The use of fish oils in animal feed

The use of fish oils in animal feed has been largely studied due to their particular fatty acid composition; however, no much attention has been paid to the relevance of the oxidative quality of fish oils on animal health and meat composition and stability. Here, two fish oils (that were available as feed ingredients in the current market) presenting a different oxidative quality [i.e. a thiobarbituric (TBA) value of 65 vs 2819 μg MDA/kg, and a % polymers of 0.21 vs 2.65] were added to chicken and rabbit feeds, in order to study their effects on the fatty acid composition and oxidative stability of meat, liver and plasma. This study shows that not only the fatty acid composition of fish oils, but also their oxidative quality affects the final nutritional and stability properties of meat, liver and plasma. A 100% increase in TBA value occurred in chicken meat from animals fed highly oxidised fish oil, and similar trends were observed in rabbit meat. This might be related to the 42% decrease observed in chicken meat α-tocopherol (αT) content, although the absorption of certain secondary oxidation compounds from fish oil could not be excluded. The αT content of chicken and rabbit meat, liver and plasma varied according to the αT content in the corresponding feed. However, these differences were not always directly proportional, suggesting that certain factors could impair availability of the tocopherol supplied by the feed. Susceptibility to oxidation (measured as peroxide values obtained through the FOX induced method) showed some differences between tissues and species, which might be related to differences between the PUFA/αT ratios in each type of sample. Both chicken and rabbit meat and tissues were enriched in n-3 fatty acids, but the amounts varied depending on the content of n-3 fatty acids in the fish oil, reaching values around 1000 mg/100 g in chicken and 230 mg/100 g in rabbit meat.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ใช้น้ำมันปลาในอาหารสัตว์ได้รับการศึกษามากเนื่องจากองค์ประกอบของกรดไขมันโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ได้จ่ายความสนใจไม่มากให้ความสำคัญของคุณภาพ oxidative ของน้ำมันปลาในองค์ประกอบสุขภาพและเนื้อสัตว์และความมั่นคง ที่นี่ สองปลาน้ำมัน (ที่ใช้เป็นส่วนผสมอาหารสัตว์ในตลาดปัจจุบันอยู่) นำเสนอคุณภาพ oxidative อื่น [เช่น μg 65 vs 2819 MDA กิโลกรัมค่า thiobarbituric (TBA) และโพลิเมอร์%ของ 0.21 vs 2.65] เพิ่มดึงไก่และกระต่าย เพื่อศึกษาผลขององค์ประกอบของกรดไขมันและเสถียรภาพ oxidative ของเนื้อ ตับและพลาสมา การศึกษานี้แสดงว่า ไม่เพียงแต่องค์ประกอบกรดไขมันของน้ำมันปลา แต่ยังคุณภาพของ oxidative มีผลสุดท้ายความมั่นคงทางโภชนาการและคุณสมบัติของเนื้อ ตับ และพลาสม่า เพิ่มขึ้น 100% มีค่า TBA เกิดในเนื้อไก่จากน้ำมันปลาสูง oxidised เลี้ยงดูสัตว์ และแนวโน้มที่คล้ายสุภัคเนื้อกระต่าย