การศึกษาความชุกชุมการแพร่กระจายและการใช้ประโยชน์จากการทำการประมงหอยและ กุ้งฝอยในบริเวณบึงโขงหลงจังหวัดบึงกาฬ ในครั้งนี้พบหอย 5 ชนิด ได้แก่ หอยขมลาย Filopaludina (Filopaludina) sumatrensis speciosa (Deshayes, 1876), หอยขมหรือหอยจูบ Filopaludina (Siamopaludina) martensi (Frauenfeld, 1865), หอยโข่ง Pomacea canaliculata, หอยเชอรี่ Pila polita และหอยกาบอ้วนหรือหอยกิบกี้ Uniandracontradens ascia ความชุกชุมของหอยทุกจุดสำรวจพบหอยขม มีจำนวนมากที่สุด รองลงมาคือ หอยกาบอ้วน หอยขมลาย หอยเชอรี่และหอยโข่ง ดังนี้คือ 8.34, 7.77, 2.83, 1.79 และ 0.63 ตัวต่อตารางเมตร ตามลำดับ มีความยาวอยู่ในช่วง 22-31, 40-49, 17-21, 20-29, และ 25-34 มิลลิเมตร ตามลำดับ ส่วนการศึกษาความหลากหลายของกุ้งฝอยนั้น พบกุ้งฝอย รวม 4 ชนิด ได้แก่ ชนิด Macrobrachium lanchesteri ชนิด Macrobrachium niphanae ชนิด Macrobrachium sp. และชนิด Caridina laevis โดยพบกุ้งฝอย Macrobrachuim lanchesteri มากที่สุดเฉลี่ย 31.45 ตัวต่อลอบขนาด 0.3 ตารางเมตรต่อคืน รองลงมาคือ กุ้ง Macrobrachuim sp, Macrobrachuim niphanae และ Caridina laevis คือ 15.02, 13.53 และ 7.65 ตัวต่อลอบขนาด 0.3 ตารางเมตรต่อคืน ตามลำดับ และมีขนาดความยาวตัวอยู่ระหว่าง 33-42, 28-37, 35-44 และ 9-18 มิลลิเมตร ตามลำดับ สำหรับการศึกษาการใช้ประโยชน์ของหอย และกุ้งฝอยในชุมชนบริเวณบึงโขงหลง พบว่าการใช้ประโยชน์ของหอยเพื่อการบริโภคในครัวเรือนเป็นส่วนใหญ่ มีผู้ทำการประมงหอยและกุ้งฝอย จำนวน 37 และ 22 ราย มีผลจับหอยเฉลี่ย 92.05 กิโลกรัมต่อเดือน ราคาหอยเฉลี่ย 15 บาทต่อกิโลกรัม คิดมูลค่า 1,380.86 บาทต่อเดือน มูลค่ารวมเฉลี่ย 16,570.32 บาทต่อปี และสามารถจับกุ้งฝอยได้เฉลี่ย 337.96 กิโลกรัมต่อเดือน ราคากุ้งฝอยสดเฉลี่ย 135 ต่อกิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าเฉลี่ย 45,624.60 บาทต่อเดือน มูลค่ารวมเฉลี่ย 547,495.20 บาทต่อปี
การศึกษาความชุกชุมการแพร่กระจายและการใช้ประโยชน์จากการทำการประมงหอยและกุ้งฝอยในบริเวณบึงโขงหลงจังหวัดบึงกาฬในครั้งนี้พบหอย 5 สิ่งได้แก่หอยขมลาย (Filopaludina) Filopaludina sumatrensis น้ำ (Deshayes, 1876), หอยขมหรือหอยจูบ (Siamopaludina) Filopaludina martensi (Frauenfeld ปี 1865), หอยโข่งหอยเชอรี่ หอยเชอรี่ Pila polita และหอยกาบอ้วนหรือหอยกิบกี้ Uniandracontradens ascia ความชุกชุมของหอยทุกจุดสำรวจพบหอยขมมีจำนวนมากที่สุดรองลงมาคือหอยกาบอ้วนหอยขมลายหอยเชอรี่และหอยโข่งดังนี้คือ 8.34, 7.77, 2.83, 1.79 และ 0.63 ตัวต่อตารางเมตรตามลำดับมีความยาวอยู่ในช่วง 40-49, 22-31, 17-21, 20-29 และ 25-34 มิลลิเมตรตามลำดับส่วนการศึกษาความหลากหลายของกุ้งฝอยนั้นพบกุ้งฝอยรวม 4 สิ่งได้แก่สิ่งก้าม lanchesteri สิ่งก้าม niphanae สิ่งก้าม sp.และชนิด Caridina laevis โดยพบกุ้งฝอย Macrobrachuim lanchesteri มากที่สุดเฉลี่ย 31.45 ตัวต่อลอบขนาด 0.3 ตารางเมตรต่อคืนรองลงมาคือกุ้ง Macrobrachuim sp, Macrobrachuim niphanae และ Caridina laevis คือ 15.02, 13.53 และ 7.65 ตัวต่อลอบขนาด 0.3 ตารางเมตรต่อคืนตามลำดับและมีขนาดความยาวตัวอยู่ระหว่าง 33-42, 28-37, 35-44 และ 9-18 มิลลิเมตรตามลำดับสำหรับการศึกษาการใช้ประโยชน์ของหอยและกุ้งฝอยในชุมชนบริเวณบึงโขงหลงพบว่าการใช้ประโยชน์ของหอยเพื่อการบริโภคในครัวเรือนเป็นส่วนใหญ่มีผู้ทำการประมงหอยและกุ้งฝอยจำนวน 37 และ 22 รายมีผลจับหอยเฉลี่ย 92.05 กิโลกรัมต่อเดือนราคาหอยเฉลี่ย 15 บาทต่อกิโลกรัมคิดมูลค่า 1,380.86 บาทต่อเดือนมูลค่ารวมเฉลี่ย 16,570.32 บาทต่อปีและสามารถจับกุ้งฝอยได้เฉลี่ย 337.96 กิโลกรัมต่อเดือนราคากุ้งฝอยสดเฉลี่ย 135 ต่อกิโลกรัมคิดเป็นมูลค่าเฉลี่ย 45,624.60 บาทต่อเดือนมูลค่ารวมเฉลี่ย 547,495.20 บาทต่อปี
การแปล กรุณารอสักครู่..

ในครั้งนี้พบหอย 5 ชนิด ได้แก่ หอยขมลาย Filopaludina (Filopaludina) sumatrensis speciosa (Deshayes, 1876), หอยขมหรือหอยจูบ Filopaludina (Siamopaludina) martensi (Frauenfeld, 1865), เชอรี่หอยโข่ง, หอยเชอรี่ Pila POLITA และหอย กาบอ้วนหรือหอยกิบกี้ Uniandracontradens Ascia มีจำนวนมากที่สุดรองลงมาคือหอยกาบอ้วนหอยขมลายหอยเชอรี่และหอยโข่งดังนี้คือ 8.34, 7.77, 2.83, 1.79 และ 0.63 ตัวต่อตารางเมตรตามลำดับมีความยาวอยู่ในช่วง 22-31, 40-49, วันที่ 17-21, 20-29, และ 25-34 มิลลิเมตรตามลำดับ พบกุ้งฝอยรวม 4 ชนิด ได้แก่ ชนิด Macrobrachium lanchesteri ชนิด Macrobrachium niphanae ชนิด Macrobrachium SP และชนิด Caridina laevis โดยพบกุ้งฝอย Macrobrachuim lanchesteri มากที่สุดเฉลี่ย 31.45 ตัวต่อลอบขนาด 0.3 