ยาง และน้ำมันปาล์มในโลก[12] ผลิตมีอิทธิพลใหญ่ในเศรษฐกิจของประเทศ[13] มาเลเซียเป็นศูนย์การเงินและธนาคารอิสลามที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เศรษฐกิจของประเทศมาเลเซียจะมีการเติบโตและเป็นแบบเปิดโล่งของรัฐ - ตะวันออกและอุตสาหกรรมใหม่ระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี.[ 2 ][ 3 ]ของรัฐที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากแต่ลดลงในหวีสางกระจุกผมของกิจกรรมทางเศรษฐกิจผ่านแผนเศรษฐกิจมห ภาค ในปี 2007ที่เศรษฐกิจของประเทศมาเลเซียเป็นที่ 3 มีขนาดใหญ่ที่สุดทางเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ 29 มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเศรษฐกิจโดยการซื้อพลังงานพาริตี้พร้อมด้วย ผลิตภัณฑ์ มวลรวมในประเทศในปี 2008 ในอัตรา$ 222 พันล้าน[ 4 ]ด้วยอัตราการขยายตัว 5% เป็น 7% ตั้งแต่ 2007 [ 5 ]ในปี 2009 , GDP ต่อหัว( PPP )ของประเทศมาเลเซียตั้งอยู่ที่ดอลลาร์สหรัฐฯ 14,900 .[ 6 ]ในปี 2009 ,ที่กำหนดไว้ทางเศรษฐกิจเป็น 383.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯและที่ไม่มากนักต่อทุนทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ 8,100 .[ 7 ],

ประเทศชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีประสบการณ์และความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจที่ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วในระหว่างช่วงปลายศตวรรษที่ 20 และมีเศรษฐกิจที่ต่อหัวของประชากรของ$ 14,800 กำลังอยู่ในการพิจารณาประเทศอุตสาหกรรมใหม่ที่.[ 8 ][ 9 ]ในการกระจายรายได้ที่มีอยู่ 5.8 ล้านครัวเรือนในปี 2007 ของที่ 8.6% มีรายได้ต่อเดือนที่ด้านล่าง RM 1,000 29.4% ได้ระหว่าง RM 1,000 และ RM 2,000 ในขณะที่ 198% ได้รับระหว่าง RM 2,001 และ RM 3,00012.9% ของครัวเรือนที่ได้รับระหว่าง RM 3,001 และ RM 4,000 และ 8.6% ระหว่าง RM 4,001 และ rm5,000 . ประการสุดท้ายโดยรอบ 15.8% ของครัวเรือนที่มีรายได้ในระหว่าง RM 5,001 และ RM 10,000 และ 4.9% มีรายได้ของ RM 10,000 และด้านบน.[ 10 ]

เป็นหนึ่งในสามประเทศที่ควบคุมที่ต้องผ่านช่องแคบมะละกา,การค้าระหว่างประเทศมีขนาดใหญ่มีบทบาทในระบบเศรษฐกิจ.[ 11 ]ในช่วงเวลาหนึ่งมันเป็นผู้ผลิตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของดีบุกปาล์มน้ำมันและยางพาราในโลก.[ 12 ]การผลิตได้มีอิทธิพลต่อขนาดใหญ่ที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจของประเทศได้.[ 13 ]ประเทศมาเลเซียเป็นอิสลามที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกศูนย์กลางการธนาคารและการเงิน