นี้อาจเกี่ยวข้องกับที่พบในไก่เนื้อด้วยกองทัพ-tocopherol (αT) เนื้อหา แม้ไม่ออกดูดซึมสารบางออกซิเดชันรองจากน้ำมันปลาลดลง 42% เนื้อหา αT ของเนื้อไก่และกระต่าย ตับ และพลาสมาที่แตกต่างกันตามเนื้อหา αT ในตัวดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างเหล่านี้ก็ไม่สัดส่วนโดยตรง การแนะนำว่า ปัจจัยบางอย่างสามารถทำของ tocopherol โดยตัวดึงข้อมูล ง่ายออกซิเดชัน (วัดเป็นค่าเปอร์ออกไซด์ผ่านสุนัขจิ้งจอกเกิดวิธี) แสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างเนื้อเยื่อและพันธุ์ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความแตกต่างระหว่างอัตราส่วน PUFA/αT ในตัวอย่างแต่ละชนิด ทั้งไก่ และกระต่ายเนื้อ และเนื้อเยื่อถูกอุดมไปในกรดไขมัน n-3 แต่ยอดเงินที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับเนื้อหาของกรดไขมัน n-3 ในน้ำมันปลา ถึงค่า 1000 มิลลิกรัม/100 กรัมในไก่และ 230 มิลลิกรัม/100 กรัมในเนื้อกระต่าย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การใช้น้ำมันปลาในอาหารสัตว์ที่ได้รับการศึกษาส่วนใหญ่เนื่องจากองค์ประกอบของกรดไขมันของพวกเขาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แต่ไม่มีความสนใจมากได้รับการจ่ายเงินให้กับความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพออกซิเดชันของน้ำมันปลาที่มีต่อสุขภาพสัตว์และองค์ประกอบของเนื้อและความมั่นคง ที่นี่สองน้ำมันปลา (ที่มีอยู่เป็นส่วนผสมอาหารในตลาดปัจจุบัน) นำเสนอที่มีคุณภาพออกซิเดชันที่แตกต่างกัน [เช่น thiobarbituric (TBA) มูลค่า 65 เทียบกับ 2,819 ไมโครกรัมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ / กก. และโพลิเมอร์% ของ 0.21 เทียบกับ 2.65] ถูกเพิ่ม ไก่และฟีดกระต่ายเพื่อศึกษาผลกระทบต่อองค์ประกอบของกรดไขมันและความมั่นคงออกซิเดชันของเนื้อตับและพลาสม่า การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าไม่เพียง แต่องค์ประกอบของกรดไขมันของน้ำมันปลา แต่ยังมีคุณภาพออกซิเดชันของพวกเขาส่งผลกระทบต่อคุณสมบัติทางโภชนาการและความมั่นคงสุดท้ายของเนื้อตับและพลาสม่า เพิ่มขึ้น 100% ในค่า TBA เกิดขึ้นในเนื้อไก่จากสัตว์เลี้ยงน้ำมันปลาเหลี่ยมสูงและแนวโน้มที่คล้ายกันพบในเนื้อกระต่าย ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับการลดลง 42% พบว่าในเนื้อไก่αโทโคฟีรอ (αT) เนื้อหาแม้ว่าการดูดซึมของสารออกซิเดชั่บางรองจากน้ำมันปลาไม่สามารถได้รับการยกเว้น เนื้อหาαTของไก่และเนื้อกระต่าย, ตับและพลาสม่าที่แตกต่างกันตามเนื้อหาαTในฟีดที่สอดคล้องกัน แต่ความแตกต่างเหล่านี้ไม่ได้เสมอสัดส่วนโดยตรงบอกว่าปัจจัยบางอย่างที่อาจทำให้เสียความพร้อมของโทโคฟีรอที่จัดทำโดยฟีด ความไวต่อการเกิดออกซิเดชัน (วัดค่าเปอร์ออกไซด์ที่ได้รับผ่านวิธีการเหนี่ยวนำให้เกิดฟ็อกซ์) ที่แสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างเนื้อเยื่อและชนิดที่อาจจะเกี่ยวข้องกับความแตกต่างระหว่างอัตราส่วน PUFA / αTในแต่ละประเภทของกลุ่มตัวอย่าง ทั้งไก่และเนื้อกระต่ายและเนื้อเยื่อที่ถูกอุดมไปด้วยกรดไขมัน n-3 แต่จำนวนเงินที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับเนื้อหาของกรด n-3 ไขมันในน้ำมันปลาถึงค่าประมาณ 1000 มก. / 1​​00 กรัมในไก่และ 230 มก. / 1​​00 กรัมในเนื้อกระต่าย