The most abundant species was the e

The most abundant species was the endogeic Legonodrilus sp. nov., present in all plots at both samplings. Average densities were 49 m−2, in the crop phase and 80 ind. m−2 in the fallow phase. While there were no significant differences between treatments in the crop phase, by the fallow phase, densities in the high tree density (40 ind. m−2) were lower (P = 0.091) than in the low density

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สายพันธุ์ที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดคือ endogeic legonodrilus SP พฤศจิกายนปัจจุบันในแปลงทั้งหมดที่กลุ่มตัวอย่างทั้งสอง ความหนาแน่นเฉลี่ยอยู่ที่ 49 เมตร-2 ในขั้นตอนการเพาะปลูกและ 80 ตัว m-2 ในขั้นตอนการเพาะปลูก ในขณะที่ไม่มีความแตกต่างที่สำคัญระหว่างการรักษาในขั้นตอนการเพาะปลูกโดยเฟสรกร้างความหนาแน่นในความหนาแน่นของต้นไม้สูง (40 ตัว. m-2) ลดลง (p = 0.091) กว่าในความหนาแน่นต่ำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พันธุ์อุดมสมบูรณ์ที่สุดถูก sp. Legonodrilus endogeic พฤศจิกายน อยู่ในผืนทั้งหมดที่ samplings ทั้งสอง ความหนาแน่นเฉลี่ยได้ m−2 49 ในระยะพืชและ m−2 80 ind.ในระยะ fallow ขณะมีไม่แตกต่างกันระหว่างการรักษาในระยะพืช โดยระยะ fallow ความหนาแน่นความหนาแน่นสูงต้นไม้ (m−2 ind. 40) ในคนที่ต่ำ (P = 0.091) มากกว่าในความหนาแน่นต่ำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พันธุ์ไม้ที่หลากหลายมากที่สุดเป็น endogeic legonodrilus sp .พ.ย..ในแปลงทั้งหมดที่ลิ้มลองทั้งสอง หนาแน่นโดยเฉลี่ยแล้วมี 49 ม. 2 ในระยะที่พืชและอินเดีย 80 .ม. 2 ในขั้นตอนตาม ในระหว่างที่ยังไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างการบำบัดในช่วงผลผลิตที่ได้ในส่วนสีเหลืองที่หนาแน่นในความหนาแน่นต้นไม้สูง(อินเดีย 40 .ม. 2 )ลดลง( P = 0.091 )มากกว่าในความหนาแน่นต่ำได้