ตารางเมตรต่อคืนรองลงมาคือกุ้ง Macrobrachuim SP, Macrobrachuim niphanae และ Caridina laevis คือ 15.02, 13.53 และ 7.65 ตัวต่อลอบขนาด 0.3 ตารางเมตรต่อคืน ตามลำดับและมีขนาดความยาวตัวอยู่ระหว่าง 33-42, 28-37, 35-44 และ 9-18 มิลลิเมตรตามลำดับ และกุ้งฝอยในชุมชนบริเวณบึงโขงหลง มีผู้ทำการประมงหอยและกุ้งฝอยจำนวน 37 และ 22 รายมีผลจับหอยเฉลี่ย 92.05 กิโลกรัมต่อเดือนราคาหอยเฉลี่ย 15 บาทต่อกิโลกรัมคิดมูลค่า 1,380.86 บาทต่อเดือนมูลค่ารวมเฉลี่ย 16,570.32 บาทต่อปีและสามารถจับกุ้งฝอยได้เฉลี่ย 337.96 กิโลกรัมต่อ เดือนราคากุ้งฝอยสดเฉลี่ย 135 ต่อกิโลกรัมคิดเป็นมูลค่าเฉลี่ย 45,624.60 บาทต่อเดือนมูลค่ารวมเฉลี่ย 547,495.20 บาทต่อปี
การแปล กรุณารอสักครู่..

การศึกษาความชุกชุมการแพร่กระจายและการใช้ประโยชน์จากการทำการประมงหอยและกุ้งฝอยในบริเวณบึงโขงหลงจังหวัดบึงกาฬในครั้งนี้พบหอย 5 ชนิดได้แก่หอยขมลาย filopaludina ( filopaludina ) sumatrensis speciosa ( deshayes 1876 )หอยขมหรือหอยจูบ filopaludina ( siamopaludina ) martensi ( Frauenfeld 1865 ) หอยโข่งหอยเชอรี่ ,หอยเชอรี่ Pila Polita และหอยกาบอ้วนหรือหอยกิบกี้ uniandracontradens ascia ความชุกชุมของหอยทุกจุดสำรวจพบหอยขมมีจำนวนมากที่สุดรองลงมาคือหอยกาบอ้วนหอยขมลายหอยเชอรี่และหอยโข่งดังนี้คือ 8.34 , 7.77 , 2.83 , 1.79 และ 063 ตัวต่อตารางเมตรตามลำดับมีความยาวอยู่ในช่วง 22-31 , 40-49 , 17-21 , 20-29 , และ 25-34 มิลลิเมตรตามลำดับส่วนการศึกษาความหลากหลายของกุ้งฝอยนั้นพบกุ้งฝอยรวม 4 ชนิดได้แก่ชนิด Macrobrachium lanchesteri ชนิด Macrobrachium niphanae ชนิด Macrobrachium sp .และชนิด caridina laevis โดยพบกุ้งฝอย macrobrachuim lanchesteri มากที่สุดเฉลี่ย 31.45 ตัวต่อลอบขนาด 0.3 ตารางเมตรต่อคืนรองลงมาคือกุ้ง macrobrachuim SP macrobrachuim niphanae และ caridina laevis ความ 15.02 Value , และ 7.65 ตัวต่อลอบขนาด 03 ตารางเมตรต่อคืนตามลำดับและมีขนาดความยาวตัวอยู่ระหว่าง 33-42 28-37 , ,35-44 และ 9-18 มิลลิเมตรตามลำดับสำหรับการศึกษาการใช้ประโยชน์ของหอยและกุ้งฝอยในชุมชนบริเวณบึงโขงหลงพบว่าการใช้ประโยชน์ของหอยเพื่อการบริโภคในครัวเรือนเป็นส่วนใหญ่มีผู้ทำการประมงหอยและกุ้งฝอยจำนวน 37 22 และมีผลจับหอยเฉลี่ย 92
การแปล กรุณารอสักครู่..
